xs
xsm
sm
md
lg

สังคมที่คนดีไม่มีที่ให้ยืน/จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

ปัจจุบัน สังคมไทยกำลังย่างเข้าสู่ยุค “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม” หรือ “ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน” อะไรปานนั้น นับว่าเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของคำสอนที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” หรือ “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

คนดีในทัศนะของคนรุ่นก่อนที่มีต้นแบบจากกรอบแนวคิดทางจารีตของสังคม หลักธรรมทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นจารีตทางเพศ มารยาทในสังคม การปฏิบัติตามกฎหมาย ดูเหมือนว่าใครยิ่งