คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอทัย
การปกครองบ้านเมืองที่ดีตามความเห็นของเล่าจื้อ ปราชญ์จีนเมื่อ ๕๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราชมีว่า การปกครองบ้านเมืองที่ใหญ่โต เปรียบเสมือนการต้มปลาตัวเล็กๆ เป็นอาหาร เราไม่ควรคนมันบ่อยๆ เพราะจะทำให้เนื้อปลาแตกออกเป็นชิ้นๆ รัฐบาลที่ดีทีสุดคือ รัฐบาลที่ประชาชนไม่รู้สึกว่ารัฐบาลนั้นกำลังปกครองพวกเขาอยู่ รัฐบาลที่ดีเป็นอันดับรองลงมาคือ รัฐบาลที่ประชาชนยกย่องสรรเสริญ รัฐบาลที่อยู่เป็นอันดับต่อไปคือ รัฐบาลที่ประชาชนหวาดกลัว รัฐบาลที่แย่ที่สุดคือ รัฐบาลที่ประชาชนดูหมิ่นดูแคลน
วิธีการปกครองบ้านเมืองที่ดีที่สุดคือ การปกครองให้สอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นการปกครองที่เรียบง่าย และมัธยัสถ์ รัฐบาลที่ดีไม่วางนโยบายมากมายเกินจำเป็น หรือออกระเบียบกฎเกณฑ์พร่ำเพรื่อ แต่บริหารประเทศด้วยกลยุทธ์ล้ำเลิศ และแนบเนียน จนเมื่อหมดวาระการปฏิบัติงานแล้ว ประชาชนต่างพากันแซ่ซร้องสรรเสริญว่า “รัฐบาลชุดนี้ปกครองพวกเราอย่างธรรมชาติจริงๆ” รัฐบาลที่ดีไม่รบกวนประชาชนโดยไม่จำเป็น และไม่กระทำการต่างๆ ซึ่งแสดงว่าเข้าไปแทรกแซงบ่อนทำลายการดำเนินชีวิตที่สงบสุข และเรียบง่ายของประชาชน
ระเบียบกฎเกณฑ์ที่มากมายเกินไปทำให้ปกครองบ้านเมืองไม่ได้ ยิ่งมีข้อห้ามต่างๆ มากเท่าไร ประชาชนก็ยิ่งยากจนลงเท่านั้น ยิ่งออกกฎหมายมากเท่าไรก็ยิ่งมีโจรมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งส่งเสริมสนับสนุนเรื่องวัตถุมากเท่าไร ประชาชนยิ่งมีความโลภ และมีจิตใจหยาบกระด้างมากขึ้นเท่านั้น
ผู้ปกครองบ้านเมืองที่เฉลียวฉลาดไม่มีความคิดที่ตายตัว เขาถือว่าความปรารถนาของประชาชนเปรียบเสมือนความปรารถนาของตัวเขาเอง เขาไม่มีอคติทั้งคนดี และคนไม่ดี วิธีการปกครองของเขาจะทำให้ทุกคนกลายเป็นคนดีในที่สุด
ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ดีเชื่อมั่นทั้งผู้ที่มีความกตัญญูรู้คุณ และผู้ที่ยังไม่มีความกตัญญูรู้คุณ วิธีการปกครองของเขาจะทำให้ทุกคนจะกลายเป็นผู้ที่มีความกตัญญูรู้คุณในที่สุด
ผู้ปกครองบ้านเมืองที่เฉลียวฉลาดไม่ปล่อยให้ประชาชนคนใดไร้ค่า เพราะเขารู้วิธีที่จะทำให้ผู้นั้นเจริญงอกงามขึ้นมา และไม่มีสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ เพราะเขารู้วิธีที่จะทำให้ทุกสิ่งเป็นประโยชน์
“มรรควิธีของข้าพเจ้าเป็นความลับแห่งจักรวาล ความยิ่งใหญ่ของมันนั้นเหนือกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ ผู้ที่มีสติปัญญาดีจะสงวนมรรควิธีนี้ไว้ในหัวใจด้วยรักใคร่ และจะปฏิบัติตาม ส่วนผู้ที่มีสติปัญญาปานกลาง จะเข้าใจแบบฉาบฉวย และอาจสูญเสียมันไป ผู้ที่มีสติปัญญาต่ำจะเย้ยหยัน และไม่ยอมรับมัน”
แม้มรรควิธีนี้จะเกิดขึ้นมานานนับสองพันกว่าปีมาแล้ว แต่มันยังมีความสอดคล้องกับรัฐบาลของประเทศต่างๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะรัฐบาลรักษาการของประเทศไทยชุดปัจจุบัน เป็นรัฐบาลที่ประชาชนดูหมิ่นดูแคลนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลของประเทศไทย
รัฐบาลปัจจุบันเป็นรับบาลที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชนของตนเองอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่อ้างว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลที่ยึดมั่นในกติกาในระบอบประชาธิปไตย แต่กลับเป็นรัฐบาลที่อกกฎหมายเผด็จการที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกีดกันกลั่นแกล้ง และข่มขู่ประชาชนไม่ให้มีส่วร่วมในการแสดงออกทางการเมือง ใช้กฎหมายข่มขู่คุกคามผู้ที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนรัฐบาล และผู้สนับสนุน
รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ประชาชนดูหมิ่นดูแคลน ทั้งผู้ที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และผู้บงการอยู่เบื้องหลังการดำเนินนโยบาย และการตัดสินใจของรัฐบาล ดูหมิ่นดูแคลนนายกรัฐมนตรีรักษาการว่าโง่ งี่เง่า เป็นร่างทรงของพี่ชาย คิดเองไม่เป็น อ่านโพยผิดๆ ถูกๆ ดูหมิ่นดูแคลนรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีที่มาทำหน้าที่กำกับดูแลบ้านเมืองในช่วงวิกฤต รวมทั้งนายตำรวจระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติสองสามคน และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
รัฐบาลนี้จึงเป็นรัฐบาลที่ย่ำแย่ที่สุด โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีความเหมาะสมใดๆ ในการเป็นผู้นำระดับชาติ ในยามที่ประเทศชาติบ้านเมืองต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ และมีศักยภาพในการตัดสินใจแก้ปัญหาของประเทศ
วันนี้รัฐบาลนี้ได้ทำให้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกร่วมกันว่า ถ้ามีรัฐบาลแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลก็ได้ เพราะไม่เห็นว่ารัฐบาลนี้จะแก้ปัญหาอะไรได้ มิหนำซ้ำ รัฐบาลกลับสร้างปัญหาให้แก่ประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า วันแล้ววันเล่า ใช้อำนาจที่มีอยู่มาข่มเหงรังแกประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รัฐบาลมีอคติต่อประชาชนของตนเอง ผู้นำในรัฐบาลออกมาข่มขู่อาฆาตประชาชนของตนเอง ใช้กฎหมายอย่างไมเสมอภาค ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เลือกปฏิบัติ หลายมาตรฐาน
รัฐบาลปล่อยให้ประชาชนผู้แสดงออกทางการเมืองแบบสงบปราศจากอาวุธถูกฆ่าถูกทำร้ายด้วยอาวุธสงคราม ระเบิดร้ายแรง และวิธีการป่าเถื่อนต่างๆ นานา โดยไม่แสดงความรับผิดชอบจนประชาชน ไม่ให้ความไว้วางใจตำรวจให้เข้ามาดูแลคดีความ กลับไปพึ่งพาทหารให้มาเก็บรักษาหลักฐาน และคุ้มครองประชาชนแทน
รัฐบาลนี้จึงถือว่าเป็นรัฐบาลที่แย่ที่สุดตามทัศนะของเล่าจื้อ และเป็นรัฐบาลร่วมสมัยกับรัฐบาลเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว.