ปัตตานี - นักการเมืองชายแดนใต้เสนอช่วง 40 วันอันตราย ต้องตั้งกรรมการอิสระตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อชัดเจน การคุยสันติภาพจึงสำเร็จ ขณะเดียวกัน จนท. 3 ฝ่ายในพื้นที่ไม่ได้ประมาท ก็ยังคงดูแลความปลอดภัยเข้มให้แก่ครูในพื้นที่
วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมปาร์ควิว อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้มีนักการเมืองที่เป็น ส.ส. และอดีต ส.ส. ประมาณ 25 คน ได้ร่วมกันสานเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหา และทางออกระหว่างนักการเมืองจังหวัดชายแดนใต้ ครั้งที่ 13 โดยมีนายเด่น โต๊ะมีนา รับหน้าที่นั่งเป็นประธานของเสวนาในครั้งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมสานเสวนา ประกอบด้วย นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคมาตุภูมิ พรรคความหวังใหม่ พรรคเพื่อนเกษตรไทย พรรคดำรงไทย พรรคชาติไทย พรรคภูมิใจไทย และนักการเมืองไม่สังกัดพรรค และเจ้าหน้าที่สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา และเจ้าหน้าที่จากศูนย์สันติวิธีจังหวัดชายแดนใต้มหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งเป้าประสงค์ในการสวนา เพื่อเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ และหาทางออกร่วมกัน เพื่อลดความรุนแรงของเหตุการณ์ในพื้นที่ และส่งเสริมให้เกิดสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเสร็จจากการร่วมเวทีสานเสวนา นายเด่น โต๊ะมีนา ได้อ่านข้อสรุป และข้อเสนอแนะจากการสานเสวนาได้ดังนี้
1.ที่ประชุมมีความยินดี และขอสนับสนุนการลดความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา 40 วัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นจริงได้ และจะส่งผลดีต่อการพูดคุยสันติภาพต่อไป 2.อย่างไรก็ดี อาจมีบางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และก่อเหตุรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าวได้ จึงขอเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่ทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ และเป็นกลาง เพื่อให้เป็นไปตามคำแถลงความเข้าใจร่วมกันเรื่องความริเริ่มสันติภาพในเดือนรอมฎอน 2013 ของตัวแทนรัฐบาลมาเลเซีย ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2013 โดยมีองค์ประกอบ เช่น ตัวแทนภาครัฐ ตัวแทนภาคประชาสังคม ตัวแทนฝ่ายวิชาการ ตัวแทนสภาทนายความ ตัวแทนสื่อมวลชน และผู้ทรงคุณวุฒิที่ประชาชนไว้วางใจ เป็นต้น
3.เสนอให้สร้างบรรยากาศที่ดี และเอื้อต่อการพดคุยสันติภาพ ดังนี้ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของจุฬาราชมนตรี พ.ศ.2556 ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอน ดำเนินการให้มีการอภัยโทษแก่นักโทษคดีความมั่นคง ในกรณีที่จะช่วยเสริมสร้างความผ่อนปรนซึ่งกันและกัน พยายามลดความรุนแรงที่แฝงอยู่ในโครงสร้าง เช่น การให้ความยุติธรรมในคดีความมั่นคงอย่างสม่ำเสมอ การเพิ่มสัมฤทธิผลของการจัดการศึกษา เป็นค้น 4.ในเรื่องของการกระจายอำนาจ ที่ประชุมมีความเห็นว่าควรริเริ่มในส่วนที่อาจปฏิบัติให้เห็นผลในเบื้องต้นก่อน เช่น การโอนย้ายอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดไปให้นายก อบจ. ในส่วนของวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ของ ศอ.บต. ในส่วนของบทนิยาม โดยให้ ศอ.บต. มีเขตอำนาจตรงกับเขตพื้นที่ที่มีความขัดแย้งรุนแรง จากการครอบคลุม 5 จังหวัดเป็น 3 จังหวัด กับ 4 อำเภอของสงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางด้าน นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส. นราธิวาส เผยว่า กรณีกลุ่มบีอาร์เอ็นขอยุติสร้างสถานการณ์ในช่วง 40 วันในเดือนรอมฎอนนั้น ตนเห็นว่า ถ้า 40 วัน ไม่เป็นไปตามนั้น คิดว่าการพูดคุยสันติภาพทำต่อคงยาก พวกเราเป็นห่วง จึงขอเสนอให้รัฐตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เช่น ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. จนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ที่ อ.รามัน จ.ยะลา และ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้งอยากให้รัฐตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาว่า เป็นฝีมือของฝ่ายใด
