ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พ่อเมืองภูเก็ตลงพื้นที่ตรวจติดตามการก่อสร้างซ่อมแซมพนังเขื่อน ค.ส.ล.คลองบางใหญ่ หลังพักเสียหายช่วงน้ำท่วมหนักปีที่ผ่านมา
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อน ค.ส.ล.คลองบางใหญ่ บริเวณสามแยกทิพย์คีรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ร่วมกับ น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมผนังกั้นเขื่อน ซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในช่วงปีที่ผ่านมา
โดยนายไมตรี กล่าวว่า โครงการก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อนดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนงบประมาณปี 2555 ของโครงการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 21 ล้านบาทเศษ มีจุดเริ่มต้นจากสะพานเทพกระษัตรีไปทางทิศใต้ ความยาว 190 เมตร เนื่องจากเขื่อนเดิมชำรุดจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเมื่อช่วงประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา
ซึ่งขณะนี้สัญญาการก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้สิ้นสุดมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2555 แต่ปรากฏว่า งานยังไม่แล้วเสร็จ จากการสอบถามผู้รับผิดชอบทราบว่า มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความไม่ชัดเจนเรื่องแนวเขตที่ดิน ปัญหาอุทกภัย เป็นต้น ภายหลังแนวเขตที่ดินมีความชัดเจน ทางบริษัทผู้รับเหมาก็ได้เข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องเสียค่าปรับให้แก่ราชการเพราะเป็นการผิดสัญญา จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะหากแล้วเสร็จก็จะทำให้การระบายน้ำของคลองบางใหญ่ดีขึ้น ป้องกันการพังทลายของเขื่อนเดิม
และระบบระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก และฤดูฝนทำงานได้ดีขึ้น เพราะลำคลองสายนี้เป็นเส้นทางหลักในการระบายน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ อ.กะทู้ ลงทะเลที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน ซึ่งหากการก่อสร้างล่าช้า และไม่แล้วเสร็จ เมื่อมีฝนตกหนักก็จะทำให้น้ำระบายไม่ทัน จะทำให้น้ำไหลเอ่อเข้าไปในเขตเทศบาลฯ และย่านเศรษฐกิจเมืองเก่าภูเก็ต สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนที่อาศัย และประกอยอาชีพอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
นายไมตรี กล่าวต่อไปอีกว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ นอกจากจะติดตามความคืบหน้าของโครงการซึ่งได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากรัฐบาลแล้ว ยังต้องการทราบข้อมูลปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ที่ทำให้น้ำระบายไม่ทัน เพื่อจะได้นำไปบริหารจัดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ รวมถึงปัญหาภาพรวมทั้งจังหวัด ซึ่งจะได้หางบประมาณเพื่อศึกษา และออกแบบรายละเอียดการแก้ปัญหา โดยมอบให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นเจ้าภาพ
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อน ค.ส.ล.คลองบางใหญ่ บริเวณสามแยกทิพย์คีรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ร่วมกับ น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมผนังกั้นเขื่อน ซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในช่วงปีที่ผ่านมา
โดยนายไมตรี กล่าวว่า โครงการก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อนดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนงบประมาณปี 2555 ของโครงการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 21 ล้านบาทเศษ มีจุดเริ่มต้นจากสะพานเทพกระษัตรีไปทางทิศใต้ ความยาว 190 เมตร เนื่องจากเขื่อนเดิมชำรุดจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเมื่อช่วงประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา
ซึ่งขณะนี้สัญญาการก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้สิ้นสุดมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2555 แต่ปรากฏว่า งานยังไม่แล้วเสร็จ จากการสอบถามผู้รับผิดชอบทราบว่า มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความไม่ชัดเจนเรื่องแนวเขตที่ดิน ปัญหาอุทกภัย เป็นต้น ภายหลังแนวเขตที่ดินมีความชัดเจน ทางบริษัทผู้รับเหมาก็ได้เข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องเสียค่าปรับให้แก่ราชการเพราะเป็นการผิดสัญญา จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะหากแล้วเสร็จก็จะทำให้การระบายน้ำของคลองบางใหญ่ดีขึ้น ป้องกันการพังทลายของเขื่อนเดิม
และระบบระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก และฤดูฝนทำงานได้ดีขึ้น เพราะลำคลองสายนี้เป็นเส้นทางหลักในการระบายน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ อ.กะทู้ ลงทะเลที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน ซึ่งหากการก่อสร้างล่าช้า และไม่แล้วเสร็จ เมื่อมีฝนตกหนักก็จะทำให้น้ำระบายไม่ทัน จะทำให้น้ำไหลเอ่อเข้าไปในเขตเทศบาลฯ และย่านเศรษฐกิจเมืองเก่าภูเก็ต สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนที่อาศัย และประกอยอาชีพอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
นายไมตรี กล่าวต่อไปอีกว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ นอกจากจะติดตามความคืบหน้าของโครงการซึ่งได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากรัฐบาลแล้ว ยังต้องการทราบข้อมูลปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ที่ทำให้น้ำระบายไม่ทัน เพื่อจะได้นำไปบริหารจัดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ รวมถึงปัญหาภาพรวมทั้งจังหวัด ซึ่งจะได้หางบประมาณเพื่อศึกษา และออกแบบรายละเอียดการแก้ปัญหา โดยมอบให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นเจ้าภาพ
