คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ ตุลาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้า และสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จำนวน ๒๖ คน ซึ่งประกอบด้วย บุคลากรจากมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มศว ประสานมิตร และเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนกับทัวร์สีรุ้ง ภายใต้การอำนวยความสะดวกของคุณหยาดรุ้ง (รุ้ง) เจ้าของ และผู้จัดการบริษัทคอยต้อนรับอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กับคุณสิริพร (เบียร์) และมีน้องนุ้ย หรือตัน ตัน เป็นไกด์ท้องถิ่นคอยให้การต้อนรับอยู่ที่ปักกิ่ง
การบินไทยออกเดินทางจากสุวรรณภูมิเวลาประมาณ ๑๐.๑๐ น. ใช้เวลาบิน ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาที ถึงกรุงปักกิ่ง บรรยากาศอึมครึมด้วยหมอกหนา และความหนาวเย็น อุณหภูมิ ๑๐ องศากว่าๆ สำหรับชาวจีนถือว่าอากาศกำลังดี แต่สำหรับคนไทยอย่างพวกเราถือว่าค่อนข้างหนาวแล้ว เราจึงลงจากเครื่องบินด้วยชุดกันหนาวแบบพร้อมเผชิญกับความหนาว
ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปรับกระเป๋าเดินทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๕ นาที ก็ถึงจุดรับกระเป๋าเดินทาง เมื่อได้กระเป๋าเดินทางแล้ว รุ้งก็นำเราไปขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังร้านอาหาร เสร็จแล้วไปยังโรงแรมโฟร์ซีซัน โรยัลปาร์ค อยู่ที่วงแหวน ๔ ฝั่งตะวันตกของปักกิ่ง เป็นโรงแรมระดับ ๔ ดาวของปักกิ่ง
ข้าพเจ้าเข้าพักห้อง ๓๑๓๙ ร่วมกับพี่พิทยา บุษรารัตน์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันทักษิณคดีศึกษา และเพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนแยกย้ายกันเข้าพักในโรงแรม รุ้งแจ้งกำหนดการต่างๆ ในวันพรุ่งนี้ว่าจะปลุกตอน ๖ โมงเช้า (ตีห้าบ้านเรา) ทานอาหารเวลา ๗ โมง ออกเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวเวลา ๘ โมงเช้า
อาหารมื้อแรกในโรงแรมมีทั้งอาหารจีน อาหารฝรั่ง เน้นหนักพวกผัก ผัดๆ ทอดๆ สลัดผัก ไข่ต้มใบชา บะหมี่ น้ำชา กาแฟ ข้าวต้ม ฯลฯ แต่ที่น่างสังเกตคือ ไม่มีเครื่องปรุงประเภทซอส น้ำปลา พริกไทย อย่างบ้านเรา รสชาติอาหารมีทั้งจืด มัน เค็ม คณะของเราโชคดีที่คุณรุ้งมีน้ำพริกนรก สวรรค์ และน้ำจิ้มอาหารทะเล พร้อมด้วยกาแฟมิกซ์จากเมืองไทยไปเสิร์ฟให้ทุกมื้อ
ปักกิ่ง หรือเป่ยจิง เป็นเมืองหลวงของประเทศจีน มีพื้นที่ประมาณ ๑๖,๘๐๐ ตร.กม. มีประชากรประมาณ ๑๓ ล้านคน เฉพาะย่านใจกลางเมืองมีประชากรประมาณ ๘ ล้านคน เป็นศูนย์กลางการปกครองมานานกว่า ๖๐๐ ปี มีมรดกทางวัฒนธรรมจากราชวงศ์ต่างๆ มากมาย ทั้งกำแพงเมืองจีน ที่เป็นสิ่งสุดยอดมหัศจรรย์มรดกโลก พระราชวังต้องห้ามที่กว้างใหญ่สุดอลังการ อุทยาน สุสานของราชวงศ์ต่างๆ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้งคนจีน และคนต่างชาติ
ผังเมืองของกรุงปักกิ่งถูกวางให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมมาตั้งแต่แรกสร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ถนนหนทางจึงทอดตรงยาวเหยียดจากเหนือจดใต้ และจากตะวันออกไปตะวันตก ศูนย์กลางเมืองอยู่ที่พระราชวังต้องห้าม และจัตุรัสเทียนอันเหมิน ปัจจุบัน ตัวเมืองขยายออกไปมากจนเกิดถนนวงแหวนซ้อนกันถึง ๕ ชั้น แต่รถก็ยังติดขัดบนถนนสายหลัก แต่ต่างกับเมืองไทยตรงที่ “รถในปักกิ่งจะติดวันละ ๒ เวลาคือ เช้ากับเย็น ส่วนเมืองไทยติดทั้งวัน”
ระบบขนส่งมวลชนในเมืองจีนทำได้ดี ทั้งรถไฟใต้ดิน รถเมล์วิ่งครอบคลุมทุกพื้นที่ ค่าโดยสารก็ไม่แพง ทำให้ประชาชนหันมาใช้บริการขนส่งมวลชนกันมากยิ่งขึ้น ป้ายบอกทาง และชื่อสถานที่ต่างๆ ทำเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น ห้องน้ำสาธารณะที่เคยเป็นที่กล่าวขานจนน่ากลัว ก็ได้รับการปรับปรุงในเรื่องความสะอาดในระดับที่พอรับได้ แถมให้ใช้ฟรี
ปักกิ่งวันนี้เป็นเมืองหลวงที่ทันสมัยอีกแห่งหนึ่งของโลก เต็มไปด้วยตึกระฟ้ากรุกระจกในย่านธุรกิจ ขณะเดียวกัน ชุมชนโบราณดั้งเดิมที่เรียกว่า “หูท่ง” ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามหลังตึกทันสมัยเหล่านี้ ผู้คนเริ่มมีความแตกต่างในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่มากขึ้น
เราเริ่มต้นการท่องเที่ยวในกรุงปักกิ่ง จากจัตุรัสเทียนอันเหมินเหมือนนักท่องเที่ยวอื่นๆ โดยทั่วไป โดยเดินผ่านตึกรูปไข่ต้มที่เป็นโรงละครแห่งชาติ แล้วลงทางลอดอุโมงค์ลอดใต้ดินไปยังจัตุรัสเทียนอันเหมิน ตรงข้ามอาคารมหาศาลาประชาคม
จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวกรุงปักกิ่ง เที่ยวชมสถานที่รอบๆ จัตุรัสจากประตูเฉียนเหมิน สุสานประธานเหมาเจ๋อตง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน มหาศาลาประชาคม และอนุสาวรีย์วีรบุรุษแห่งชาติ เดินลอดทางข้ามถนนฉางอาน ถนนสายกว้างไปยังประตูเทียนอันเหมิน ซึ่งมีรูปประธานเหมาเจ๋อตุงติดอยู่เหนือทางเข้าเป็นเส้นทางสู่พระราชวังต้องห้ามที่เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิจีน ตามเส้นทางมังกร
(ต่ออังคารหน้า)