เพื่อให้คำตอบจากประชาชนได้ ดังนั้น จึงอยากให้ตั้งคณะกรรกมารอิสระขึ้นมาที่เป็นกลาง ตรวจสอบทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ารัฐตอบตำถามได้ แต่ละเรื่องเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคต ถ้า 40 วันไปโดยดี อนาคตสดใส ถ้า 40 วัน ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนการคุยเพื่อสันติภาพคงมีอุปสรรค ขณะเดียวกัน จนท. 3 ฝ่ายในพื้นที่ไม่ได้ประมาท ก็ยังคงดูแลความปลอดภัยเข้มให้แก่ครูในพื้นที่ ถึงแม้ในพื้นที่บรรยากาศเริ่มสงบมานานเกือบสัปดาห์แล้วก็ตาม
ทางด้าน นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ทั้งประชาชน และครูก็ดีใจหลังมีการประกาศยุติความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน หรือถือศีลอด แต่ก็ยังเป็นห่วงว่า จะยุติได้ทั้งหมดจริงหรือไม่ เพราะเชื่อว่ามีหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย แต่การแถลงการณ์ครั้งนี้ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ถือว่าได้พิสูจน์ศักยภาพของกลุ่มนี้ แต่ถ้าเกิดมีการก่อเหตุการณ์อีกก็ต้องช่วยกันพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เป็นมือที่สาม หรือเป็นใคร ตนเชื่อว่าพิสูจน์ได้
อย่างไรก็ตาม ตนและคณะกรรมการยังเป็นห่วงเรื่องนี้ คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะครูเป็นเป้าหมายอ่อนแอ ดังนั้น จะอยู่ในความประมาทไม่ได้ ต้องระมัดระวังตลอดเวลาทั้งไปและกลับ และได้แจ้งให้ทราบว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยครูที่วางไว้ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงให้มีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป
วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมปาร์ควิว อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้มีนักการเมืองที่เป็น ส.ส. และอดีต ส.ส. ประมาณ 25 คน ได้ร่วมกันสานเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหา และทางออกระหว่างนักการเมืองจังหวัดชายแดนใต้ ครั้งที่ 13 โดยมีนายเด่น โต๊ะมีนา รับหน้าที่นั่งเป็นประธานของเสวนาในครั้งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมสานเสวนา ประกอบด้วย นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคมาตุภูมิ พรรคความหวังใหม่ พรรคเพื่อนเกษตรไทย พรรคดำรงไทย พรรคชาติไทย พรรคภูมิใจไทย และนักการเมืองไม่สังกัดพรรค และเจ้าหน้าที่สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา และเจ้าหน้าที่จากศูนย์สันติวิธีจังหวัดชายแดนใต้มหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งเป้าประสงค์ในการสวนา เพื่อเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ และหาทางออกร่วมกัน เพื่อลดความรุนแรงของเหตุการณ์ในพื้นที่ และส่งเสริมให้เกิดสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเสร็จจากการร่วมเวทีสานเสวนา นายเด่น โต๊ะมีนา ได้อ่านข้อสรุป และข้อเสนอแนะจากการสานเสวนาได้ดังนี้
1.ที่ประชุมมีความยินดี และขอสนับสนุนการลดความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา 40 วัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นจริงได้ และจะส่งผลดีต่อการพูดคุยสันติภาพต่อไป 2.อย่างไรก็ดี อาจมีบางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และก่อเหตุรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าวได้ จึงขอเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่ทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ และเป็นกลาง เพื่อให้เป็นไปตามคำแถลงความเข้าใจร่วมกันเรื่องความริเริ่มสันติภาพในเดือนรอมฎอน 2013 ของตัวแทนรัฐบาลมาเลเซีย ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2013 โดยมีองค์ประกอบ เช่น ตัวแทนภาครัฐ ตัวแทนภาคประชาสังคม ตัวแทนฝ่ายวิชาการ ตัวแทนสภาทนายความ ตัวแทนสื่อมวลชน และผู้ทรงคุณวุฒิที่ประชาชนไว้วางใจ เป็นต้น
