สคบ.เล็งตั้งสำนักงานที่ภูเก็ตนำร่องทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาร้องเรียน

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สคบ.เล็งตั้งสำนักงานที่ภูเก็ต นำร่องทำงานเชิงรุก ลดปัญหาการร้องเรียน ระบุภูเก็ตมีปัญหาการร้องเรียนมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง และไทม์แชริ่ง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (28 ม.ค.) ที่โรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมด้วยคณะ และนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวผลการลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบกรณีการร้องเรียนของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง สคบ.เพื่อให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ว่า สคบ.เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 27 และ 28 ม.ค.57 เพื่อติดตามตรวจสอบปัญหาการร้องเรียน ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีปัญหาการร้องเรียนเข้ามายัง สคบ.มากเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ เรื่องของไทม์แชริ่ง และเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

สำหรับการลงมาพื้นที่ในครั้งนี้มาดู 4 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย ปัญหาการร้องเรียนเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งภูเก็ตมีทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นปัญหาที่มีการร้องเรียนเข้ามามากเป็นอันดับ 1 ทั้งเรื่องของบ้านร้าว เรื่องของการสร้างไม่เป็นไปตามที่โฆษณา เรื่องของภาษีนิติบุคคลที่ทางเจ้าของโครงการโยนให้เป็นภาระของผู้บริโภค และเรื่องอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาการร้องเรียนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ได้ฝากในส่วนของผู้ประกอบการให้ดูแลเรื่องของการก่อสร้างที่อยู่ติดกับเชิงเขา ขอให้ทำกำแพงให้มั่นคงแข่งแรง เพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องของการพังทลายลงมาได้ และถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าการร้องเรียนจะมีมากแน่นอน นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงเรื่องของคอนโดมิเนียม ที่ขณะนี้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ปัญหาหนึ่งคือ เรื่องของที่จอดรถ บางแห่งโฆษณาสร้างที่จอดรถมากกว่า 800 คัน แต่ในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้ จึงได้ฝากไปยังผู้ประกอบการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันไม่ให้มีการร้องเรียนในอนาคต ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการป้องปรามไว้ก่อนที่จะมีการร้องเรียนเกิดขึ้น

ส่วนเรื่องที่ 2 ที่คณะกรรมการ สคบ.ลงมาดูคือ เรื่องของการบริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางเรือ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเกิดปัญหาเรื่องของเรือล่มเพราะบรรทุกเกินน้ำหนักมาแล้ว ทาง สคบ.จึงลงมาพบกับทางผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวเพื่อหาแนวทางป้องกันร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซัน ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือในเรื่องของการเตรียมเสื้อชูชีพให้เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว และให้เพิ่มเรือยางเพื่อรองรับเด็กที่ติดตามพ่อแม่มาเที่ยว ซึ่งในแต่ละครั้งมีจำนวนมาก ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบการให้บริการเรือท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ต และพังงา พบว่า ในส่วนของพังงา ร้อยละ 90 ที่นักท่องเที่ยวไม่สวมเสื้อชูชีพ นอกจากนั้น ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบท่าเรือ และเรือให้มีความพร้อมในการให้บริการ และมีความปลอดภัยสูงสุดด้วย

3.ปัญหาเรื่องไทม์แชริ่ง ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่ทาง สคบ.ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ซึ่งเป็นการดำเนินการของชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนโดยให้นอมินีถือหุ้น ซึ่งธุรกิจเหล่านี้หลอกให้นักท่องเที่ยวซื้อสมาชิกโรงแรมที่พัก แต่เมื่อถึงเวลามาพักส่วนใหญ่ไม่มีห้องพักให้ รวมทั้งห้องพักไม่ได้ตามที่แจ้งไว้

และ 4.การจัดตั้งสำนักงาน สคบ.นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเน้นให้มีการทำงานเชิงรุกในเรื่องของการป้องปราม เนื่องจากที่ผ่านมา สคบ.ที่จังหวัดภูเก็ต มีเจ้าหน้าที่เพียง 2 คนเท่านั้น แต่หลังจากนี้จะมีการผนึกกำลังร่วมกับสำนักงานยุติธรรม และศูนย์ดำรงธรรมในการดำเนินการ ซึ่งสาเหตุที่มาตั้งศูนย์นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่มีการร้องเรียนเข้ามามาก การตั้งสำนักงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือ แต่คาดว่าน่าจะดำเนินการได้เร็วๆ นี้

ขณะที่ นายสมเกียรติ สังขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น ในปีงบประมาณ 2556 มีเรื่องร้องเรียนเข้ามายัง สคบ.จำนวน 204 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในจำนวนนั้นมีการไกล่เกลี่ยสำเร็จ ผู้ร้อง และผู้ถูกร้องตกลงกันได้ถึง 90% ของเรื่องร้องเรียน มีประมาณ 10% เท่านั้นที่ต้องส่งเรื่องไปยังส่วนกลาง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีฉลอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