xs
xsm
sm
md
lg

เลาะเลียบสนามรบ “มวลมหาประชาชน” (1) / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย 
 
เย็นวันเสาร์ที่  ๑๑  มกราคม   ๒๕๕๗  ข้าพเจ้าออกเดินทางจาหาดใหญ่โดยสายการบินนกแอร์  โดยการอำนวยการของ วันชัย  พุทธทอง  จุดหมายปลายทางคือ สถานที่ชุมนุม คปท.ข้างทำเนียบรัฐบาล  การเดินทางครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากอธิการบดี และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ ที่อนุญาตให้บุคลากรและนิสิตในสังกัดสามารถเข้าร่วมแสดงออกทางการเมืองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้  โดยไม่ถือเป็นวันลา  หรือเป็นการขาดเรียน  เพียงแต่บันทึกถึงผู้บังคับบัญชา หรืออาจารย์
 
ข้าพเจ้าเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมืองล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม  ๑  ชั่วโมง  ก่อนขึ้นเครื่องบินที่หาดใหญ่  เจอคนรู้จัก และมีเป้ามหายการเดินทางอยู่ที่การชุมนุมของกองทัพธรรม ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันกับ คปท.  เธออาสาจะพาข้าพเจ้าไปยังที่ชุมนุมโดยแท็กซี่  แต่เธอเดินทางโดบสายการบินนกแอร์ และออกจากหาดใหญ่ก่อนข้าพเจ้านิดหนึ่ง  ครั้นถึงดอนเมืองข้าพเจ้านั่งรอเธอที่ประตูทางออกพักใหญ่ๆ  เมื่อไม่มีวี่แววก็ขึ้นบันไดเลื่อนชั้นสาม ของท่าอากาศยานไปรอเรียกแท็กซี่ประมาณ  ๑  ชั่วโมง  ไม่มีคันไหนยอมรับไปส่งนางเลิ้งเลย
 
โชคดีที่มีคนมีน้ำใจถามว่าจะไปไหน  เมื่อบอกจุดหมายปลายทาง  ท่านก็บอกว่าแถวนี้แท็กซี่มันไม่ไปหรอก  มันต้องการให้จ้างเหมา  ท่านบอกว่าเดี๋ยวไปกับท่าน  ท่านจะไปส่งแถวสุทธิสาร  แถวนั้นแท็กซี่เยอะ  เมื่อถึงแถวสุทธิสารท่านก็จอดให้ลง และเรียกแท็กซี่ให้ด้วยความมีน้ำใจ  ข้าพเจ้าสอบถามชื่อเสียงเรียงนามของท่าน  กล่าวขอบคุณทั้งสองสามีภรรยา  พร้อมส่งนามบัตรที่เตรียมมากล่าวว่า “ขอบคุณครับ หากผ่านทางไปสงขลา หรือหาดใหญ่  อย่าลืมให้ผมได้ตอบแทนน้ำใจในครั้งนี้นะครับ”
 
แท็กซี่พาข้าพเจ้าขึ้นทางด่วนมาส่งตรงแยกใกล้ๆ ที่ชุมนุมบนถนนพิษณุโลก  บอกว่าเขาไม่ให้เข้าในพื้นที่ชุมนุม  ข้าพเจ้าเหลือบดูมิเตอร์ค่าโดยสารอยู่ที่แปดสิบบาทกว่าๆ  จึงยื่นแบงก์ร้อยให้แท็กซี่  กล่าวขอบคุณ และบอกว่า “ไม่ต้องทอน”
 
ข้าพเจ้าตวัดสะพายเป้ และกระเป๋าสัมภาระข้ามถนนไปยังทางเข้าสถานที่ชุมนุม  ขณะเวลาล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่มแล้ว  เพิ่งมาทราบกับบรรจง  นะแส  ที่มาอยู่ในที่ชุมนุมก่อนแล้วหลายวันว่า  ที่นี่หลังสามทุ่มแล้วเป็นช่วงเวลาของการซุ่มยิงของหมาลอบกัด
 
ข้าพเจ้าผ่านการตรวจค้นของการ์ด คปท.เรียบร้อยด้วยวาจาอันสุภาพ  ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน  เป็นกันเอง  เดินเข้าสู่บริเวณด้านหลังเวทีอันเป็นกองบัญชาการของแกนนำ คปท.ประกอบด้วย  ทนายนกเขา หรือนิติธรณ์  ล้ำเหลือ  อุทัย  ยอดมณี  อมร  อมรรัตนานนท์  บรรจง  นะแส  สุรยัน (หมี)  ทองหนูเอียด  ฯลฯ
 
