xs
xsm
sm
md
lg

ทำงานให้หลังหักก็แพ้ได้ถ้าไม่ใช่…ประชาธิปัตย์ / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย
 
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา เมื่อวันที่  ๔  สิงหาคม  ๒๕๕๖  ที่ผ่านมา สร้างความตกตะลึงให้แก่คอการเมืองหลายคนที่ไม่ใช่ชาวประชาธิปัตย์ เพราะผลออกมาผิดความคาดหมายของผู้ที่ติดตามการเมืองท้องถิ่นของสงขลามาโดยตลอด
 
โดยนายนิพนธ์  บุญญามณี  ผู้สมัครหมายเลข ๒ ในนามพรรค ปชป. ชนะนายอุทิศ  ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา ร่วมแสนคะแนน  นายอุทิศ แพ้นายนิพนธ์ เกือบทุกอำเภอ  ยกเว้นอำเภอเล็กๆ อย่างกระแสสินธุ์  สิงหนคร และคลองหอยโข่ง  แม้แต่อำเภอระโนด บ้านเกิดของนายอุทิศ  ก็แพ้นายนิพนธ์ร่วม  ๗,๐๐๐   คะแนน  อะไรเกิดขึ้นกับนายอุทิศ และนายนิพนธ์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
 
ปัจจัยแรกที่ทุกคนพูดถึงคือ  กระแสของความเป็นคนของพรรค ปชป. โดยสโลแกนเดิมๆ อันอมตะนิรันดรกาลที่ว่า “คนของเรา  พรรคของเรา”  “พรรคเลือกคน  ประชาชนเลือกพรรค”  “เชื่อมั่นประชาธิปัตย์  เชื่อมั่นชวน  หลีกภัย  เชื่อมั่นอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  เชื่อทั่นนิพนธ์  บุญญามณี”
 
โค้งสุดท้ายของการหาเสียงของนายนิพนธ์ ที่ทิ้งรูปของตัวเอง  เอารูปนายชวน  หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  พร้อมลายมืออ้อนแม่ยกไปทั่วพื้นที่  พร้อมเวทีปราศรัยที่ขนนักการเมืองทั้งจากส่วนกลาง และในพื้นที่ภาคใต้ระดมหาเสียงแทบทุกตารางนิ้ว
 
แม้แต่กรรมการสมาคมนักเขียนชาวคลองแดน  ข่าวว่าลงมานอนโรงแรมในหาดใหญ่ เพื่อช่วยนายวัชระ  เพชรทอง หาเสียงให้นายนิพนธุ์  บุญญามณี  (ทั้งที่เป็นคนคลองแดนบ้านเดียวกับนายอุทิศ)
 
ความเป็น ปชป.  ความเป็นนายชวน  หลีกภัย  ความเป็นนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ยังทรงอิทธิพลทางการเมืองต่อคนใต้ในทุกระดับอย่างน่าระทึกใจ  ดังภาพปรากฎในเย็นวันศุกร์ที่  ๒  สิงหาคม  ๒๕๕๖  ข้าพเจ้าขับรถกลับบ้านหาดใหญ่ในท่ามกลางสายฝน  แต่ปรากฏว่า สองข้างทางข้าพเจ้าพบภาพชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำวัยทำงาน และวัยสูงอายุมายืนเปียกปอนตลอดทางด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมสุข  ในมือของทุกคนถือดอกกุหลาบแดง  ข้าพเจ้าถามภรรยาว่า “พวกเขามารอใคร”
 
แต่ไม่ทันที่ภรรยาจะตอบคำถาม  ข้าพเจ้าก็สวนกับรถแห่ของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ที่มาปราศรัยที่สนามข้างบิ๊กซีเพื่อช่วยหาเสียงให้นายนิพนธ์ ในการปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอเมืองสงขลา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพื้นที่ชี้ขาดการแพ้ชนะของการแข่งขันชิงนายก อบจ.สงขลา ครั้งที่ผ่านมา
 
กล่าวได้ว่า ปชป.ลงทุนสูงมากในการช่วงชิงชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้  ไม่แพ้การเลือกตั้งระดับชาติ หรือการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตสงขลา  ครั้งที่นายวิรัตน์  กัลยาศิริ  แข่งกับนายอำเภอสุนทร  ประทุมทอง  จากพรรคไทยรักไทยในครั้งนั้น
 
เนื่องจากผู้ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค มาลงสมัครนายก อบจ. เป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับนายชวน  หลีกภัย  และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค  โดยเฉพาะอดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคทั้ง  ๒  คนให้การสนับสนุนอย่างสุดตัว
 
รวมทั้งอดีตเลขาธิการอาเซียนก็ลงมาช่วยปราศรัยในคืนสุดท้ายด้วยลีลาท่าทีที่ดุเด็ดเผ็ดมัน  ผิดคาดของคอการเมืองที่เคยเห็นบุคลิกแบบผู้หลักผู้ใหญ่  นักวิชาการระดับนานาชาติ  แต่เมื่อมาเจอในเวทีระดับท้องถิ่นท่านก็ทิ้งคราบที่ว่า  หันมาสวมวิญญาณนักไฮปาร์กระดับ อบจ.ได้อย่างกลมกลืนเหมือนกัน

