xs
xsm
sm
md
lg

“ฆาตกรฆ่าเพื่อน” คือจุดจบของ “อุทิศ ชูช่วย” / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
 
ความพ่ายแพ้อย่างถล่มทลายของ นายอุทิศ  ชูช่วย ต่อ นายนิพนธ์  บุญญามณี  ในศึกชิงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา เมื่อวันที่  ๔  สิงหาคม  ๒๕๕๖  ที่ผ่านมา  นอกจากจะมีสาเหตุมาจากปัจจัย “แพ้ไม่ได้” ของพลพรรค ปชป. และการหนุนช่วยของผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ปชป. และศักยภาพของนายนิพนธ์  บุญญามณี นักการเมืองคุณภาพหลายสมัยแล้ว
 
ปัจจัยหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลต่อความปราชัยของ นายอุทิศ ในครั้งนี้คือ  การที่ นายอุทิศ ตกเป็นจำเลยของสังคมในคดีถูกกล่าวหาว่า  เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม นายพีระ  ตันติเศรณี  อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา  แม้ว่าคดีจะยังไม่ถึงที่สุด  และอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี  แต่ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริงอย่างแน่นอน
 
ในทางการเมืองเชื่อ และกล่าวกันว่า  ความมัวหมองของนักการเมืองจากการถูกกล่าวหา  ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง  แค่ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าจริง  มันก็ส่งผลต่อชื่อเสียง และความเชื่อถือของประชาชนแล้ว
 
กรณีของ นายอุทิศ  คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นความจริง  ดังนั้น  การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ชาวสงขลา  หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับ นายพีระ จะส่งสัญญาณให้ทราบว่า  พวกเขาไม่ต้องการสนับสนุนคนเป็นฆาตกร  แม้ว่าบางคนอาจจะไม่อยากเลือกคนอื่น  แต่ถ้าให้เลือกเขายินดีจะเลือกคนอื่น  หรือไม่เลือกใคร  แทนที่จะเลือกคนที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นฆาตกร
 
ดังนั้น  แม้ว่า นายอุทิศ จะมีผลงาน  มีความคิด  มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้ากว้างไกลอย่างไร  แค่ไหน  มีนโยบาย  หรือโครงการที่โดนใจแค่ไหน  แต่ประชาชนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับพฤติกรรมความเป็นผู้มีอิทธิพล  ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง  โดยเฉพาะมากระทำต่อคนดีๆ และเป็นเพื่อนสนิท  เพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่าง นายพีระ  ตันติเศรณี
 
นับว่า นายอุทิศ ได้ถูกประชาชนพิพากษาทางการเมือง  ก่อนที่ศาลยุติธรรมจะดำเนินการ  ซึ่งต้องอาศัยเวลา และขั้นตอนที่ยาวนานหลายสมัยเลือกตั้ง  ดังที่ข้าพเจ้าเคยแสดงความคิดเห็นไว้ในที่สาธารณะแห่งหนึ่งเมื่อคราวที่ นายพีระ  ตันติเศรณี  ถูกฆ่าอย่างทารุณว่า  “การยิง นายพีระ เพียงหนึ่งคนในครั้งนี้  มีคนตายอย่างน้อย  ๓  คน  คือ  นายพีระ  นายกิตติ  และนายอุทิศ  สองพี่น้องตระกูลชูช่วย  คือ ตายในทางการเมือง”
 
หากนายอุทิศ ไม่มีชนักปักหลัง และตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างดิ้นไม่หลุด  หลายคนก็เชื่อแน่ว่า นายอุทิศ น่าจะไม่แพ้ใครในทางการเมือง  ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายก  อบจ.สงขลา  แม้แต่ นายนิพนธ์  บุญญามณี  เพื่อนสนิทที่เคยสนับสนุนกันมาตลอด  และต้องกลายมาเป็นคู่แข่งกันในที่สุดก็ตาม
 
จึงนับเป็นอุทาหรณ์สำหรับนักการเมืองทุกคนว่า  หากจะก้าวเดินบนเส้นทางของการเป็นนักการเมืองอย่างมีเกียรติ  มีศักดิ์ศรี  และอยู่ได้อย่างยาวนานอย่างนักการเมืองอาวุโสหลายคนของบ้านเมือง  โดยเฉพาะนายชวน  หลีกภัย  นักการเมืองที่อยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชนมายาวนานตั้งแต่ปี  ๒๕๑๒  จนถึงบัดนี้  ก็จะต้องไม่ตกเป็นจำเลยของสังคม  โดยเฉพาะการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้มีอิทธิพล  หรือส่งเสริมนักเลงอิทธิพล
 
นอกจากนั้น  นายอุทิศ ยังถูกสังคมมองว่าเป็น “นักธุรกิจการเมือง”  หากินกับโครงการ  งบประมาณของแผ่นดินจนร่ำรวยผิดปกติ  มีธุรกิจ  กิจการ  ผลประโยชน์ในเมืองสงขลา  หาดใหญ่ และต่างจังหวัดมากมาย  แม้แต่ในพื้นที่อำเภอชะอวด  จังหวัดนครศรีธรรมราช  ก็มีผลประโยชน์แผ่ขยายไปทั่ว  มีการแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณโครงการในรูปแบบต่างๆ  จนถูกกล่าวหาว่า “โกงกินคอร์รัปชัน”  ดังที่มีการกล่าวเปรียบเทียบกับ นายพีระ  ตันติเศรณี  ในขณะยังมีชีวิตอยู่ว่า “คนหนึ่งเก่งแต่โกง” (หมายถึงนายอุทิศ  ชูช่วย)  อีกคน “ไม่โกงแต่ไม่เก่ง” (หมายถึงนายพีระ  ตันติเศรณี)
 
