คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
โค้งสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัคร “นายก อบจ.สงขลา” มีความเข้มข้นระทึกใจยิ่งทั้งเรื่อง...
กระแส - ว่าใครจะแพ้ ใครจะชนะกันมากน้อยแค่ไหน ด้วยเหตุผลอะไร
กระสุน - ข่าวลือเรื่องราคากลางของการซื้อเสียง และราคาพิเศษสำหรับผู้ที่ถูกมั่นใจว่าจะไม่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน และ
กระสือ - ข่าวราคาต่อรองในแวดวงการพนันของคอการเมืองที่เป็นนักพนัน มีความเคลื่อนไหวอย่างน่าจับตายิ่ง
เมื่อถามถึง “กระแส” แน่นอนจุดโฟกัสของทุกสายตาย่อมมาจับอยู่ที่เบอร์ ๑ และเบอร์ ๒ เป็นสำคัญ ส่วนเบอร์ ๓ เบอร์ ๔ แทบไม่มีใครพูดถึงเลย หรือตกกระแสไปตั้งแต่วันแรกที่สมัครแล้ว
สำหรับเบอร์ ๑ กระแสมาแรงในหมู่ของคนชั้นกลางที่ไม่ใช่พันธมิตรของเบอร์ ๒ และอดีตนายกพีระ ตันติเศรณี และชนชั้นล่างที่ได้รับประโยชน์จากการทำงานในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา และผู้ที่เห็นด้วยกับนโยบายแบบประชานิยมเต็มรูปแบบใน ๔ ปีข้างหน้า และจากผู้ที่สงสารเห็นใจที่ต้องมาต่อสู้กับกระแส “ชวนฟีเวอร์” และ “ประชาธิปัตย์ฟีเวอร์” ของกองทัพ “แม่ธรณีบีบมวยผม” ส่วนเบอร์ ๒ แน่นอนกระแสย่อมมาแรงในแวดวงพลพรรค ปชป. คนรุ่นเก่าที่ไม่ค่อยสนใจสื่อ และข้อมูล ความเห็นที่แตกต่าง
กระแสของใครจะนำมาซึ่งคะแนนเสียง วันที่ ๔ สิงหาคมนี้คงได้เห็นกัน เพราะกระแสย่อมมีปัจจัยอื่นเป็นตัวชี้ขาด หากใครฟังแต่กระแส โดยไม่มองถึงบริบทแวดล้อมอื่น ย่อมตกม้าตายได้ง่ายๆ เพราะกระแสเป็นเรื่องของชนชั้นกลาง ชนชั้นกลางที่อ่อนไหวไปตามข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลข่าวสารที่มีทั้งลับ-ลวง-พราง ยิ่งในสถานการณ์การต่อสู้ที่แหลมคม กระแสอาจจะถูกสร้างขึ้นจากเกมกลที่แหลมคมมากมาย ตั้งแต่ยุทธการการปล่อยข่าวในร้านน้ำชา วงสนทนาเพื่อสร้างประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และสร้างความเสียหายให้แก่ฝ่ายตรงข้าม
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องระวังฟังหูไว้หูให้มากขึ้น
นอกจากกระแสแล้ว ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ในทุกระดับ “กระสุน” หรือเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ ก็มีความสำคัญในการเป็นจุดชี้ขาดว่า ใครจะแพ้หรือชนะ หรือทำกระแสให้กลายมาเป็นคะแนน เพราะแม้ว่าจะมีกระแสดี แต่ถ้าไม่มีคะแนน หรือมีคะแนนสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ก็ย่อมแพ้เป็นธรรมดา เพราะการตัดสินแพ้ชนะเขาเอาคะแนนเป็นที่ตั้ง
แม้ว่าบางหมายเลขจะถูกปล่อยข่าวว่า มีกระแสมาแรงระดับที่เรียกว่าราคาต่อรองในแวดวงการพนันอยู่ในอัตรา ๑๐ ต่อ ๗ และขยับมาเป็น ๑๐ ต่อ ๘ อยู่ในขณะนี้ หลังจากมีปัจจัยทางการเมืองที่พวกเขาเห็นว่าเป็นคุณต่อผู้สมัครคนนี้
แต่ปรากฏว่า ในแวงการสาดกระสุน เพื่อหวังดึงกระแสแปรมาเป็นกระสุน ปรากฏว่า หมายเลขนี้เสนอราคากลางสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไป ที่ยังไม่แสดงตนว่าสนับสนุนใครเป็นการแน่นอนแล้วในราคาเสียงละ ๕๐๐ บาท แต่ถ้าแสดงตัวว่าสนับสนุนอีกฝ่าย และไม่เลือกฝ่ายตนอย่างแน่นอนแล้ว ข่าวว่าฝ่ายนี้เสนอราคาเสียงละ ๑,๕๐๐ บาท
ซึ่งถ้าเป็นความจริงแสดงว่า ราคานี้เท่ากับอัตราการซื้อเสียงปกติในการเลือกตั้งเดียวกันนี้สมัยที่แล้ว
