ประจวบคีรีขันธ์ - เครือข่ายประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ รวมตัวประท้วงจี้ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินการต่อกลุ่มอิทธิพลเรือคราดหอยลาย ที่ใช้กำลังคุกคามแกนนำประมงพื้นบ้าน ถึงขั้นตั้งค่าหัว 8 แสนบาท
จากกรณี นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แกนนำเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด อายุ 42 ปี ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณใบหน้า และตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำ ที่บริเวณสะพานปลา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (13 ส.ค.) นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมชาวบ้านเสื้อเขียวจากเครือข่ายประมงพื้นบ้านกว่า 200 คน ได้เดินทางมารวมตัวที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นได้เดินประท้วงในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมถือป้ายผ้า และมีการปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีกลุ่มเรือคราดหอยลาย พร้อมทั้งรณรงค์ไม่ให้คน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กินหอยลายเพื่อประท้วงกลุ่มนายทุน
จากนั้นได้เดินไปรวมตัวกันที่สะพาน เพื่อให้นายปิยะ เทศแย้ม ชี้จุดที่เกิดเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางกลับมาชุมนุมต่อที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยื่นหนังสือถึง นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้เร่งดำเนินการต่อกลุ่มอิทธิพลเรือคราดหอยลาย ที่ใช้กำลังคุกคามแกนนำประมงพื้นบ้าน
รวมถึงเรียกร้องให้สำนักงานประมงจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เร่งรัดในการใช้มาตรการเด็ดขาดกับกลุ่มเรือคราดหอยลายที่ถูกจับกุมหลายครั้งแต่ยังสามารถนำเรือประมงออกมาทำประมงได้ตามปกติ และข้อเรียกร้องข้อสุดท้าย คือ ขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ บริหารสะพานปลาแทนการให้สัมปทานกับเอกชน เนื่องจากเจ้าของเรือลาภอลังการ เป็นผู้รับสัมปทาน แต่กลับใช้อิทธิพลต่อชาวประมงที่เข้ามาจอดเรือเทียบท่า ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และผิดกฎหมาย
นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายปิยะ เป็นแกนนำคนสำคัญในการคัดค้านเรือคาดหอยลาย และผลักดันให้มีการประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห้ามเรือคราดหอยลายเข้ามาทำการประมงในเขต 3 ไมล์ทะเล หรือ 5,400 เมตร ซึ่งสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้แก่ผู้ประกอบการเรือคราดหอยลาย ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนรายละประมาณ 2 ล้านบาท และที่ผ่านมา ได้ใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งค่าหัว นายปิยะ 8 แสนบาท
จากกรณี นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แกนนำเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด อายุ 42 ปี ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณใบหน้า และตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำ ที่บริเวณสะพานปลา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (13 ส.ค.) นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมชาวบ้านเสื้อเขียวจากเครือข่ายประมงพื้นบ้านกว่า 200 คน ได้เดินทางมารวมตัวที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นได้เดินประท้วงในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมถือป้ายผ้า และมีการปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีกลุ่มเรือคราดหอยลาย พร้อมทั้งรณรงค์ไม่ให้คน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กินหอยลายเพื่อประท้วงกลุ่มนายทุน
จากนั้นได้เดินไปรวมตัวกันที่สะพาน เพื่อให้นายปิยะ เทศแย้ม ชี้จุดที่เกิดเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางกลับมาชุมนุมต่อที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยื่นหนังสือถึง นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้เร่งดำเนินการต่อกลุ่มอิทธิพลเรือคราดหอยลาย ที่ใช้กำลังคุกคามแกนนำประมงพื้นบ้าน
รวมถึงเรียกร้องให้สำนักงานประมงจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เร่งรัดในการใช้มาตรการเด็ดขาดกับกลุ่มเรือคราดหอยลายที่ถูกจับกุมหลายครั้งแต่ยังสามารถนำเรือประมงออกมาทำประมงได้ตามปกติ และข้อเรียกร้องข้อสุดท้าย คือ ขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ บริหารสะพานปลาแทนการให้สัมปทานกับเอกชน เนื่องจากเจ้าของเรือลาภอลังการ เป็นผู้รับสัมปทาน แต่กลับใช้อิทธิพลต่อชาวประมงที่เข้ามาจอดเรือเทียบท่า ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และผิดกฎหมาย
นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายปิยะ เป็นแกนนำคนสำคัญในการคัดค้านเรือคาดหอยลาย และผลักดันให้มีการประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห้ามเรือคราดหอยลายเข้ามาทำการประมงในเขต 3 ไมล์ทะเล หรือ 5,400 เมตร ซึ่งสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้แก่ผู้ประกอบการเรือคราดหอยลาย ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนรายละประมาณ 2 ล้านบาท และที่ผ่านมา ได้ใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งค่าหัว นายปิยะ 8 แสนบาท
