ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการป่าตองผนึกกำลังแถลงข่าวโต้ดีเอสไอ เมืองป่าตองปลอดกลุ่มมาเฟีย โอดข่าวมาเฟียสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของป่าตองที่เป็นเมืองไม่ปลอดภัย เรียกร้องดีเอสไอออกมารับผิดชอบด้วย และขอความเป็นธรรมต่อดีเอสไอ ก่อนประกาศรายชื่อควรตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกก่อนว่าใครคือมาเฟียตัวจริง
กลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ป่าตอง ซึ่งประกอบด้วย นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานองค์กรสภาชุมชนเทศบาลเมืองป่าตอง นายเศรษฐศักดิ์ บัวซ้อน ประธานสหกรณ์บริการภูเก็ตคอลเซ็นเตอร์ จำกัด ผู้บริหารคิวจังซีลอน นายราชินทร์ ทองมากกุล นายกสมาคมโรงแรมป่าตอง นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง และสมาชิกสหกรณ์ฯ และคิวจังซีลอน ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกมาเปิดเผยรายชื่อ 11 กลุ่มว่าอยู่เบื้องหลังมาเฟียแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งมีชื่อบุคคล และกลุ่มบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ป่าตอง 4 รายชื่อ ประกอบด้วย นายเปี่ยน กี่สิ้น นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น สหกรณ์บริการภูเก็ตคอลเซ็นเตอร์ และคิวรถจังซีลอน เมื่อวันที่ 11 ส.ค.56 ที่โรงแรมป่าตองรีโซเทล ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
โดยทางผู้ประกอบการมองว่า การประกาศรายชื่อดังกล่าวว่าเป็นมาเฟียในป่าตองนั้น ได้สร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวของป่าตองเป็นอย่างมาก จากข่าวที่ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับทราบข่าวสารดังกล่าวเกิดความไม่มั่นใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวป่าตอง อาจจะมองว่าป่าตองเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัยมีแก๊งมาเฟีย ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ผู้ประกอบการในป่าตองไม่เคยถูกกล่าวหาที่รุนแรงเหมือนครั้งนี้ ก่อนที่จะประกาศรายชื่อออกมาดีเอสไอน่าจะที่ตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกให้ชัดเจนก่อน และสิ่งที่ดีเอสไอประกาศออกมานั้นได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของป่าตองเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการต้องการให้ดีเอสไอออกมารับผิดชอบตอสิ่งที่ได้ดำเนินการไป
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานองค์กรสภาชุมชนเทศบาลเมืองป่าตอง กล่าวว่า ผู้ประกอบการในป่าตองไม่สบายใจกับการประกาศรายชื่อมาเฟียของดีเอสไอ เพราะหลังจากที่ดีเอสไอประกาศรายชื่อออกมา มีนักลงทุน และนักท่องเที่ยวสอบถามเข้ามาว่าป่าตองมีมาเฟียจริงหรือไม่ ซึ่งได้ชี้แจงทำความเข้าใจไปว่าป่าตองไม่มีมาเฟีย จะมีก็เป็นเพียงการหวงพื้นที่ทำมาหากินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ส่วนการทำในลักษณะมาเฟียเป็นแก๊งเป็นก๊วนนั้นยืนยันว่าในป่าตองไม่มีแน่นอน
“สิ่งที่ผู้ประกอบการในป่าตองได้รวมตัวกันออกมาแถลงข่าวในวันนี้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของป่าตอง ขอยืนยันอีกครั้งว่า ป่าตองไม่มีมาเฟีย คนป่าตองอยู่กันมานานไม่มีใครมีอิทธิพล ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นมาเฟีย และเป็นผู้มีอิทธิพลตัวจริง” นายปรีชาวุฒิ กล่าวและว่า
กรณีของรถแท็กซี่ป้ายดำนั้นมีคิวต่างๆ และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปจัดระเบียบให้เป็นระบบโดยใช้รูปแบบของเอกชนเข้ามาดำเนินการ ซึ่งก็ทำไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็ไม่เข้าใจการทำงานของดีเอสไอ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือต่อดีเอสไออย่างเต็มที่ และอยากจะถามไปยังดีเอสไอว่าข้อมูลที่ได้มานั้นว่า 11 กลุ่มเป็นมาเฟียเป็นข้อมูลที่ได้มาจากหน่วยงานใด ดีเอสไอควรปรับปรุงการทำงานใหม่ ผู้ว่าฯ ตำรวจ หน่วยงานด้านความมั่นคงทำอะไรกันอยู่ ไม่รู้หรือว่าใครที่เป็นมาเฟีย ถ้าอยู่แล้วไม่รู้อะไรเลยก็ควรที่จะลาออกไป หรือย้ายไปพื้นที่อื่นๆ เพราะแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานเหล่านั้นไม่ได้ทำงาน หรือการทำงานของดีเอสไอไม่ได้ประสานกับหน่วยงานอื่นๆ
