เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ออกแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับจี้ “ยิ่งลักษณ์” เสียสละลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ หลังพยายามดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่งผลให้ ปชช.ต่อต้าน จนหลุดเก้าอี้นายกฯมาเป็นรักษาการ ยก 3 ประเด็นหลัก ทำประเทศวุ่นวาย ขัดแย้ง แนะเปิดโอกาสนายกฯคนกลางเข้าแก้ปัญหานำความสงบคืนสู่ประเทศ
วันนี้ (11 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกันออกแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิณวัตร ว่านับตั้งแต่รัฐบาลได้ผลักดันให้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านสภา เกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรงจากประชาชน จนนำไปสู่การประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา และใช้ตำแหน่งรัฐบาลรักษาการบริหารประเทศมาตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 สถานการณ์โดยรวมของประเทศเกิดความวุ่นวาย มีการแตกแยกและขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการบาดเจ็บสูญเสีย ซึ่งเป็นผลจากการบริหารประเทศของรัฐบาลรกษาการพร้อมยกประเด็นต้นเหตุต่างๆ ดังนี้
1. โครงการจำนำข้าว เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าโครงการนี้มีการทุจริตอย่างกว้างขวางทุกขั้นตอน รัฐขาดทุนมากมาย ก่อหนี้ให้ประชาชนมหาศาล ที่สำคัญเป็นการทำลายโครงสร้างและวัฒนธรรมข้าวไทยอย่างสิ้นเชิง ทั้งจากการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย การตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และการแจ้งข้อกล่าวหาต่ออดีตรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งการเรียก ฯพณฯ เข้าไต่สวนโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นอกจากนี้ รัฐบาลของ ฯพณฯ ยังไม่สามารถจ่ายเงินจากการรับจำนำข้าวให้ชาวนา ทำให้ชาวนาเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จนเกิดการชุมนุมเรียกร้องในทุกภูมิภาคขณะนี้ 2.ผลการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แม้รัฐบาลของ ฯพณฯ จะอ้างว่ามีผู้ใช้สิทธิถึง 20 ล้านคนเศษ แต่แท้จริงแล้ว มีผู้มีเจตนาเลือกผู้แทนและพรรคการเมือง 14 ล้านคนเศษ คิดเป็นเพียง 34% ของผู้มีสิทธิ ในขณะที่บัตรเสียและผู้ไม่ต้องการออกเสียงมีถึง 13%ของผู้มีสิทธิ และผู้ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้งมีถึง 53% บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไม่ไว้วางใจในการเลือกตั้งผู้แทนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่บริหารและนิติบัญญัติภายใต้กติกาปัจจุบัน ซึ่งแทนที่ ฯพณฯ จะอาศัยข้อเท็จจริงนี้ เพื่อตัดสินใจดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ถูกต้อง กลับดำเนินการจัดการเลือกตั้งในสภาวะที่ไม่ปกติของสังคมต่อไปโดยไม่สนใจปัญหาที่จะเกิดตามมาอีกมากมาย ซึ่งอาจหมายถึงความรุนแรงและการสูญเสียเพิ่มขึ้นได้อีก
และข้อ 3.กระแสการเรียกร้องของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ แม้ ฯพณฯ จะแสดงเจตนาในการปฏิรูปโดยการจัดตั้งสภาปฏิรูป แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากทุกภาคส่วน จนไม่สามารถดำเนินการต่อได้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของ ฯพณฯ ไม่ได้รับการยอมรับและไว้ใจจากประชาชนในกระบวนการปฏิรูปประเทศ เหตุผลก็คือรัฐบาลของ ฯพณฯ เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องเกิดการปฏิรูปประเทศทั้งปัญหาการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติ ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ประชาชนต้องการคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง
จากประเด็นต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า หาก ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงบริหารประเทศต่อไป จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างความสงบให้เกิดขึ้นได้ในประเทศ พวกเราจึงขอแสดงความเห็นเพื่อเรียกร้องให้ ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการ พิจารณาให้รอบคอบ เสียสละลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ เปิดโอกาสให้นายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ปัญหาของชาวนา และนำประเทศเข้าสู่การปฏิรูปอย่างจริงจัง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มยุติการชุมนุม ประเทศกลับคืนสู่ความสงบ ทั้งนี้สอดคล้องกับความเห็นของนักกฎหมายและนักวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการทุกท่าน จะตัดสินใจภายใต้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราสามารถก้าวเดินต่อไป และเป็นที่ยอมรับในสังคมโลก ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (11 ก.พ.) ทางเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ออกแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯเพื่อย้ำเตือนอีกครั้ง โดยมีใจความว่า นับตั้งแต่รัฐบาลได้ผลักดันให้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านสภา เกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรงจากประชาชน จนนำไปสู่การประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา และรัฐบาลรักษาการของ ฯพณฯ ได้บริหารประเทศมาตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 สถานการณ์โดยรวมของประเทศเกิดความวุ่นวาย มีการ แตกแยกและขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการบาดเจ็บสูญเสีย มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ รัฐบาลถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันสูง เช่น โครงการจำนำข้าว ผลการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่ได้แก้ปัญหาของบ้านเมือง รวมทั้งกระแสการเรียกร้องของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ โดยประชาชนต้องการคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง
จากประเด็นต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า หาก ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงบริหารประเทศต่อไป จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างความสงบให้เกิดขึ้นได้ในประเทศ พวกเราจึงขอแสดงความเห็นเพื่อเรียกร้องให้ ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการ พิจารณาให้รอบคอบ เสียสละลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ เปิดโอกาสให้นายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ปัญหาของชาวนา และนำประเทศเข้าสู่การปฏิรูปอย่างจริงจัง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มยุติการชุมนุม ประเทศกลับคืนสู่ความสงบ ทั้งนี้สอดคล้องกับความเห็นของนักกฎหมายและนักวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนว่า เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่าจากประเด็นทั้งหมด หากนายกฯ และคณะรัฐมนตรียังรักษาการณ์อยู่ คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาและทำให้เกิดความสงบขึ้นได้ จึงอยากขอร้องให้นายกฯลาออกจากรักษาการณ์ เพราะเป็นคนเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาและยุติความขัดแย้งทั้งหมดได้ โดยเปิดให้เกิดการหานายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเข้ามาแก้ปัญหาต่อไป ความจริงแล้วแพทย์ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องของการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ เป็นเรื่องของการขาดจริยธรรม หากนายกฯ ยังคงอยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์ ก็ยังเป็นเรื่องการทับซ้อนของประโยชน์และไม่ได้รับการยอมรับในการแก้ปัญหา ซึ่งการที่กลุ่มแพทย์ร่วมกันเคลื่อนไหว เพราะปัญหาปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายแต่เป็นเรื่องจริยธรรม
รศ.นพ.ปรีชา วาณิชยเศรษฐกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า แพทย์เป็นกลุ่มที่จะยึดเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ไม่ใช่แค่กฏหมาย ซึ่งในวันนี้ไม่ทราบว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แต่เชื่อว่ากลุ่มคนที่บริหารประเทศ เป็นผู้นำ จำเป็นต้องมีจริยธรรมประกอบด้วย นอกเหนือจากการทำตามกฎหมาย ข้อเรียกร้องในครั้งนี้ คือ ขอให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่งรักษาการณ์ ไม่ใช่เพียงยุบสภาเพื่อถอดเสื้อออก ก่อนที่จะใส่เสื้อตัวเดิมกลับเข้าไป ทั้งน้ี ในเรื่องข้อเสนอของกปปส.เรื่องสภาประชาชนนั้น จุดยืนของเครือข่ายทางการแพทย์ ขณะนี้ คือ นายกต้องลาออก เพื่อให้คนกลางมาแก้ปัญหา ส่วนข้อเสนอของกปปส.เป็นสิ่งที่ใครจะเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยก็ได้ แต่