บรรจง  นะแส  กุลีกุจอต้อนรับด้วยอาหารมื้อค่ำอย่างง่ายๆ เป็นกันเองด้วยความอบอุ่น  ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนตัวเองมาอยู่ในสนามรบ  มากกว่าในที่ชุมนุมบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล  เพราะรอบๆ ตัวข้าพเจ้ามีบังเกอร์กระสอบทราย  ล้อยางรถยนต์  และผู้คนแต่งกายแบบนักรบในสนามรบ  แกนนำ และการ์ดบางคนสวมเสื้อเกราะตลอดเวลา  ตอนขึ้นเวทีเพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนก็มีคนขึ้นขนาบข้างตลอดเวลา
 
ส่วนพี่น้องประชาชนรอบๆ เวทีส่วนใหญ่ไปจากภาคใต้  ต่างพูดคุยทักทายเป็นกันเอง  แววตาของแต่ละคนมีความมุ่งมั่น  ไม่มีใครหวั่นเกรงภัยรายใดๆ  เมื่อแกนนำถามว่า “สู้ไม่สู้” จะมีเสียงตอบรับว่า “สู้” อย่างพร้อมเพรียง  ตามด้วยเสียงนกหวีด  เมื่อจ้องมองแววตาของแต่ละคนข้าพเจ้ารู้สึกด้วยสัมผัสที่หกว่า  พวกเขาเอาจริงตามที่พูดครับ
 
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ  ข้าพเจ้าก็ออกเดินสำรวจบริเวณรอบๆ ที่ชุมนุม  พบคนรู้จักมักคุ้นบางคน  เช่น  หนังวรรณ  ศิริวัฒโณ  น้องชายของกร  ศิริวัฒโณ  เพื่อนนักเขียนกลุ่มนาครที่เคยอยู่ด้วยกันที่ร่อนพิบูลย์  นครศรีธรรมราช  สอบถามได้ความว่า เขามาพร้อมคณะโนราผสมโรงระหว่างควนเนียงกับนครศรีธรรมราช  มาแสดงโนราคาบครก และคาบเรือหารายได้ช่วยเหลือครัวราชดำเนิน และครัว คปท.
 
ข้าพเจ้ามาที่นี่พร้อมนายหนังรุ่งวิเชียร  ตะลุงเสียงทอง หรือพี่วิเชียร  เกื้อมา  จากวิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลุง  พี่ชายของหนังวิชัย  ตะลุงเมธี  เพื่อนจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  สงขลา  หรือมหาวิทยาลัยทักษิณในปัจจุบัน  ข้าพเจ้าเป็นผู้ประสานงานหนังวิเชียรให้มาแสดงในสถานที่ชุมนุมเป็นเวลาสองคืน
 
เวลาประมาณหลังเที่ยงคืน  ข้าพเจ้าได้รับคิวขึ้นปราศรัยพบปะพี่น้องประชาชนเป็นคนสุดท้ายของคืนวันที่  ๑๑  มกราคม  หลังจากนั้น ก็เป็นรายการแสดงทอล์กโชว์หนังตะลุง โดยหนังตะลุงวิเชียร  ตะลุงเสียงทอง ได้รับความชื่นชอบจากพี่น้องผู้ร่วมชุมนุม  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนใต้ และมีความใกล้ชิดกับศิลปะการแสดงสาขาหนังตะลุง  ประกอบกับนายหนังได้ดัดแปลงเนื้อหาการแสดงให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างลงตัว  ทั้งในเรื่องบทกลอน  บทสนทนา และการผูกเรื่องราว  แม้ว่าจะใช้เวลาไม่มากเหมือนการแสดงหนังตะลุงเต็มรูปแบบ  แต่ก็จุใจผู้ชมที่ตื่นขึ้นมารับอรรถรสแบบพื้นบ้านกันทั่วหน้า
 
คืนนั้นข้าพเจ้าเข้านอนในที่พักหลังเวทีเมื่อเวลาประมาณตีสามกว่าๆ  หลับๆ  ตื่นๆ  ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำรถสุขาหน้าทำเนียบรัฐบาล  จนเวลาตีห้าก็ตื่นเต็มตัวมากินข้าวต้มไก่ที่มีคนใจดีนำมาบริการแต่เช้ามืด  แม้ว่าจะเหลือเพียงก้นหม้อ  แต่ก็อร่อยและประทับใจ  ตามด้วยกาแฟดำถ้วยที่สามของวันนี้
 
แล้วบรรจง  นะแส  ก็ชวนไปเดินดูบรรยากาศของสถานที่ชุมนุม  พบว่ามีร้านน้ำชากาแฟมาให้บริการผู้ร่วมชุมนุมทุกครั้งที่มีการชุมนุม  รอบๆ บริเวณที่ชุมนุมมีพี่น้องจากภาคใต้  จากหลายพื้นที่มาร่วมชุมนุมเหมือนมาทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองด้วยความเต็มใจ
 
จากการได้พบเห็นบรรยากาศของการชุมนุม  ทำให้ข้าพเจ้าอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า “นี่หรือพวกติดยาเสพติด  พวกอันธพาล  พวกว่างงาน  ฯลฯ” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ออกมากล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีประชาชนของตนครั้งแล้วครั้งเล่า
 
(อ่านต่อตอนที่ 2)
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น