ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตประธานเบอร์ซาตู ร่วมถกปัญหา 3 จชต. กับ กอ.รมน.ภ.4 สน. เผยการเจรจาระหว่าง สมช.-บีอาร์เอ็นล้มเหลว พูดคุยผิดกลุ่ม มาเลเซียไม่จริงใจ แนะทางออกให้เจรจากับแกนนำในพื้นที่
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมปฏิบัติการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ให้การต้อนรับนาย วันกอเดร์ เจะมาน นักวิชาการด้านการศึกษา อดีตประธานเบอร์ซาตู และประธานขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีไอพีพี ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เข้าสู่ขบวนการ “พาคนกลับบ้าน” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นโครงการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการนำผู้หลงผิด และอดีตแกนนำ แนวร่วมกลับมาตุภูมิ โดยไม่มีการดำเนินคดีทางอาญา ซึ่งการเดินทางกลับบ้านของ นายวันกอเดร์ ในครั้งนี้ มีบุคคลต่างๆ ร่วมในการให้การต้อนรับ เช่น ประธานกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา นายปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี รอง ผบช.ศชต. นายวิสุทธิ์ สิงห์ขจรวรกุล นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายทหารระดับสูงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จำนวนหนึ่ง
โดยนายวันกอเดร์ ได้เปิดเผยว่า ไม่ได้กลับมาบ้านเกิดที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กว่า 20 ปี การกลับมาครั้งนี้พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว โดยเฉพาะนโยบายของรัฐที่ปฏิบัติต่อประชาชนในพื้นที่ แต่ผู้เห็นต่างที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ไม่มีโอกาสรับรู้ข้อเท็จจริง เพราะผู้ที่นำเรื่องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปบอกเล่า ไม่ได้บอกเล่าในเรื่องข้อดี แต่บอกเล่าในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้เห็นต่าง จึงทำให้แกนนำ แนวร่วมส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการเข้าใจผิด และต่อต้านรัฐไทยด้วยการก่อความไม่สงบ
การเดินทางกลับบ้านตามนโยบาย “พาคนกลับบ้าน” ของ กอ.รมน.ครั้งนี้ของตน เกิดขึ้นจากที่ตนเห็นว่า แนวทางในการแบ่งแยกดินแดนด้วยวิธีการใช้ความรุนแรงไม่เกิดประโยชน์ และไม่มีทางได้รับชัยชนะเพราะต้องสู้กันมากว่า 50 ปีแล้ว ยังไม่ชนะ รวมทั้งพบว่าผู้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นผู้คนกลุ่มเล็กๆ เพียงกลุ่มเดียว ส่วนประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอยู่แบบเดิมๆ ตนเองเห็นด้วยสันติวิธีในการแก้ปัญหา ด้วยการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างเพื่อยุติความรุนแรง หยุดการเสียชีวิตของคนในพื้นที่ เพราะตลอดเวลาที่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ผู้เสียชีวิต ผู้เดือดร้อนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่น้องชาวมุสลิมด้วยกัน ซึ่งเสียชีวิตมากกว่าคนไทยพุทธ
ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาคส่วนของ สื่อมวลชน ได้ถามความเห็นของนายวันกอเดร์ ว่า มีความเห็นต่อการพูดคุยสันติภาพ ระหว่าง สมช.กับ ตัวแทนบีอาร์เอ็น ที่มีประเทศมาเลเซียเป็นผู้ประสนงานอย่างไร เป็นการพูดคุยถูกตัวหรือไม่ และจะทำให้สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงหรือยุติได้หรือไม่ โดยนายวันกอเดร์ ได้แสดงความเห็นต่อการพูดคุยสันติภาพระหว่าง สมช.กับ กลุ่มบีอาร์เอ็น ในครั้งนี้ว่า ไทยเดินถูกทาง คือ การพูดคุยกับผู้เห็นต่าง แต่ไทยทำผิดที่ไปพูดคุยกับกลุ่มบุคคลที่ไม่มีอำนาจในขบวนการ โดยนายวันกอเดร์ ระบุว่า ฮาซัน ตอยิบ เป็นบุคคลที่ไม่มีอำนาจในขบวนการ ไม่สามารถสั่งการได้ และในการพูดคุยครั้งนี้ผิดฝาผิดตัวตั้งแต่วันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ นัดเจอแกนนำ จำนวน 16 คน เพื่อพูดคุยกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และหนึ่งใน 16 คนที่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายรัฐมนตรีของไทย เมื่อมีการคัดเลือกจาก 16 คน เหลือ 8 คน เพื่อพูดคุยอย่างเป็นทางการจึงพบว่า มีการเอาคนที่ไม่มีบทบาทไปพูดคุย จึงทำให้การพูดคุยไม่เกิดประโยชน์
นายไชยยงค์ ได้ตั้งข้อสงสัยว่า การเลือกเอาบุคคลต่างๆ มาพูดคุยสันติภาพในครั้งนี้ เป็นการประสานงานของฝ่ายมาเลเซีย ไม่ใช่เป็นการเลือกโดย สมช. ถ้ามาเลเซียนำเอาคนที่ไม่มีบทบาท ไม่มีอำนาจในองค์การ และไม่สามารถสั่งการคนในขบวนการได้ แสดงว่ามาเลเซีย ไม่มีความจริงใจ และมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ใช่หรือไม่ นายวันกอเดร์ ตอบว่า ถ้ารัฐไทยยังไว้วางใจให้มาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน เป็นคนกลาง และใช้พื้นที่ในประเทศมาเลเซียต่อไป อีก 20 ปีปัญหาก็จะไม่จบ ตนบอกได้แค่นี้
เมื่อถามต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะแก้อย่างไร นายวันกอเดร์ กล่าวว่า ต้องเปลี่ยนวิธีการ คือ อย่าให้ความสำคัญกับองค์กรมากกว่าบุคคล เพราะองค์กรต่างๆ ผู้นำไม่มีบทบาท ไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง อำนาจ และบทบาทอยู่ที่ตัวบุคคล รัฐไทยต้องพูดคุยกับแกนนำ แนวร่วมในพื้นที่ให้มากกว่าในต่างประเทศ เพราะผู้ที่มีอำนาจมีบทบาทสั่งการอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด และต้องมีพื้นที่ปลอดภัยเพื่อพูดคุยในประเทศไทย ในจังหวัดไหน ภาคไหน ก็ได้ แต่ไม่ควรใช้พื้นที่ของประเทศอื่น
นายวันกอเดร์ กล่าวว่า นักการเมืองก็มีส่วนในการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น โดยมีการยกตัวอย่าง การตั้งที่ปรึกษาของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฝ่ายความมั่นคง ที่ตั้งที่ปรึกษา 9 คน แต่เป็นคนที่มาจากกลุ่มเดียวกัน ในขณะที่กลุ่มผู้ขัดแย้งซึ่งเห็นต่างจากรัฐไทยมีถึง 4 กลุ่ม การแก้ปัญหาเพื่อยุติปัญหาจึงต้องพูดคุยกับคนทั้ง 4 กลุ่ม และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นายวันกอเดร์ กล่าวว่า 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เป็นการกระทำของขบวนการ ส่วนอีก 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นความขัดแย้งในเรื่องอื่นๆ
ส่วนเงินสนับสนุนการก่อการร้าย นายวันกอเดร์ กล่าวว่า เงินส่วนใหญ่ยังเป็นเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ส่วนที่มีการกล่าวว่า เป็นเงินจากการค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อนนั้นตนเองยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เพราะเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้เพียงระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม นายวันกอเดร์ กล่าวว่า ขบวนการต่างๆ ทั้ง 4 ขบวนการ ส่วนใหญ่ไม่มีกองกำลัง มีเพียงบีอาร์เอ็น ที่มีกองกำลัง และปฏิบัติการก่อการร้ายในพื้นที่ แต่นาเสียดายที่รัฐไทยพูดคุย หรือเจรจาไม่ถูกตัว ถ้ามีการพูดคุยถูกตัวปัญหาต้องแก้ได้ สำหรับตนเองนั้นจะพยายามสื่อสารกับกลุ่มคนผู้เห็นต่างที่ตนเองรู้จัก และพูดคุยกันได้เพื่อให้รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้คนเหล่านั้นเข้าใจ และเดินทางกลับบ้านตามนโยบายของรัฐบาล “วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว วิธีคิดก็เปลี่ยนไปแล้ว เรื่องการแบ่งแยกดินแดนเลิกคิดได้แล้ว เพราะไม่มีทางประสบความสำเร็จ วิธีเดียวคือการใช้สันติวิธี ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกัน” นายวันกอเดร์ กล่าวทิ้งท้าย