ประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง เตรียมเรียกบริษัทพีซีซีฯ แจงสถานภาพทางการเงิน ชี้เข้าข่ายผิดสัญญาจ้าง มีแนวโน้มว่าจะบอกเลิกสัญญาจ้าง
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบทบทวนโครงการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งที่ก่อสร้างเสร็จล่าช้าว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแผนประกอบการและสถานภาพทางการเงินจากบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้น แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด แต่ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ได้เชิญผู้แทนจากบริษัทพีซีซีมาหารือ ก็จะให้ชี้แจงในเรื่องแผนประกอบการและสถานภาพทางการเงินด้วย ทั้งนี้ ตนเพิ่งทราบข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 55 สำนักงานส่งกำลังบำรุงและบริษัทพีซีซีเคยเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการยุติธรรมของรัฐสภา ถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างหลังจากได้หยุดก่อสร้างมาระยะหนึ่งแล้ว โดยบริษัทพีซีซีรับปากว่าจะดำเนินการก่อสร้างให้ตามสัญญา แต่จนถึงขณะนี้ 99 เปอร์เซ็นต์ยังไม่มีการก่อสร้างเกิดขึ้น มีเพียงบางแห่งที่เป็นลักษณะผู้รับเหมาช่วงดำเนินการก่อสร้างอยู่ เนื่องจากไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ลักษณะการจ้างช่วงให้ผู้รับเหมารายอื่นมารับงานก่อสร้างสถานีตำรวจอาจเข้าข่ายผิดสัญญาจ้าง รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทพีซีซีไม่เคยยอมรับว่ามีการจ้างช่วงต่อ หรือมาขออนุญาตกับ ตร.ให้ยินยอมว่าจ้าง และนำข้อมูลผู้รับเหมาที่จะรับเหมาช่วงต่อมาให้ ตร.ตรวจสอบ ทั้งที่ในสัญญาระบุห้ามบริษัทพีซีซีจ้างช่วงต่อ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจาก ตร.ในฐานะผู้ว่าจ้าง และจากเอกสารหลักฐานที่ทุกหน่วยส่งเข้ามามีความชัดเจนว่า บริษัทพีซีซีจ้างผู้รับเหมาดำเนินการต่อ ซึ่งประเด็นนี้จะนำไปต่อสู้ในข้อกฎหมาย เพราะทำให้ ตร.เสียประโยชน์ เนื่องจาก ตร.ไม่รู้ว่าผู้รับเหมาที่มารับจ้างช่วงต่อมีบุคลากรที่มีความสามารถสร้างสถานีตำรวจได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม วันที่ 4 ก.พ.จะมีการประชุมคาดว่าจะได้ข้อสรุปในระดับคณะกรรมการฯ ก่อนเสนอให้ ตร.พิจารณา
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลหลักฐานที่ ตร.มีขณะนี้ มีแนวโน้มว่าจะบอกเลิกสัญญาจ้าง โดยจะพิจารณาใน 2 ประเด็นว่าควรจะบอกเลิกทันทีก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญา หรือควรบอกเลิกสัญญาในวันสิ้นสุดสัญญา โดยจะพิจารณาความคุ้มค่าว่าประเด็นไหนที่ตร.จะได้รับประโยชน์มากกว่า ซึ่งหลังจากบอกเลิกสัญญาจ้างแล้วจะให้มีการจัดซื้อจัดจ้างเป็นรายจังหวัด ราย บช. โดยคณะกรรมการตรวจสอบชุดของ พล.ต.อ.วรพงษ์ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการสั่งการในที่ประชุมให้ทุกจังหวัดไปเตรียมการเพื่อทำการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ เช่น คำนวณราคาก่อสร้างงานที่เหลือ กำหนดสเปกใหม่ โดยให้เหตุผลว่าขั้นตอนดังกล่าวจะใช้เวลานาน เมื่อเลิกสัญญาแล้วก็จะได้นำสิ่งที่เตรียมไว้มาใช้ได้ทันที