ปัตตานี - กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับนำปัญหาเครื่องมือประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำออกกฎกระทรวงเกษตร เพื่อบังคับใช้ในพื้นที่ทำประมง ป้องกันการสูญพันธุ์ของพันธ์ุสัตว์น้ำ
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ห้องประชุมน้ำพราว โรงแรม ซีเอส.ปัตตานี นายวิรัช กัลยาศิริ รองประธานกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะฯ ได้พบปะและรับฟังปัญหาของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อหาแนวทาง และแก้ไขปัญหาของชาวประมงต่อไป ซึ่งการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้ อันเนื่องจากทางกรรมาธิการฯ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวประมงพื้นบ้านที่เกี่ยวกับเครื่องมือทำประมงที่มีการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำในพื้นที่ชายฝั่ง ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำตามแนวชายฝั่ง และในบริเวณอ่าวปัตตานี
สืบเนื่องจากการพัฒนาเครื่องมือการประมงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้การบังคับใช้กฎหมาย หรือตรากฎหมายนั้นไม่ครอบคลุมกับเครื่องมือทำประมงรูปแบบใหม่ได้ จึงกลายเป็นช่องว่างของกฎหมายในการที่จะเอาผิดต่อการใช้เครื่องมือเหล่านั้น เช่น การทำประมงลอบรูปแบบใหม่ ที่ทำมาเป็นชั้นๆ หรือที่เรียกกันว่า “ไอ้โง่” สาเหตุที่เรียกอุปกรณ์เครื่องมือนี้ว่า “ไอ้โง่” เนื่องจากเครื่องมือประเภทนี้ทำด้วยด้ายเรืองแสงจึงสามารถล่อปลา กุ้ง ปู เข้าไปเกือบทุกชนิดและประกอบกับตาอวนนั้นมีขนาดเล็กมาก จึงทำให้อุปกรณ์ประเภทนี้อาจนำสู่การสูญพันธุ์ของสัตว์น้ำได้
จากการพูดคุยในครั้งนี้ ทางตัวแทนประมงพื้นบ้านได้เสนอปัญหาของการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เช่น การทำประมงลากข้าง อวนรุน ที่ยังคงมีเหลืออยู่ในพื้นที่ไม่เกิน 7 ลำ และพร้อมที่จะเพิ่มขึ้นได้ถ้าหากการบังคับใช้กฎหมายยังไม่เกิดเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น ช่องว่างของกฎหมายที่ยังคงเป็นประเด็นปัญหาเพราะต้องดำเนินการเอาผิดในขณะที่ทำประมงประเภทดังกล่าวซึ่งหน้า จึงยากที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเอาผิดต่อผู้ประกอบการได้ถึงแม้เครื่องมือดังกล่าวจะมีแสดงไว้บนเรือแล้วก็ตาม
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการ หรือปราบปรามประมงเครื่องมือที่ผิดกฎหมาย เพื่อสามารถรักษาทรัพยากรอย่างยั่นยืนได้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องที่จะนำสู่การแก้ไขกฎหมายให้ทัน หรือสอดคล้องกับการพัฒนาเครื่องมือทำประมง โดยที่ทางคณะกรรมาธิการฯ จะผลักดันให้มีการออกกฎกระทรวงเกษตร เพื่อให้สามารถเอาผิดต่อการทำประมงแบบไอ้โง่ และทำประมงอวนรุน อวนลากมีความผิดแม้กระทั่งมีไว้ครอบครอง ซึ่งคาดว่าจะทันประกาศเป็นกฎกระทรวงฯ ภายในเร็วๆ นี้
ด้านนายมักตาร์ สะแม ประธานชมรมประมงพื้นบ้านเมืองปัตตานี กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ทางคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้มารับฟังปัญหาของชาวประมงพื้นบ้าน และรับที่จะดำเนินแก้ไขโดยออกเป็นกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อบังคับเอาผิดต่อผู้ที่ยังฝ่าฝืน หรือนิยมที่จะเลือกใช้เครื่องมือดังกล่าว จึงคาดว่าถ้าสามารถบังคับใช้เป็นรูปธรรมได้นั้นจะทำให้สัตว์น้ำในอ่าวปัตตานีตลอดจนจนตามชายฝั่งเพิ่มขึ้น และจะทำให้ชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน