xs
xsm
sm
md
lg

ที่ปรึกษาสภาอุตฯ เชื่อพ้น 40 วัน นักธุรกิจพร้อมลงทุนหากความรุนแรงยุติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรม จ.ยะลา ระบุประชาชนออกมาจับจ่ายกันเพิ่มขึ้นหลังบีอาร์เอ็นประกาศยุติก่อเหตุ เชื่อภาคธุรกิจพร้อมที่จะเข้ามาลงทุน หากพ้น 40 วัน เหตุความรุนแรงยุติจริง

จากกรณีที่ทางการประเทศมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุกลุ่มบีอาร์เอ็น ประกาศลดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเดือนรอมฎอน คือ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม ถึง วันที่ 18 สิงหาคม 2556 รวมระยะเวลา 40 วัน โดยทางการประเทศมาเลเซีย ประกาศอย่างชัดเจนว่า จากการพูดคุยกับขบวนการบีอาร์เอ็น ครั้งที่ 3 นั้น จะก่อให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการเจรจาพูดคุยเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้เกิดความสงบสุข

นายยู่สิน จินตภากร ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรม จ.ยะลา เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันว่าหลังจากเข้าเดือนรอมฎอน ซึ่งพี่น้องมุสลิมถือว่าเป็นเดือนที่พิเศษสุดในการประกอบบุญกุศล ขณะเดียวกัน ถ้าความรุนแรงไม่เกิดขึ้น ในภาพรวมของภาคธุรกิจก็คงจะจับตามองว่ามันเกิดเหตุหรือไม่ ความเป็นจริงมีแค่ไหน ถ้าไม่เกิดเหตุเลย เพราะเหตุใด แน่นอนว่าคงต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าทางการเกษตร ซึ่ง 3 จังหวัดชายแดนใต้มีภาคเกษตรค่อนข้างมาก ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจากับบีอาร์เอ็น ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ ระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ก็ยังพอที่จะเดินไปได้แต่ภาคการลงทุนจะไม่มีเข้ามาเลย

ขณะเดียวกัน การจดนิติบุคคลต่างๆ มีมากขึ้น ปัญหาการจ้างงานก็มากขึ้นเช่นกัน เหตุผลง่ายๆ คือ การที่จดนิติบุคคลมากขึ้นนั้นจะมีการมองสิทธิของภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษี ไม่ว่าเรื่องของซอฟต์โลน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม หรือเรื่องของภาษี ซึ่งจะมาเอาสิทธิตรงนี้ ซึ่งถ้าภาคเศรษฐกิจดีขึ้น ภาครัฐเองพยายามที่จะทุ่มเทสรรพกำลังที่เข้ามาฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ พื้นฟูระบบการพัฒนาเมือง

แต่ภาคลงทุน ตนมองว่าตรงนี้สำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่เค้าจะมองภาครัฐว่า ภาครัฐมีความมั่นคงเพียงใดแน่ใจแค่ไหนกับการเจรจากับบีอาร์เอ็น ในเมื่อวันนี้มาเลเซียแถลงการณ์ว่าบีอาร์เอ็นจะลดความรุนแรงลง สิ่งหนึ่งที่ต้องดูกันต่อไปว่าบังเกิดผลจริงหรือไม่นี่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเกิดผลจริงยุติความรุนแรงได้ ก้าวต่อไปของรัฐบาลคืออะไร

เศรษฐกิจโดยรวมในช่วงนี้เป็นแค่ช่วงแรกของเดือนรอมฎอน ก็คงรอดูอยู่ ขณะเดียวกัน พี่น้องมุสิลมก็เริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น มีมาก แต่คิดว่าเวลายังไม่ถึง ถ้าใกล้ๆ คงคึกคักมากกว่านี้ และจะเป็นสิ่งที่บอกถึงความชัดเจนว่าเกิดหรือไม่เกิดขึ้น ภาคการลงทุนก็คงมองเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญในขั้นแรกว่าถ้ามีการเจรจาเกิดขึ้นเหตุการณ์ยุติจริง รัฐก็คงเจรจาต่อไป แต่ถ้าเกิดว่าเหตุไม่ยุติจริง นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากกว่า ซึ่งภาคธุรกิจก็ต้องมองเรื่องการมาลงทุนแล้วมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของเค้าเป็นหลัก นอกจากสิทธิประโยชน์ที่เค้าพึงจะได้รับแล้ว ก็คงต้องรอดูไตรมาส 3 และ 4 ดูผลการเจรจาอีกครั้งหนึ่ง

ถ้าเหตุการณ์ความรุนแรงไม่เกิดขึ้นจริง แน่นอนว่าการลงทุนก็จะเข้ามา แต่อยากให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนในการลงทุนก่อน ซึ่งเมื่อเจรจาแล้วนักธุรกิจก็ต้องมองว่าสิทธิต่างๆ ทรัพยากรต่างๆ จะหายไปหรือไม่อย่างไรซึ่งถ้ารัฐอยากให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ รัฐก็ควรที่จะลงทุนก่อน ซึ่งช่วงแรกอาจจะลงทุนร่วมเพื่อให้เกิดการจ้างงาน เกิดความมั่นคงสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น