แสดงให้เห็นว่า แม้กระแสจะมาแรง แต่กระสุน หรือราคากลาง และราคาที่มีผลต่อการโน้มน้าวใจพิเศษ ก็อาจจะมีผลต่อการพลิกผันผลการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ในครั้งนี้ได้มากเหมือนกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าการสาดกระสุนของนักการเมือง และทีมงานจะประสบความสำเร็จหรือไม่
หรือพูดง่ายๆว่า “คนสงขลา หรือคนที่มีสิทธิเลือกตั้งในสงขลาซื้อได้หรือไม่”
นอกจากนั้น ปัจจัยอีกอันหนึ่งที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งได้เหมือนกัน คือ พวก “กระสือ” หรือคอการเมืองที่เป็นนักพนัน ยิ่งราคาต่อรองสูงมากเท่าไหร่ การพนันก็มีผลต่อการพลิกผันผลการเลือกตั้งให้ออกมาแบบ “หักปากกาเซียน” ได้เท่านั้น
และกระบวนการนี้ก็เคยถูกใช้ได้ผลมาแล้วในการเลือกตั้งระดับชาติที่มีการแข่งขันรุนแรงคล้ายๆ กับการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ในครั้งนี้ แต่หากราคาการต่อรองอยู่ในระดับ ๑๐ ต่อ ๘ อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ปัจจัยการพนันอาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้น้อยกว่าที่คาด
อย่างไรก็ตาม มีคำถามหลักอยู่ในใจของประชาชนที่สนใจการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่หลายคำถาม ไม่ว่าจะเป็นคำถามต่อแกนนำของพรรค ปชป.ว่า อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคต่อการเมืองระดับท้องถิ่นคืออะไร ระหว่างผลประโยชน์ของประชาชน กับผลประโยชน์ หรือชัยชนะของคนของพรรค
เพราะการมาพบปะประชาชนของแกนนำคนสำคัญระดับหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านในครั้งนี้ ไม่ได้อธิบายให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงตรรกะที่สำคัญในการสนับสนุนคนของตน ที่นอกเหนือไปจากการเป็นคนของพรรค
โดยเฉพาะผลประโยชน์ หรือสิ่งที่ดีกว่า ที่เหนือกว่าที่พี่น้องประชาชนที่อยู่ในจังหวัดสงขลาจะได้รับจากการที่ได้นายก อบจ.จากคนที่ตนสนับสนับสนุน กับคนที่พรรคไม่สนับสนุน
คำถามต่อมาคือ ทำไมคนระดับแกนนำสูงสุดของพรรคต้องทุ่มเทสุดตัวให้แก่การสนับสนุนสมาชิกพรรคคนหนึ่งมาเป็นผู้นำทางการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยที่คนของพรรคอีกส่วนหนึ่งก็ประกาศตัวสนับสนุนอีกฝ่ายหนึ่ง และบางส่วนก็ประกาศตัววางเฉย โดยปล่อยให้ทั้งคู่ต่อสู้แข่งขันกันเอง เพราะต่างก็เป็นสมาชิกของพรรค ปชป.เหมือนกัน
คำว่า “มติพรรค” คืออะไร แล้วทำไมจึงมีผู้ปฏิบัติต่อมติพรรคแตกต่างกันจนเห็นได้ชัด
คำถามที่สำคัญอีกคำถามหนึ่งคือ พรรค ปชป. (โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคที่ทุ่มเทให้แก่การหาเสียงในครั้งนี้) จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในภาคใต้ และจังหวัดสงขลา ที่มีต่อการกระทำของท่านผู้มีเกียรติที่พวกเขาเคารพนับถือ ไม่ว่าผลของการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม
เหล่านี้คือคำถามที่อยู่ในใจของพี่น้องประชาชนชาวใต้ และชาวสงขลาหลายคน โดยไม่รู้ว่าจะมีใครคิดจะตอบคำถามของพวกเขาบ้าง
จะอย่างไรก็ตาม พี่น้องชาวจังหวัดสงขลา และชาวต่างจังหวัดที่มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องไปทำหน้าที่เลือกตั้งอย่างมีวิจารณญาณในวันที่ ๔ สิงหาคมนี้ ส่วนจะเลือกใคร หรือไม่เลือกใคร ก็เป็นสิทธิโดยชอบธรของท่าน
แต่ต้องไม่ลืมว่า “ความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดสงขลา จะมีเกินคุณภาพ และวุฒิภาวะทางสังคมและการเมืองของคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสงขลา” ไม่ได้.