นายปรีชาวุฒิ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนนั้นจะทำให้คนกลัวที่จะทำงานร่วมมือกับภาครัฐ อย่างกรณีของตนเป็นตัวอย่างที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่วนรวม แม้แต่การจัดระเบียบรถแท็กซี่ป้ายดำก็ทำตามคำร้องขอของโรงแรม ห้าง และหน่วยงานภาครัฐ แต่เมื่อทำไปกลับถูกกล่าวหาว่าเป็นมาเฟีย โดยที่โดยงานภาครัฐไม่ได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อดีเอสไอ ซึ่งตนรู้สึกว่าที่ผ่านมาเหมือนถูกหน่วยงานรัฐหลอกใช้เพราะในที่สุดตนก็กลายเป็นมาเฟีย กลายเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้เสียความรู้สึกมาก ซึ่งต่อไปนี้ไม่อยากที่จะทำกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐแล้ว และอีกอย่างหนึ่งอยากจะเรียกให้ดีเอสไอออกมารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวของป่าตอง และยืนยันว่าจะไม่ฟ้องร้องดีเอสไออย่างแน่นอน
ด้าน นายเศรษฐศักดิ์ บัวซ้อน ประธานสหกรณ์บริการภูเก็ตคอลเซ็นเตอร์ จำกัด และผู้บริหารคิวจังซีลอน กล่าวว่า การที่ดีเอสไอออกมากล่าวอ้างว่าสหกรณ์ฯ และผู้ประกอบการคิวรถแท็กซี่ป้ายดำที่จังซีลอนเป็นมาเฟียนั้นรู้สึกเสียใจมาก อยากให้ดีเอสไอลงมาศึกษาข้อมูลลึกๆ ให้ชัดเจนก่อนที่ประกาศรายชื่อออกมา ซึ่งพวกตนไม่ได้มีพฤติกรรมที่เป็นมาเฟีย แต่สิ่งที่ทำนั้นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนระดับรากหญ้าได้มีงานทำเลี้ยงครอบครัวแต่จะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่สร้างปัญหาต่อสังคมป่าตอง ซึ่งเป็นนโยบายของนายกเทศมนตรีเมืองป่าตองอยู่แล้ว
การดำเนินงานของสหกรณ์ และคิวรถหน้าจังซีลอนนั้น มีการเปิดให้ลงทะเบียน มีการทำประวัติ โดยมีเงื่อนไขไม่สร้างความเดือดร้อน และวุ่นวายให้เกิดขึ้นแก่ภาครัฐ ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามนั้นทุกอย่าง และที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐมาดูงานการจัดระเบียบรถแท็กซี่ของคิวหน้าจังซีลอนตลอดมา เพราะเป็นคิวที่สามารถจัดระเบียบได้ดีที่สุดในภูเก็ต แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาจากแท็กซี่ก็มีเกิดขึ้นบ้าง แต่มีจำนวนที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่จะมีการจัดระเบียบ ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดเฉพาะที่ป่าตองเท่านั้น เกิดขึ้นทุกเมืองในโลกใบนี้ และอยากจะบอกต่อดีเอสไอว่า แท็กซี่ที่อยู่เป็นองค์กรนั้นไม่ใช่ตัวก่อปัญหา จุดที่มีปัญหาคือ แท็กซี่ที่ไม่เข้าระบบจอดอยู่ตามที่สาธารณะต่างๆ ซึ่งทางดีเอสไอน่าที่จะแก้ปัญหาให้ถูกจุด และอยากขอความเป็นธรรมให้แก่กลุ่มแท็กซี่ที่ให้บริการที่ดี และไม่สร้างปัญหาให้แก่สังคมป่าตอง หากดีเอสไอ และหน่วยงานภาครัฐต้องการแนวทางในการแก้ปัญหาตนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
นายเศรษฐ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตอนแรกที่ได้รับทราบข่าวว่าดีเอสไอจะลงมาแก้ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำในภูเก็ต ตนดีใจมาก และให้กำลังใจดีเอสไอให้สามารถแก้ปัญหาได้ และหากแก้ได้จริงถือว่าดีเอสไอสุดยอดมาก เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครแก้ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำในภูเก็ตได้ และขอยืนยันว่าป่าตองไม่มีมาเฟีย
ด้านนายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า ข่าวที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจในการมาท่องเที่ยวที่ป่าตอง ซึ่งไม่แฟร์สำหรับผู้ประกอบการที่รวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด หากดีเอสไอต้องการรู้ว่าใครที่เป็นมาเฟียตัวจริงก็สามารถมาสอบถามผู้ประกอบการได้ ไม่ใช่สอบถามแต่หน่วยงานของรัฐเพียงหน่วยเดียว ทุกคนในป่าตองรู้ว่าใครเป็นมาเฟียตัวจริง และหากข้อมูลยังไม่ชัดเจนอย่าได้ประกาศชื่อออกมาเพราะได้สร้างความเสียหายให้แก่กลุ่มคนเหล่านั้นที่จะกลายเป็นจำเลยของสังคม ควรตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน
และอยากจะฝากถึงดีเอสไอที่เข้ามาจัดระเบียบรถแท็กซี่ป้ายดำในภูเก็ต ขอให้ทำอย่างจริงจังโดยไม่มีอะไรแอบแฝง และหากทำอย่างจริงจังเชื่อว่าจะสำเร็จ เพราะในส่วนของผู้ประกอบการพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่
นายราชินทร์ ทองมากกุล นายกสมาคมโรงแรมป่าตอง กล่าวว่า ข่าวมีกลุ่มบุคคล และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ป้ายดำในป่าตองเป็นมาเฟียนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของป่าตอง ในแง่เป็นเมืองที่ไม่มีความปลอดภัย ซึ่งบุคคลในป่าตองที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นมาเฟียนั้นถือว่าเป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมมาโดยตลอด และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บุคคลดังกล่าวก็ไม่ได้มีพฤติกรรมที่เป็นมาเฟีย ส่วนรถแท็กซี่ป้ายดำที่อยู่กันเป็นองค์กรก็ไม่ได้ก่อปัญหาอะไร มีการพัฒนาการให้บริการที่ดีขึ้น