เรื่องราวของภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่องนี้เล่าถึง “มนุษย์หมาป่า” ซึ่งจินตนาการถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์หมาป่ากับคนธรรมดา ทั้งยังมีความรัก จนเกิดเป็นความน่าประทับใจของคุณแม่ผู้มีหัวใจยอดนักสู้
“ฮานะ” สาวนักศึกษามหาวิทยาลัย เจอกับเพื่อนหนุ่มที่ดูเงียบขรึม ซึ่งชอบไปไหนมาไหนตามลำพัง ทำให้เธอสนใจอยากทำความรู้จักกับเขา เมื่อชายหนุ่มผู้สันโดษได้รับมิตรไมตรีจากหญิงสาว จึงกลายเป็นความผูกพัน นำไปสู่ความรัก แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เขาจึงเผยความลับแก่หญิงสาว ว่าแท้จริงแล้วเขาคือมนุษย์หมาป่า
เมื่อความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ไม่ได้เป็นอุปสรรค ทั้งคู่จึงกลายเป็นคู่รักกัน จนกระทั่งมีเจ้าตัวน้อย ลูกสาวคนโตชื่อ “ยูกิ” เป็นเด็กสาวที่มีพลังเหลือเฟือ เธอซนมาก ชอบปีนป่าย รื้อค้น วิ่งวนไปรอบบ้าน ขณะที่ลูกชายคนรองอย่าง “อาเมะ” เป็นเด็กที่ขี้แง เรียบร้อย และขาดความมั่นใจในตัวเอง
เด็กทั้งสองมีรูปกายภายนอกเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่จะกลายร่างเป็นหมาป่าได้เมื่อต้องการ หรือเมื่อมีอารมณ์โกรธ หงุดหงิด
คู่รักต่างเผ่าพันธุ์ช่วยกันดูแลลูกๆเป็นอย่างดี แต่แล้วความสุขของครอบครัวก็สูญสลาย เมื่อวันหนึ่งผู้เป็นพ่อไม่กลับบ้าน ฮานะออกไปตามหาแล้วก็พบว่า เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดกำลังเก็บร่างไร้ชีวิตของหมาป่าตัวหนึ่งที่ตกลงไปในคลอง เธอรู้ทันทีว่านั่นคือสามีของเธอ
ฮานะจึงกลายสภาพเป็นแม่หม้ายลูกติด โดยภาระอันหนักอึ้งไม่เพียงแต่การดูแลลูกทั้งสอง ที่ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีพอ ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องลำบากกว่าเดิม ในการปกปิดความลับของลูกๆ เพื่อมิให้สังคมรังเกียจ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเก็บความลับได้สนิท แต่บางครั้งเมื่อเด็กๆงอแง ซุกซน และพากันกลายร่าง ก็ย่อมมีเสียงเห่าหอนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าของอพาร์ตเมนท์บอกว่า ฮานะทำผิดกฎระเบียบ เพราะเอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาในห้องพัก จึงให้เธอย้ายออกไป
ชีวิตของฮานะกับลูกๆจึงต้องเริ่มต้นใหม่ ด้วยการย้ายออกไปสู่ชนบทที่แสนห่างไกลผู้คน เธอใช้เงินออมที่เหลือ พาลูกๆไปเช่าบ้านเก่าๆที่รกร้าง อยู่ไกลจากชุมชน ด้วยหวังว่า ความไกลหูไกลตาจากผู้คน จะช่วยทำให้ลูกน้อยของเธอเติบโตขึ้นโดยปราศจากปมด้อย หรือข้อรังเกียจจากผู้อื่น
แต่การใช้ชีวิตตามวิถีชาวชนบท ฮานะรู้ว่ามันไม่ง่ายนัก เพราะสิ่งที่เธอต้องเร่งทำก่อนที่เงินจะหมดไป คือการใช้พื้นที่ใกล้ๆบ้าน เพาะปลูกพืชผัก เพื่อลดค่าใช้จ่าย เธอออกไปยืมตำราเกี่ยวกับการเพาะปลูกจากห้องสมุด มาศึกษาเรียนรู้ ซื้อพืชพันธุ์มาหว่านในแปลงใกล้บ้าน แต่ด้วยความเป็นเกษตรกรมือใหม่ ผลลัพธ์ของมันจึงไม่เป็นไปดังที่คาดหวัง
โชคดีที่สังคมชนบทนั้น ล้วนมีน้ำใจและแบ่งปัน คุณลุงผู้ปราศจากรอยยิ้ม ท่าทางดุๆที่ชื่อ “นิราซากิ” จึงยื่นมือเข้ามาช่วยสอนวิธีการปลูกพืชผักต่างๆ ทำให้ไม่นานคุณแม่เกษตรกรมือใหม่ก็ได้พืชผลเป็นจำนวนมากมาย สามารถนำไปแลกผลผลิตอื่นๆกับชาวบ้าน และเหลือเก็บไว้กินด้วย ขณะเดียวกันชาวบ้านคนอื่นๆก็แวะเวียนมาทำความรู้จักมากขึ้น จนเธอกับลูกๆไม่รู้สึกเคว้งคว้างอีกต่อไป
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เด็กทั้งสองเติบโตมาพร้อมกับการเลี้ยงดูที่ดี แต่ฮานะไม่หยุดนิ่งที่จะแสวงหาความก้าวหน้า เธอจึงไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ในศูนย์อนุรักษ์พืชพรรณและสัตว์ป่า เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวมากขึ้น โดยในเวลาเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ของความเป็นแม่ ดูแลสั่งสอนลูกๆที่มีความแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