ว่ากันว่า ปชป.ยังศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับคนใต้ส่วนใหญ่  แม้ว่าวันนี้  หรือนับวันความศักดิ์สิทธิ์จะลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ  แต่ ปชป.ก็ยังเหนือกว่ากลุ่มพลังอื่นๆ ในกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง  ดังเรื่องเล่า  ๒  เรื่องที่เกิดต่างกรรมต่างวาระ  ดังนี้
 
เรื่องเล่าเรื่องที่  ๑  เหตุเกิดในจังหวัดพัทลุง  มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งเป็นนักการเมืองดาวรุ่ง  ได้คะแนนในการเลือกตั้ง ส.จ.เป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด  เป็นนักปราศรัยตัวยง  ตอนหลังผันตัวเองมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต  ๓  จังหวัดพัทลุง  แข่งกับสมาชิกของพรรค ปชป.
 
ในการปราศรัยที่ตลาดแม่ขรี  อำเภอตะโหมด  ปรากฏว่า นักการเมืองคนนี้เล่าประวัติตัวเอง และพูดถึงแนวนโยบาย และอุดมการณ์ในการเล่นการเมือง  จนคนหน้าเวทีลุงป้าน้าอาต่างร่ำไห้ด้วยความซาบซึ้ง  เมื่อเขาก้าวลงจากเวทีก็มีคนเฒ่าคนแก่รุ่นแม่รุ่นป้าย่ายายเข้ามาห้อมล้อม  บางคนถึงกับสวมกอดแล้วร้องไห้  พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “มึงพูดดีอ้ายลูกบ่าว  ถ้ามึงลงพรรค ปชป.  ป้าเลือกมึงลูกเหอ”  (เรื่องนี้เล่าโดยคนของ ปชป.ปัจจุบัน  แต่ตอนเล่ายังไม่เข้า ปชป.  และด้วยเหตุผลนี้ คนเล่าคนนี้จึงไม่ยอมลงสมัครในนามพรรคการเมืองอื่นนอกจาก ปชป.เท่านั้น)
 
เรื่องเล่าที่ ๒ เกิดในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด  ปรากฏว่า มีหัวคะแนนของพรรคการเมืองหนึ่งที่ไม่ใช่พรรค ปชป.  ก่อนถึงวันเลือกตั้งหัวคะแนนคนนี้ไปหาพ่อของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลกันนัก  เพื่อย้ำว่าให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  แต่พ่อถามว่า “แล้วมึงให้กูเลือกเบอร์ไหน”  ครั้นลูกชายบอกเบอร์ที่ให้พ่อเลือก  ผู้เป็นพ่อกลับสวนออกมาทันทีว่า “ถ้าไม่ใช่ ปชป.  อย่าว่าแต่คนอื่น  แม้แต่มึงกูกะไม่เลือก”
 
ดังนั้น  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายอุทิศ  ชูช่วย  ผู้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลา  ตั้งแต่สมัยเป็นนายกเทศมนตรีนครสงขลา จนไม่มีคู่แข่ง  และสี่ปีที่ผ่านมาก็ยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนในยามทุกข์ยากเดือดร้อน  โดยเฉพาะในช่วงเกิดอุทกภัย  และการก่อวินาศกรรมวางระเบิดโรงแรมดังในหาดใหญ่  เรียกได้ว่าทำงานแทบหลังหัก
 
แต่ในที่สุดก็ต้องเสียตำแหน่งที่เขาทุ่มเทสุดชีวิตให้แก่เพื่อนรักที่มีบทบาทในท้องถิ่นพื้นที่เลือกตั้งเทียบกันไม่ได้  แต่เพียงเขาอาศัยอิทธิพลบารมีของพรรค  และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคบางคนที่ยังครองใจประชาชนขาวสงขลา (ส่วนหนึ่ง) ไม่เสื่อมคลาย
 
จะอย่างไรก็ตาม  เวทีการเมืองท้องถิ่นสงขลาครั้งนี้  ยังไม่น่าสนใจเท่าเวทีการเมืองท้องถิ่นระดับเดียวกันที่นครศรีธรรมราชในไม่นานนี้  เพราะพรรค  ปชป.กำลังเอารูปอดีตนายกรัฐมนตรี  และขณะนี้เป็นหัวหน้าพรรค  ปชป.ไปคู่กับ นายมาโนช  เสนพงศ์  ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช
 
ขณะที่นายก อบจ.คนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระคือ นายพิชัย  บุณยเกียรติ  พี่น้องคลานตามหลังกันมาของอดีตรัฐมนตรี นายชินวรณ์  บุณยเกียรติ  และทราบมาว่า ว่าที่ผู้สมัครอีก  ๒  คนคือ  หลานและญาติของนายวิทยา  แก้วภราดัย  และนายชำนิ  ศักดิ์เศรษฐ์  ตามลำดับ
 
โปรดติดตามเพื่อฟังตรรกะของพรรค ปชป. ในการสนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ว่า  จะเหมือนหรือต่างกับที่สงขลาอย่างไร.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น