xs
xsm
sm
md
lg

ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศไทย / จรูญ หยูทอง-แสงอทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

ต้องยอมรับความจริงว่าขณะนี้การเมืองไทยในระบอบรัฐสภาที่มีรัฐบาลมาจากเสียงข้างมาก และรัฐธรรมนูญให้อำนาจรัฐสภาไว้มากจนกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา และรัฐบาลทรราชเสียงข้างมากมาถึงทางตัน และขาดความชอบธรรมจนประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถจะยอมรับได้ และการยุติปัญหาความขัดแย้งด้วยการยุบสภา หรือลาออกของรัฐบาลแล้วไปจัดการเลือกตั้งใหม่ตามแบบสากลก็ไม่ใช่ทางออกอย่างที่เคยเป็น และใช้ได้ผลมาแล้วในประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย เพราะบริบทของสังคมไทยในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหาแบบนั้น

ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งทางการเมือง นักวิชาการทางด้านนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ รวมทั้งผู้สนใจการเมืองมักจะออกมายืนยันตามหลักการจากตำราที่ร่ำเรียนมา และยึดประเพณีปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ปฏิเสธทางเลือกใหม่ๆ ที่ไม่อยู่ในตำรา และรัฐธรรมนูญ ตลอดจนประเพณีปฏิบัติ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงทุกคนก็น่าจะรู้ว่าไม่มีรูปแบบการเมืองการปกครอง หรือกฎหมายใดในโลกที่สามารถใช้ได้พอดีแก่ทุกสังคม เหมือนดั่งกับเสื้อผ้าชุดเดียวจะสวมได้พอดีกับทุกคนย่อมเป็นไปไม่ได้ ย่อมต้องมีการออกแบบดัดแปลงให้เหมาะสมไปตามสภาพข้อเท็จจริงทางสังคม

การที่นักวิชาการ และผู้รู้เหล่านั้นออกมายืนยัน และกล่าวหาว่า ข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในนามตัวแทนของมวลมหาประชาชน หรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เป็นเรื่องเพ้อฝัน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นับเป็นรูปธรรมหนึ่งของการยึดหลักการเดิมๆ และไม่เปิดพื้นที่สำหรับทางเลือกใหม่ๆ เพื่อการเมืองที่ไปไกลกว่าการเมืองของนักเลือกตั้ง บทเรียนในสังคมไทยกรณีความขัดแย้งทางการเมืองคือ การที่แต่ละฝ่ายไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายบนพื้นฐานของการคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ มักจะยึดหลักการเดินไปตามแนวทางที่เห็นว่าล้มเหลว และนำไปสู่ความขัดแย้งไม่มีที่สิ้นสุด

 
แต่สุดท้าย เมื่อความขัดแย้งนั้นไม่มีทางออก และนำไปสู่การนองเลือดซึ่งส่วนใหญ่มาจากการกระทำของฝ่ายที่ยึดหลักการ และมีอำนาจแต่ขาดความชอบธรรม เมื่อมีการสูญเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปจำนวนหนึ่ง ทุกฝ่ายก็กลับมายินยอมพร้อมใจรับฟังข้อเสนอที่แตกต่างกันได้เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นต่างกันมาแต่ต้น เมื่อได้ฟังนักวิชาการ และผู้เคร่งครัดในหลักการตามรัฐธรรมนูญ และประเพณีปฏิบัติอันเห็นอยู่แล้วว่าล้มเหลวและนับวันจะยิ่งแย่ลง ข้าพเจ้าอดนึกไปถึงเรื่องเล่าเก่าๆ ที่เป็นอุทาหรณ์อย่างดีสำหรับ “นักหลักการนิยม” ทั้งหลายที่ว่า

“มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะเอาผลไม้ที่สุกอยู่เต็มต้นมากินให้ได้ แต่ไม้ผลต้นนั้นสูงเกินกว่าจะปลิดสอยได้ง่าย เขาจึงใช้ไม้สั้นๆ ขนาดเหมาะมือขว้างผลไม้เพื่อประหยัดพลังงานจากการปีนป่ายขึ้นไปเก็บผลไม้ อีกทั้งเพื่อป้องกันภัยจากการพลั้งพลาดตกต้นไม้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ขว้างไปขว้างมาปรากฏว่าไม้ที่ใช้ขว้างไปค้างอยู่บริเวณกิ่งไม้ที่มีผลไม้สุกอยู่เต็ม เขาจึงต้องปีนป่ายขึ้นไปเอาไม้แล้วกลับลงมาขว้างต่อที่พื้น โดยไม่ยอมเก็บผลไม้ที่กิ่งดังกล่าวลงมาแม้แต่ผลเดียว

