เอเจนซีส์ - ผู้บัญชาการกองเรือภาคเหนือของอิหร่านเผย หมู่เรือรบของสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ กำลังมุ่งหน้าสู่เขตพรมแดนทางทะเลของอเมริกาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อตอบโต้ที่แดนอินทรีส่งเรือรบไปประจำการในอ่าวเปอร์เซีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันแสดงความเคลือบแคลงสงสัยต่อข่าวนี้ แต่สำทับว่าเรือของทุกชาติย่อมมีเสรีภาพในการใช้น่านน้ำสากล
สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานเมื่อวันเสาร์ (8 ก.พ.) โดยอ้างการเปิดเผยของพลเรือเอกอัฟชิน เรซายี ฮัดดาด ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคเหนือว่า หมู่เรือรบของอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่เขตพรมแดนทางทะเลของสหรัฐฯในมหาสมุทรแปซิฟิกโดยผ่านน่านน้ำใกล้ๆ แอฟริกาใต้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว
รายงานแจกแจงว่า หมู่เรือรบนี้ ซึ่งประกอบด้วยเรือพิฆาต 1 ลำ และเรือลำเลียงที่บรรทุกเฮลิคอปเตอร์อีก 1 ลำ เริ่มต้นการเดินทางในวันที่ 21 มกราคม โดยออกจากเมืองท่า บันดาร์อับบัส ทางภาคใต้ของอิหร่าน เรือ 2 ลำนี้นำนักเรียนนายเรือราว 30 คนออกทำการฝึกฝนร่วมกับลูกเรือปกติ ในภารกิจที่กินเวลา 3 เดือน
ไออาร์เอ็นเอสำทับว่า การเดินทางครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความพยายามของเตหะรานในการปกป้องอำนาจของประเทศในตะวันออกกลางและภูมิภาคใกล้เคียง
ขณะที่ ฟาร์ส ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของอิหร่าน ระบุว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้ที่วอชิงตันส่งเรือรบไปประจำการในอ่าวเปอร์เซีย
เวลาใกล้ๆ กันนี้ เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐฯ ที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัว ได้บอกกับสื่อมวลชนโดยแสดงความเคลือบแคลงสงสัยต่อข้อกล่าวอ้างที่ว่า เรือรบอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่เขตพรมแดนทางทะเลของอเมริกา แต่สำทับว่า เรือทุกลำย่อมสามารถแล่นในน่านน้ำสากลได้อย่างเสรี
ทั้งนี้ อเมริกาและพันธมิตรทำการซ้อมรบกันเป็นประจำในอ่าวเปอร์เซีย โดยอ้างว่าเพื่อสร้างหลักประกันให้แก่เสรีภาพการเดินเรือในน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านของการส่งออกน้ำมันทางทะเลถึงราว 40% ของโลก
สหรัฐฯ นั้นมีสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารอยู่ในอ่าวเปอร์เซียหลายต่อหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานทัพแห่งหนึ่งของกองทัพเรือที่ 5 ในบาห์เรน ซึ่งมีทหารประจำการอยู่ราว 5,000 คน
ขณะที่อิหร่านมองว่า อ่าวเปอร์เซียเป็นสนามหลังบ้านของตน และเชื่อว่าตนมีผลประโยชน์อันถูกต้องชอบธรรมในการขยายอิทธิพลในอาณาบริเวณดังกล่าว
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่อิหร่านจึงมักออกมาข่มขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซที่ปากอ่าวเปอร์เซีย หากถูกโจมตีจากกรณีโครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งมองว่าการซ้อมรบของตะวันตกในบริเวณนั้นเป็นความพยายามขัดขวางอิทธิพลของเตหะราน
ในข่าวของฟาร์ส ยังรายงานด้วยว่า กองทัพเรืออิหร่านเริ่มเข้าไปปรากฏตัวในน่านน้ำสากลตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาดังเช่นได้จัดส่งเรือรบเข้าไปในมหาสมุทรอินเดียและอ่าวเอเดน อยู่เป็นประจำ เพื่อปกป้องเรือของอิหร่านจากการโจมตีของโจรสลัดโซมาเลีย
อิสราเอลถือเป็นโอกาสประณามอิหร่าน
ทางด้านนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ออกมาแถลงในวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ประณามความเคลื่อนไหวของอิหร่านคราวนี้ว่า เป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึง “ความก้าวร้าวรุกราน” ของอิหร่าน และเป็นข้อพิสูจน์ว่าอิหร่านไม่ได้ลดหย่อนผ่อนคลายนโยบายของตนเอง กระทั่งภายหลังจากที่เตหะรานทำข้อตกลงสำคัญกับพวกมหาอำนาจของโลก ในการหดลดโครงการนิวเคลียร์ของตนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่พวกมหาอำนาจจะคลายมาตรการลงโทษคว่ำบาตรให้บ้าง
อิสราเอลซึ่งเป็นรัฐเดียวในตะวันออกกลางที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองแล้วแม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ได้พยายามโฆษณาป่าวร้องมานานว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงคงอยู่ของรัฐยิว รวมทั้งคอยข่มขู่อยู่เรื่อยๆ ว่าตนไม่ยอมยกเลิกทางเลือกในการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์