ก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้  ข้าพเจ้าเคยสอบถามคนที่เคยสนับสนุนนายอุทิศ  ชูช่วย  ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่า  เที่ยวนี้สนับสนุนใคร  เขาตอบทันทีว่า สนับสนุน นายนิพนธ์  ครั้นถามว่าทำไมไม่สนับสนุน นายอุทิศ เหมือนเที่ยวที่แล้ว  เขาตอบทันทีว่า “ไม่ชอบผู้มีอิทธิพล”  เช่นเดียวกับพี่น้องของข้าพเจ้าที่ระโนด  บ้านเกิดของนายอุทิศ  เขาเหล่านั้นเคยสนับสนุนนายอุทิศ เมื่อครั้งที่แล้ว  แต่ครั้นนายนิพนธ์ ลงสมัครด้วย  หลายคนหันมาสนับสนุนนายนิพนธ์  ทั้งในฐานะคนของพรรค ปชป.  และทั้งในฐานะคนใกล้ชิดสนิทสนมกัน  จนทำให้นายอุทิศต้องพ่ายแพ้ให้แก่ นายนิพนธ์ แม้ในอำเภอบ้านเกิดของตนเอง  โดยที่หลายคนอาจจะไม่คำนึงถึงการมีคดีฆาตกรรมนายพีระ เป็นชนักปักหลังก็ตาม
 
ในความเป็นจริง  นายนิพนธ์  บุญญามณี ก็เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในพรรค ปชป.  และเป็นที่รักใคร่ชอบพอของประชาชนชาวจังหวัดสงขลา  เพียงแต่ในการหาเสียงครั้งนี้อาจจะชูความเป็นพรรค ปชป.  ความเป็นทีมมากเกินไป  จนลืมความมีศักยภาพของผู้สมัครไป 
 
อาจจะเพราะการสมัครในครั้งนี้มันเป็น “อุบัติเหตุ” เพราะน้องชายที่ก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้มาประสบอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน  เลยต้องตัดสินใจลงแทน  ในขณะที่คู่แข่งค่อนข้างจะมีความพร้อม  และได้เปรียบอยู่บ้างในเชิงพื้นที่ และทีมงาน  ประกอบกับ นายอุทิศ มาเดินเกมกดดัน  โดยการชิงลาออกก่อนครบกำหนดอีกหลายเดือน  ทำให้นายนิพนธ์ ถึงแม้จะคาดการณ์ไว้แล้ว  แต่ก็อยู่ในสภาพถูกรุกให้เดินไปท่ามกลางความไม่ค่อยพร้อม  แต่เมื่อผลออกมาว่าเป็นผู้ชนะอย่างท่วมท้น  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ากล่าวกันมาก็อาจจะดูดีเป็นธรรมดา
 
จะอย่างไรก็ตาม  คนสงขลา ประมาณ  ๖  แสนคนถูกแบ่งเป็น  ๒  ฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งจำนวนประมาณสองแสนกว่าๆ เชื่อว่าตนเองสนับสนุนนักการเมืองนักพัฒนา  แต่อีกสามแสนกว่าคนเชื่อว่าตนสนับสนุน “คนของเรา พรรคของเรา” และ “ไม่เอาฆาตกร”  ความเชื่อมั่นเช่นนี้คงจะอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.อย่างน้อยระยะหนึ่ง  จนกว่าวันเวลาจะช่วยคลี่คลาย
 
ก็หวังว่านายนิพนธ์  บุญญามณี  นายก อบจ.คนใหม่ที่ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากคนสงขลา  จะได้ทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้ให้สมกับที่ชาวสงขลาคาดหวัง  และทำตามนโยบายที่ได้ให้ไว้แก่ประชาชน  โดยเฉพาะ “อบจ.สีขาว”  และการทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง  เพื่อให้คนอีกสองแสนกว่าคนที่ไม่เลือกนายนิพนธ์  หันมายอมรับความสามารถของคนที่พวกเขาไม่ได้สนับสนุนมาแต่ต้น
 
(สำหรับคอการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์  สบประมาท  ประณามเหยียดหยามข้าพเจ้าทั้งในฐานะมิตร และศัตรู  ข้าพเจ้าจะยินดีรับฟังเฉพาะคนที่มี “ความกล้าหาญทางจริยธรรม” ใช้ชื่อจริง  สกุลจริง  ในการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น  เพราะข้าพเจ้ายืนอยู่ในที่แจ้ง  พร้อมจะรับผิดชอบความคิดเห็นของตัวเอง  รับได้ทั้งดอกไม้ และก้อนอิฐ  จะโง่ หรือฉลาดคนเพียงสองสามคนตัดสินข้าพเจ้าไม่ได้หรอก  แต่จะอย่างไรก็ตาม  ข้าพเจ้ามีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า  คนโง่มันไม่น่าเกลียด หรือน่าขยะแขยงเท่า “คนขี้ขลาด” หรอกครับ)
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น