3.เสนอให้สร้างบรรยากาศที่ดี และเอื้อต่อการพดคุยสันติภาพ ดังนี้ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของจุฬาราชมนตรี พ.ศ.2556 ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอน ดำเนินการให้มีการอภัยโทษแก่นักโทษคดีความมั่นคง ในกรณีที่จะช่วยเสริมสร้างความผ่อนปรนซึ่งกันและกัน พยายามลดความรุนแรงที่แฝงอยู่ในโครงสร้าง เช่น การให้ความยุติธรรมในคดีความมั่นคงอย่างสม่ำเสมอ การเพิ่มสัมฤทธิผลของการจัดการศึกษา เป็นค้น 4.ในเรื่องของการกระจายอำนาจ ที่ประชุมมีความเห็นว่าควรริเริ่มในส่วนที่อาจปฏิบัติให้เห็นผลในเบื้องต้นก่อน เช่น การโอนย้ายอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดไปให้นายก อบจ. ในส่วนของวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ของ ศอ.บต. ในส่วนของบทนิยาม โดยให้ ศอ.บต. มีเขตอำนาจตรงกับเขตพื้นที่ที่มีความขัดแย้งรุนแรง จากการครอบคลุม 5 จังหวัดเป็น 3 จังหวัด กับ 4 อำเภอของสงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางด้าน นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส. นราธิวาส เผยว่า กรณีกลุ่มบีอาร์เอ็นขอยุติสร้างสถานการณ์ในช่วง 40 วันในเดือนรอมฎอนนั้น ตนเห็นว่า ถ้า 40 วัน ไม่เป็นไปตามนั้น คิดว่าการพูดคุยสันติภาพทำต่อคงยาก พวกเราเป็นห่วง จึงขอเสนอให้รัฐตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เช่น ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. จนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ที่ อ.รามัน จ.ยะลา และ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้งอยากให้รัฐตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาว่า เป็นฝีมือของฝ่ายใด
เพื่อให้คำตอบจากประชาชนได้ ดังนั้น จึงอยากให้ตั้งคณะกรรกมารอิสระขึ้นมาที่เป็นกลาง ตรวจสอบทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ารัฐตอบตำถามได้ แต่ละเรื่องเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคต ถ้า 40 วันไปโดยดี อนาคตสดใส ถ้า 40 วัน ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนการคุยเพื่อสันติภาพคงมีอุปสรรค ขณะเดียวกัน จนท. 3 ฝ่ายในพื้นที่ไม่ได้ประมาท ก็ยังคงดูแลความปลอดภัยเข้มให้แก่ครูในพื้นที่ ถึงแม้ในพื้นที่บรรยากาศเริ่มสงบมานานเกือบสัปดาห์แล้วก็ตาม
ทางด้าน นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ทั้งประชาชน และครูก็ดีใจหลังมีการประกาศยุติความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน หรือถือศีลอด แต่ก็ยังเป็นห่วงว่า จะยุติได้ทั้งหมดจริงหรือไม่ เพราะเชื่อว่ามีหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย แต่การแถลงการณ์ครั้งนี้ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ถือว่าได้พิสูจน์ศักยภาพของกลุ่มนี้ แต่ถ้าเกิดมีการก่อเหตุการณ์อีกก็ต้องช่วยกันพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เป็นมือที่สาม หรือเป็นใคร ตนเชื่อว่าพิสูจน์ได้
อย่างไรก็ตาม ตนและคณะกรรมการยังเป็นห่วงเรื่องนี้ คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะครูเป็นเป้าหมายอ่อนแอ ดังนั้น จะอยู่ในความประมาทไม่ได้ ต้องระมัดระวังตลอดเวลาทั้งไปและกลับ และได้แจ้งให้ทราบว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยครูที่วางไว้ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงให้มีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป
