xs
xsm
sm
md
lg

ลูกน้ำเค็ม...ที่ชื่อ “ปิยะ เทศแย้ม” / บรรจง นะแส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปิยะ เทศแย้ม ภายหลังถูกรุมทำร้ายร่างกาย
 
คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง  นะแส
 
 
ภาพใบหน้าที่บอบช้ำ บวมเป่ง และรอยฟกช้ำทั่วใบหน้าของ “นายปิยะ เทศแย้ม” นายกสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย ที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา สร้างความตระหนกตกใจแก่สังคมไม่น้อย
 
นายปิยะ เทศแย้ม ได้ถูกรุมทำร้ายร่างกายที่บริเวณสะพานปลา องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในช่วงเวลาที่เขาได้นำเรือมายังสะพานปลาพร้อมแม่ และลูกชายเพื่อจะนำปลาขึ้นฝั่งที่นั่น ปรากฏว่า ได้มีชายฉกรรจ์ 4 คน เดินเข้ามาหาและรุมทำร้ายชกต่อยเขา
 
เขาจำได้ว่า ชายคนหนึ่งในกลุ่มดังกล่าวเป็นเจ้าของ “เรือลาภอลังการ” ซึ่งทำการประมงชนิดเรือคราดหอยลาย ที่เพิ่งถูกจับกุมล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมาร่วมอยู่ด้วย
 
หนึ่งในนั้นเข้ามาต่อว่าเขาว่าหาเรื่องทำให้เรือคราดหอยถูกจับ เขาได้พูดตอบโต้ไปว่า เขาทำเพื่อส่วนรวม เพราะเรือคราดหอยลายทำให้พี่น้องประมงชายฝั่งได้รับความเดือดร้อน
 
ซึ่งในขณะที่โต้เถียงอยู่นั้น ได้มีชายอีกคนเดินอ้อมมาด้านข้าง และตรงเข้าชกต่อยเขา และพร้อมกับมีชายอีก 2-3 คน เข้ามารุมทำร้าย เขาตอบโต้ได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาถูกรุมชกต่อยอยู่นานเกือบ 30 นาที แล้วชายทั้ง 4 คนได้หลบหนีไป เขาถูกรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจวบฯ
 
คนทั่วๆ ไปอาจจะมองว่า นี่เป็นการทะเลาะวิวาทกันปกติของสถานที่ดังกล่าว แต่กรณีนี้ไม่ใช่ เพราะ นายปิยะ เทศแย้ม คือ แกนนำชาวประมงพื้นบ้านที่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองแหล่งทำมาหากินของเขา และพี่น้องประมงชายฝั่งที่นั่น ศัตรูที่สำคัญก็ไม่ต่างจากปัญหาของชุมชนประมงชายฝั่งทั่วประเทศ คือ การที่ประมงพาณิชย์ที่ทำการประมงด้วยเครื่องมือทำการประมงแบบทำลายล้าง เช่น เรืออวนลาก อวนรุน เรือปั่นไฟ และเรือคราดหอย เข้ามาทำการประมงในเขตหวงห้าม โดยทั่วไปกลุ่มชาวประมงซึ่งอ่อนแอกว่ามักต้องยอมหวานอมขมกลืนจากการกระทำดังกล่าว ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันเสียหมดในเกือบทุกพื้นที่
 
แต่สำหรับที่นี่ พวกเขาทำอะไรโดยพลการได้ไม่ง่ายนัก เพราะมีคนอย่าง นายปิยะ เทศแย้ม ที่เขารวมตัวกันกับพี่น้องอย่างเหนียวแน่น ที่ไม่ยอมจำนนต่อการกระทำเช่นนั้นในพื้นที่ของเขา
 

 
นายปิยะ เทศแย้ม เขาอาจจะเป็นตัวแสบสำหรับเจ้าของธุรกิจประมงที่ทำมาหากินโดยไม่คำนึงถึงอนาคต และทำการประมงโดยไม่เคารพกฎหมาย เขามักจะเป็นหัวหอกในการนำพี่น้องประมงในชุมชนของเขาออกไปตรวจจับร่วมกับหน่วยงานราชการอยู่เสมอๆ เขาอาจจะเป็นตัวร้ายสำหรับหน่วยงานราชการที่ไม่รับผิดชอบ และไม่ทำหน้าที่ และพวกที่หากินกับเศษเสี้ยวของงบประมาณแผ่นดิน
 
เขาเคยนำชาวบ้านตรวจนับลูกกุ้งที่ทางกรมประมงทำโครงการเอามาปล่อยลงทะเล โดยอ้างว่านำมาจำนวนเท่านั้นเท่านี้ หลังจากเขาตรวจนับปรากฏว่า มีจำนวนไม่ตรงกับที่หน่วยงานราชการแจ้งมา เขาไม่ยอมรับ ทำให้หน่วยงานนั้นๆ ต้องไปหามาเพิ่มให้ครบตามจำนวน อย่างนี้เป็นต้น
 
วันนี้เขาอายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 3 ต.เขาแดง อ.กุยบุรี เป็นลูกชาวประมง เติบโตมาจากท้องทะเล เขาเริ่มประกอบอาชีพประมงตั้งแต่อายุ 12 ปี เห็นปัญหาการลดลงของสัตว์น้ำจากการทำประมงเรือคราดหอย จึงเข้าร่วมเรียกร้องกับกลุ่มชาวประมงในจังหวัดประจวบฯ ตลอดมา
 
เช่นเมื่อปี 2547 ในสมัยที่นายเนวิน ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบกรมประมง เขาเคลื่อนไหวให้มีการรวมตัวกันของชาวประมงพื้นบ้านเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องเรือคราดหอย มีการเรียกร้องให้ นายเนวิน ได้ออกประกาศเขตการห้ามทำประมงในเขตจังหวัดประจวบฯ
 
ในปี 2538 นายปิยะ เทศแย้ม ได้เข้าร่วมกับกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าบ่อนอก-บ้านกรูด ที่มีเพื่อนรักของเขาเป็นแกนนำคือ “นายเจริญ วัดอักษร” จนกระทั่งปี 2551 เขาได้ชักชวนพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านจัดตั้งสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อยขึ้นมา และเขาได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกให้เป็นนายกสมาคมฯ
 
ชีวิตครอบครัวเขามีลูก 3 คน นายปิยะ เทศแย้ม พูดเสมอว่า อยากให้ลูกชายเป็นชาวประมง ลูกชายทั้ง 2 คนของเขาจึงช่วยออกเรือจับปลากับพ่อมาตลอด เขาฝึกให้ลูกชายเป็นชาวประมง โดยให้ทำงานตั้งแต่เล็กๆ
 
นายปิยะ เทศแย้ม เคยบอกว่า เป็นการสอนลูกให้มีประสบการณ์ชีวิต การศึกษาในระบบโรงเรียนไม่สามารถตอบโจทย์ชีวิต และการทำมาหากินได้ ลูกชายของเขาจึงช่วยพ่อออกเรือ และเป็นไต๋เรือได้เองในขณะที่อายุเพียงแค่ 10 กว่าปี และเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการออกทะเล แต่เขาก็ไม่ได้ละเลยการศึกษาเสียทีเดียว เขาให้ลูกชายลงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ กศน.ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตเป็นชาวประมง
 
นายปิยะ เทศแย้ม มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีประกาศจังหวัดในการห้ามทำการประมงคราดหอยในเขต 5,400 เมตร จากเดิมประกาศห้ามเรือคราดหอยอยู่ในแค่ 3,000 เมตรเท่านั้น การต่อสู้ผลักดันให้มีการประกาศเขตดังกล่าว ทำให้พันธุ์สัตว์น้ำมีมากขึ้น ชาวประมงพื้นบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
 
แต่ตลอดเวลาที่ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ มีการเผชิญหน้ากันตลอดระหว่างชาวประมงพื้นบ้าน และเรือคราดหอยลาย นายปิยะ เทศแย้ม ทำหน้าที่นำชาวบ้านเรียกร้องกดดันให้หน่วยงานรัฐออกตรวจจับเรือคราดหอยยู่ตลอด ทำให้หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบเขา และก็มีข่าวการข่มขู่เอาชีวิตจากกลุ่มเรือคราดหอยมาตลอด
 
โดยก่อนหน้านี้ เขาเล่าว่าเคยถูกข่มขู่เอาชีวิตหลายครั้ง และมีการตั้งค่าหัวเขาจาก 4 แสนบาท เพิ่มเป็น 8 แสนบาท เนื่องจากที่ผ่านมาเขาได้นำชาวบ้านออกมาต่อต้านเรือคราดหอยลายที่ลักลอบคราดหอยลายในเขตหวงห้ามระยะ 3 ไมล์ทะเล ในเขตเป็น 5 ไมล์ทะเล ทำให้ประมงจากกลุ่มเรือคราดหอยลายไม่พอใจ เพราะสูญเสียประโยชน์จากการทำธุรกิจ และถูกเจ้าหน้าที่ประมงดำเนินการจับกุมดำเนินอย่างต่อเนื่องหลายคดี
 
หอยลาย คือทรัพยากรที่มีราคาสูง และมีปริมาณมากในพื้นที่ชายฝั่ง เรือคราดหอยลายคือปัญหาที่สร้างความขัดแย้งในทุกพื้นที่ต่อวิถีการทำการประมงของประมงพื้นบ้าน นอกจากกระบวนการคราดหอยที่ขุดคุ้ยเอาหน้าดินที่มีหอยหนามขึ้นมา ก่อให้เกิดแก๊สไข่เน่าที่จะทำให้พันธุ์สัตว์น้ำอื่นๆ ต้องหนีไปแล้ว การทำการเรือคราดหอยยังทำให้เครื่องมือทำการประมงชนิดอวนลอย เช่น อวนลอยกุ้ง ปู ปลา ของพี่น้องที่ทำการประมงด้วยเครื่องมือดังกล่าวได้รับความเสียหาย
 
ลูกน้ำเค็มอย่าง นายปิยะ เทศแย้ม เป็นอีกหนึ่งคนที่เขาไม่ยอมจำนนต่อปัญหาที่เผชิญอยู่ เขาลุกขึ้นสู้ทุกช่องทางที่เป็นสิทธิของเขา และพี่น้องชาวประมงที่ทำมาหากินด้วยวิธีการที่สุจริตเลี้ยงครอบครัวของตัวเอง และชุมชน
 
เรือคราดหอยลายที่เข้ามาลักลอบทำการประมงในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเล 3,000 เมตร ในพื้นที่ อ.ปราณบุรี อ.หัวหิน อ.กุยบุรี อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแหล่งหอยลายชุกชุม และได้สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพยากรสัตว์น้ำ และเครื่องมือประมงของชาวประมงพื้นบ้าน ทางจังหวัดประจวบฯ เองก็ได้มีประกาศห้ามทำการประมงคราดหอยลายในระยะ 5,400 เมตรห่างจากชายฝั่ง แต่เรือคราดหอยลายก็ยังคงลักลอบทำการประมงในระยะต่ำกว่า 3,000 เมตร โดยเฉพาะบริเวณบ้านโพนเรียง บ้านทุ่งน้อย บ้านคั่นกระได ตั้งแต่ อ.กุยบุรี ลงมาจนถึง อ.เมือง
 
นายปิยะ เทศแย้ม เขาได้ลุกขึ้นมาปกป้องอาชีพเขา และชุมชนของเขา แต่วันนี้ชีวิตของเขาเสมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย เขาถูกรุมทำร้ายบอบช้ำไปทั้งร่าง และเป็นการส่งสัญญาณมาจากกลุ่มเรือคราดหอยลายว่า “นี่คือการตักเตือนเท่านั้น”
 
อยากถามท่านผู้ว่าราชการประจวบฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจในประจวบฯ และหน่วยงานราชการต่างๆ ในพื้นที่ โดยเฉพาะกรมประมงว่า พวกท่านสบายดีกันอยู่หรือ??!!
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น