นพ.ธานินทร์ ศรีวราพรสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอยุธยา กล่าวว่า สำหรับเรื่องนายกฯคนกลางนั้น นักวิชาการ นักกฏหมายต่างก็ยืนยันว่า การสรรหานายกฯ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งมาตรา 3 และ มาตรา 7 เอื้อให้สามารถทำได้ ซึ่งปัจจุบันยังมีสมาชิกวุฒิสภา ทำหน้าที่อยู่ ซึ่งสามารถใช้ช่องทางนี้ในการสรรหาและหานายกคนกลางได้ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวหลังจากนี้ จะมีการรวบรวมรายชื่อบุคคลากรสาธารณสุข และข้าราชการ เพื่อแสดงจุดยืนและขอให้นายกฯ ลาออก
ทั้งนี้เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบด้วย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยบูรพา คณบดีคณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยลัยศิลปกร มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยพะเยา คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายกสภาวิชาชีพ นายกแพทยสภา นายกทันตแพทยสภา นายกสภาการพยาบาล นายกสภาเภสัชกรรม นายกสภาเทคนิคการแพทย์ นายกสภากายภาพบำบัด นายกสัตวแพทยสภาประชาคมสาธารณสุข ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรม รพศ/รพท สมาพันธ์แพทย์ รพศ/รพท ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ชมรมรองบริหาร รพศ/รพท สมาคมบริหารงานทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข ชมรมผู้บริหารทางการพยาบาลแห่งประเทศไทย ชมรมผู้บริหารการพยาบาลโรงพยาบาลชุมชน ชมรมเภสัชกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เครือข่ายพยาบาลเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ชมรมทันตแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ชมรมทันตแพทย์ รพศ/รพท ชมรมทันตภูธร ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน ชมรมนักกายภาพบำบัด รพศ/รพท ชมรมนักกายภาพบำบัดโรงพยาบาลชุมชน ชมรมรังสีการแพทย์ชุมชน ชมรมเทคนิคการแพทย์ รพศ/รพท ชมรมเทคนิคการแพทย์ชนบท ชมรมผู้บริหารสถานศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย สมาคมหมออนามัย
วันนี้ (11 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกันออกแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิณวัตร ว่านับตั้งแต่รัฐบาลได้ผลักดันให้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านสภา เกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรงจากประชาชน จนนำไปสู่การประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา และใช้ตำแหน่งรัฐบาลรักษาการบริหารประเทศมาตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 สถานการณ์โดยรวมของประเทศเกิดความวุ่นวาย มีการแตกแยกและขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการบาดเจ็บสูญเสีย ซึ่งเป็นผลจากการบริหารประเทศของรัฐบาลรกษาการพร้อมยกประเด็นต้นเหตุต่างๆ ดังนี้
1. โครงการจำนำข้าว เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าโครงการนี้มีการทุจริตอย่างกว้างขวางทุกขั้นตอน รัฐขาดทุนมากมาย ก่อหนี้ให้ประชาชนมหาศาล ที่สำคัญเป็นการทำลายโครงสร้างและวัฒนธรรมข้าวไทยอย่างสิ้นเชิง ทั้งจากการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย การตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และการแจ้งข้อกล่าวหาต่ออดีตรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งการเรียก ฯพณฯ เข้าไต่สวนโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นอกจากนี้ รัฐบาลของ ฯพณฯ ยังไม่สามารถจ่ายเงินจากการรับจำนำข้าวให้ชาวนา ทำให้ชาวนาเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จนเกิดการชุมนุมเรียกร้องในทุกภูมิภาคขณะนี้ 2.ผลการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แม้รัฐบาลของ ฯพณฯ จะอ้างว่ามีผู้ใช้สิทธิถึง 20 ล้านคนเศษ แต่แท้จริงแล้ว มีผู้มีเจตนาเลือกผู้แทนและพรรคการเมือง 14 ล้านคนเศษ คิดเป็นเพียง 34% ของผู้มีสิทธิ ในขณะที่บัตรเสียและผู้ไม่ต้องการออกเสียงมีถึง 13%ของผู้มีสิทธิ และผู้ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้งมีถึง 53% บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไม่ไว้วางใจในการเลือกตั้งผู้แทนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่บริหารและนิติบัญญัติภายใต้กติกาปัจจุบัน ซึ่งแทนที่ ฯพณฯ จะอาศัยข้อเท็จจริงนี้ เพื่อตัดสินใจดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ถูกต้อง กลับดำเนินการจัดการเลือกตั้งในสภาวะที่ไม่ปกติของสังคมต่อไปโดยไม่สนใจปัญหาที่จะเกิดตามมาอีกมากมาย ซึ่งอาจหมายถึงความรุนแรงและการสูญเสียเพิ่มขึ้นได้อีก
และข้อ 3.กระแสการเรียกร้องของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ แม้ ฯพณฯ จะแสดงเจตนาในการปฏิรูปโดยการจัดตั้งสภาปฏิรูป แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากทุกภาคส่วน จนไม่สามารถดำเนินการต่อได้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของ ฯพณฯ ไม่ได้รับการยอมรับและไว้ใจจากประชาชนในกระบวนการปฏิรูปประเทศ เหตุผลก็คือรัฐบาลของ ฯพณฯ เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องเกิดการปฏิรูปประเทศทั้งปัญหาการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติ ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ประชาชนต้องการคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง
จากประเด็นต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า หาก ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงบริหารประเทศต่อไป จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างความสงบให้เกิดขึ้นได้ในประเทศ พวกเราจึงขอแสดงความเห็นเพื่อเรียกร้องให้ ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการ พิจารณาให้รอบคอบ เสียสละลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ เปิดโอกาสให้นายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ปัญหาของชาวนา และนำประเทศเข้าสู่การปฏิรูปอย่างจริงจัง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มยุติการชุมนุม ประเทศกลับคืนสู่ความสงบ ทั้งนี้สอดคล้องกับความเห็นของนักกฎหมายและนักวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการทุกท่าน จะตัดสินใจภายใต้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราสามารถก้าวเดินต่อไป และเป็นที่ยอมรับในสังคมโลก ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (11 ก.พ.) ทางเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ออกแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯเพื่อย้ำเตือนอีกครั้ง โดยมีใจความว่า นับตั้งแต่รัฐบาลได้ผลักดันให้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านสภา เกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรงจากประชาชน จนนำไปสู่การประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา และรัฐบาลรักษาการของ ฯพณฯ ได้บริหารประเทศมาตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 สถานการณ์โดยรวมของประเทศเกิดความวุ่นวาย มีการ แตกแยกและขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการบาดเจ็บสูญเสีย มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ รัฐบาลถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันสูง เช่น โครงการจำนำข้าว ผลการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่ได้แก้ปัญหาของบ้านเมือง รวมทั้งกระแสการเรียกร้องของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ โดยประชาชนต้องการคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง
จากประเด็นต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า หาก ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงบริหารประเทศต่อไป จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างความสงบให้เกิดขึ้นได้ในประเทศ พวกเราจึงขอแสดงความเห็นเพื่อเรียกร้องให้ ฯพณฯ และคณะรัฐมนตรีรักษาการ พิจารณาให้รอบคอบ เสียสละลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ เปิดโอกาสให้นายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ปัญหาของชาวนา และนำประเทศเข้าสู่การปฏิรูปอย่างจริงจัง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มยุติการชุมนุม ประเทศกลับคืนสู่ความสงบ ทั้งนี้สอดคล้องกับความเห็นของนักกฎหมายและนักวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนว่า เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่าจากประเด็นทั้งหมด หากนายกฯ และคณะรัฐมนตรียังรักษาการณ์อยู่ คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาและทำให้เกิดความสงบขึ้นได้ จึงอยากขอร้องให้นายกฯลาออกจากรักษาการณ์ เพราะเป็นคนเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาและยุติความขัดแย้งทั้งหมดได้ โดยเปิดให้เกิดการหานายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเข้ามาแก้ปัญหาต่อไป ความจริงแล้วแพทย์ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องของการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ เป็นเรื่องของการขาดจริยธรรม หากนายกฯ ยังคงอยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์ ก็ยังเป็นเรื่องการทับซ้อนของประโยชน์และไม่ได้รับการยอมรับในการแก้ปัญหา ซึ่งการที่กลุ่มแพทย์ร่วมกันเคลื่อนไหว เพราะปัญหาปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายแต่เป็นเรื่องจริยธรรม
รศ.นพ.ปรีชา วาณิชยเศรษฐกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า แพทย์เป็นกลุ่มที่จะยึดเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ไม่ใช่แค่กฏหมาย ซึ่งในวันนี้ไม่ทราบว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แต่เชื่อว่ากลุ่มคนที่บริหารประเทศ เป็นผู้นำ จำเป็นต้องมีจริยธรรมประกอบด้วย นอกเหนือจากการทำตามกฎหมาย ข้อเรียกร้องในครั้งนี้ คือ ขอให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่งรักษาการณ์ ไม่ใช่เพียงยุบสภาเพื่อถอดเสื้อออก ก่อนที่จะใส่เสื้อตัวเดิมกลับเข้าไป ทั้งน้ี ในเรื่องข้อเสนอของกปปส.เรื่องสภาประชาชนนั้น จุดยืนของเครือข่ายทางการแพทย์ ขณะนี้ คือ นายกต้องลาออก เพื่อให้คนกลางมาแก้ปัญหา ส่วนข้อเสนอของกปปส.เป็นสิ่งที่ใครจะเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยก็ได้ แต่
นพ.ธานินทร์ ศรีวราพรสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอยุธยา กล่าวว่า สำหรับเรื่องนายกฯคนกลางนั้น นักวิชาการ นักกฏหมายต่างก็ยืนยันว่า การสรรหานายกฯ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งมาตรา 3 และ มาตรา 7 เอื้อให้สามารถทำได้ ซึ่งปัจจุบันยังมีสมาชิกวุฒิสภา ทำหน้าที่อยู่ ซึ่งสามารถใช้ช่องทางนี้ในการสรรหาและหานายกคนกลางได้ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวหลังจากนี้ จะมีการรวบรวมรายชื่อบุคคลากรสาธารณสุข และข้าราชการ เพื่อแสดงจุดยืนและขอให้นายกฯ ลาออก
ทั้งนี้เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบด้วย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยบูรพา คณบดีคณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยลัยศิลปกร มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยพะเยา คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายกสภาวิชาชีพ นายกแพทยสภา นายกทันตแพทยสภา นายกสภาการพยาบาล นายกสภาเภสัชกรรม นายกสภาเทคนิคการแพทย์ นายกสภากายภาพบำบัด นายกสัตวแพทยสภาประชาคมสาธารณสุข ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรม รพศ/รพท สมาพันธ์แพทย์ รพศ/รพท ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ชมรมรองบริหาร รพศ/รพท สมาคมบริหารงานทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข ชมรมผู้บริหารทางการพยาบาลแห่งประเทศไทย ชมรมผู้บริหารการพยาบาลโรงพยาบาลชุมชน ชมรมเภสัชกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เครือข่ายพยาบาลเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ชมรมทันตแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ชมรมทันตแพทย์ รพศ/รพท ชมรมทันตภูธร ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน ชมรมนักกายภาพบำบัด รพศ/รพท ชมรมนักกายภาพบำบัดโรงพยาบาลชุมชน ชมรมรังสีการแพทย์ชุมชน ชมรมเทคนิคการแพทย์ รพศ/รพท ชมรมเทคนิคการแพทย์ชนบท ชมรมผู้บริหารสถานศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย สมาคมหมออนามัย
