xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญนำทุ่นสึนามิชุดใหม่ติดตั้งแทนทุ่นเก่าที่สูญหายจนส่งสัญญาณไม่ได้แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ออกเดินทางนำอุปกรณ์ทุ่นลอยตรวจวัดสึนามิชุดใหม่ไปติดตั้ง และซ่อมแทนของเก่าที่ได้รับความเสียหายในมหาสมุทรอินเดีย หวังสร้างความเชื่อมั่นในการเตือนภัยล่วงหน้า

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและป่าชายเลน บ้านแหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมส่งผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวไทย และชาวอเมริกันที่ออกเดินทางไปกับเรือเอ็มวี ซีพเด็ค (MV SEAFDEC) ของศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำทุ่นลอยตรวจวัดสึนามิชุดใหม่ไปติดตั้ง และซ่อมแทนของเก่าที่ได้รับความเสียหายในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งการดำเนินการต้องใช้ระยะเวลาระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-5 ก.พ.

นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับทุ่นตรวจวัดสึนามิตัวเก่าที่ติดตั้งในปี 2548 จำนวน 1 ในทั้งหมด 3 ทุ่นที่วางไว้ในทะเลอันดามัน และน่านน้ำสากล ได้หลุดจากตำแหน่งไปด้วยสาเหตุใดไม่แน่ชัด ทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องวัดใต้ทะเลกลับมายังส่วนกลางได้ จึงต้องมีการนำทุ่นลอยตรวจวัดสึนามิชุดใหม่ไปติดตั้ง และซ่อมแทนของเก่าที่ได้รับความเสียหาย โดยใช้งบงบประมาณทั้งสิ้นรวมกว่า 21 ล้านบาท

สำหรับจุดที่จะเดินทางไปติดตั้งทุ่นชุดใหม่ อยู่ห่างจากจังหวัดภูเก็ตไปทางทิศตะวันตก ระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จะต้องนำอุปกรณ์ตรวจวัดแรงดันน้ำ (BPR) ซึ่งวางอยู่ที่ระดับน้ำลึกประมาณ 3,500 เมตร ขึ้นมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ และตรวจสอบระบบการทำงาน พร้อมนำทุ่นสำรองชุดใหม่ไปวางแทน ประกอบด้วย ตัวทุ่นลอย (BOUY) และอุปกรณ์ตรวจวัดแรงดันน้ำ (BPR)

โดยการดำเนินการครั้งนี้จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากสหรัฐอเมริกา เดินทางร่วมไปกับเรือศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะทำการตรวจสอบจนกว่าสัญญาณการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมดมีผล และรายงานกลับมายังศูนย์กลางข้อมูลเพื่อทำการวิเคราะห์ และเผยแพร่ได้จึงจะเป็นการสิ้นสุดกระบวนการทำงาน

สำหรับการซ่อมแซมทุ่นตรวจวัดสึนามิครั้งนี้มิใช่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยฝ่ายเดียว แต่เป็นประโยชน์กับนานาประเทศโดยรอบมหาสมุทรอินเดีย อันเป็นการช่วยลดการสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในประเทศไทย และชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยว จึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น