กระทั่งเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ฮานะไม่อาจปฏิเสธความต้องการของลูกสาวได้ เธอจึงส่งยูกิไปเข้าเรียนในโรงเรียนประถมเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ขณะที่อาเมะไม่ค่อยชอบออกจากบ้านไปพบปะผู้คน แต่เด็กๆทั้งสองสัญญาว่า จะควบคุมอารมณ์เป็นอย่างดี ไม่แปลงร่างกลายเป็นมนุษย์หมาป่าให้ใครๆต้องตกใจ หรือทำให้แม่ต้องเดือดร้อน
วันเวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี ครอบครัวสามแม่ลูกดำเนินชีวิตอย่างสงบ แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะหลังจากที่อาเมะตกลงไปในลำธาร ทำให้เด็กชายที่ขี้แงเติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่เงียบขรึมคล้ายผู้เป็นพ่อ รักสันโดษ หลงใหลในธรรมชาติ และหาโอกาสตีตัวออกห่างจากสังคมมนุษย์มากขึ้น
ตรงกันข้ามกับยูกิที่เมื่อเริ่มโตเป็นสาว เธอก็มีเรื่องกับเด็กหนุ่ม จนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ถึงกับแปลงร่างไปชั่วขณะ และทำร้ายเขา แถมเด็กหนุ่มคนนั้น ก็เป็นคนที่เธอมีใจให้เสียด้วย ซึ่งยิ่งทำให้เธอเริ่มเกลียดความเป็นครึ่งคนครึ่งหมาป่า และอยากใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป
ปัญหาของลูกๆที่เกิดขึ้น ผู้เป็นแม่ก็จำต้องรับรู้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ในส่วนของยูกินั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เพราะเธอรู้ดีว่าลูกสาวเลือกเส้นทางความเป็นมนุษย์แล้ว แต่การตัดสินใจครั้งสำคัญอยู่ที่ลูกชายคนรอง เพราะเขาเติบโตและตัดสินใจแล้วว่า จะขอใช้ชีวิตในฐานะหมาป่า อยู่กับป่าดงพงไพร เพื่อปกปักรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
แม้นั่นเท่ากับเป็นการตัดสินใจร่ำลาผู้เป็นแม่ไปตลอดกาล แต่สุดท้าย ฮานะก็จำใจปล่อยลูกชายให้ไปตามเส้นทางที่เลือก เธอยังคงทำหน้าที่ดูแลลูกสาว และเก็บความทรงจำของลูกชายเอาไว้ตลอดไป
Wolf Children นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงแต่บอกเล่าจินตนาการอันงดงามน่าสนใจ แต่แกนเรื่องสำคัญประการหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ ความรักของผู้เป็นแม่ ที่พยายามทุกวิถีทางในการเลี้ยงดูลูกซึ่งผิดปกติ ให้เติบโตเป็นคนดีและอยู่ร่วมกับสังคมได้
ดังบทบาทของบิดามารดาในหลักพุทธศาสนานั้น ซึ่งประกอบด้วย การสอนให้ละความชั่ว, ตั้งอยู่ในคุณความดี, ส่งเสริมศิลปวิทยา, หาคู่ครองที่เหมาะสม และมอบทรัพย์สมบัติในเวลาอันควร
เมื่อฮานะต้องรับหน้าที่เป็นทั้งบิดามารดา ความเสียสละของเธอจึงนับเป็นสองเท่า และหากเปรียบเทียบว่า ลูกน้อยของเธอสองคน ก็ไม่ต่างจากเด็กที่มีความพิการ ดังนั้น สิ่งที่เธอต้องทำมากขึ้น จึงเป็นการฟูมฟักรักษาจิตใจ เพื่อให้เด็กๆเติบโตมาพร้อมกับความรักซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ อันจะนำไปสู่การละเว้นความชั่ว และรู้หน้าที่ รู้จักความรับผิดชอบนั่นเอง
ขณะเดียวกัน การไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง ศึกษาเรียนรู้ หางานทำ ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมของคุณแม่ผู้ไม่เคยยอมแพ้ นอกจากนี้ เมื่อเธอเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ มีวิชาความรู้ แยกแยะความดีชั่วได้แล้ว การปล่อยให้ลูกตัดสินใจเดินตามเส้นทางชีวิตที่เลือก ก็นับเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง ที่ยอมสละความต้องการของตนเอง เพื่อให้ลูกมีความสุข โดยเฉพาะเส้นทางที่ลูกเลือกนั้น ไม่ใช่เส้นทางสู่ความเสื่อม หากเป็นเส้นทางที่จะทำประโยชน์ต่อส่วนรวมได้
ข้อคิดจากบทบาทความเป็น “แม่” ใน Wolf Children จึงควรค่าแก่การศึกษาไม่น้อย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 152 สิงหาคม 2556 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)