เพื่อนตามมาทีหลังเห็นเขาทำอย่างนั้นจึงถามเขาว่าทำไมขึ้นไปเอาไม้ขว้างถึงกิ่งที่มีผลไม้อยู่เต็มแล้วเอาแต่ไม้ขว้างลงมาขว้างต่อ ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ขึ้นไปถึงจุดที่สามารถปลิดผลไม้ด้วยมือได้แล้ว ชายหนุ่มตบหัวตัวเองด้วยความโมโหพร้อมกล่าวว่า เออสินะ เรามัวแต่คิดเรื่องขว้างจนลืมไปว่าที่ขว้างนี่เพราะไม่อยากปีนต้นไม้ แต่เมื่อปีนต้นไม้ไปถึงผลไม้แล้วกลับไม่คิดถึงเรื่องปลอกผลไม้ด้วยมือ” นี่คือตัวอย่างของคนที่ยึดหลักการจนลืมวิธีการไปสู้เป้าหมายว่ามันมีหลายวิธี

 
อีกเรื่องหนึ่ง “ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเรือโดนพายุล่ม เขาลอยไปติดเกาะกับสุนัขตัวเมียตัวหนึ่ง อยู่มานานหลายวันเกิดมีอารมณ์อยากมีเพศสัมพันธ์กับสุนัขแต่เนื่องจากโดยสัญชาตญาณสุนัขตัวเมียที่ไม่ติดสัดมันไม่ยอมให้ชายหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมันง่ายๆ มันใช้ปากแว้งกัดทุกครั้งที่ชายหนุ่มพยายามจะร่วมเพศกับมัน จนชายหนุ่มต้องเลิกล้มความตั้งใจไปหลายต่อหลายครั้ง อยู่มาวันหนึ่ง มีหญิงสาวหน้าตาดีโดนพายุพัดพามาติดเกาะ และได้รับความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของชายหนุ่มหญิงสาวจึงยินยอมพร้อมใจทุกอย่างแล้วแต่ชายหนุ่มจะเรียกร้องต้องการอะไรจากหล่อน

จึงได้เอ่ยปากบอกชายหนุ่มไปว่ามีอะไรที่ชายหนุ่มต้องการให้หล่อนตอบแทนบุญคุณบ้าง โดยในใจหล่อนคิดว่าแม้แต่ความสาวของหล่อนหล่อนก็ยินดีจะมอบให้ผู้มีบุญคุณช่วยเหลือหล่อนให้รอดชีวิต แต่แทนที่ชายหนุ่มจะร้องขอความสาวของหล่อน ชายหนุ่มกลับบอกหล่อนด้วยท่าทางขวยอายว่า ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ผมขอความกรุณาให้คุณช่วยจับปากสุนัขอย่าให้มันแว้งกัดผมตอนที่ผมจะมีเพศสัมพันธ์กับมันทีครับ” นี่ก็เป็นตัวอย่างของจอมหลักการที่ในใจคิดแต่จะมีเพศสัมพันธ์กับสุนัข แม้ว่าสถานการณ์ และบริบทจะเปลี่ยนไปแล้วมากมายก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป้าหมายและวิธีการ

บรรดานักวิชาการ และจอมหลักการทั้งหลายในสังคมไทยในขณะนี้ก็คงไม่ต่างกับชายหนุ่มในเรื่องเล่าทั้ง 2 ข้างต้น ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยมีทางออกเพียงทางเดียวอย่างเรื่องเล่า 2 เรื่องข้างต้น เราต้องมาช่วยกันหาทางออกทางที่ 3 ที่ 4 ให้แก่สังคมไทยในขณะนี้ให้ได้ เมื่อการยุบสภา และลาออกไม่ใช่ทางออกที่ต้องการอีกต่อไป แล้วทางออกที่เหมาะสมกว่านี้คืออะไร

 
สำหรับข้าพเจ้าคือ เบื้องต้นต้องยุบสภา หรือลาออกโดยยอมรับร่วมกันว่าจะต้องมาแสวงหาทางออกให้ชาติบ้านเมืองด้วยกัน หลังจากนั้นก็จัดตั้งสภาประชาชนในลักษณะคล้ายๆกับ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” (ส.ส.ร.) ที่เราเคยมีในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน มาทำหน้าที่ออกแบบการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ และเที่ยงธรรม มีรัฐบาลที่มาจากประชามติมาทำหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะปฏิรูปการเมืองระยะสั้นเสร็จแล้วค่อยมีรัฐสภาเพื่อปฏิรูปการเมืองและปฏิรูปประเทศไทยในระยะยาว ส่วนอุปสรรคปัญหาขัด หรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ อันนี้ไม่น่าจะเป็นกับดักหรือข้ออ้างเพื่อปิดทางออกให้แก่ชาติบ้านเมือง

หรือใครคนอื่นว่ายังไง หยุดด่า หยุดประณาม และหยุดสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองแล้วร่วมกันหาทางออกที่ดีกว่ากันเถอะครับ ก่อนที่เราจะฆ่ากันจนสิ้นชาติโดยไม่รู้ว่าใครได้ประโยชน์จากความตาย และการสูญเสียเหล่านั้น
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น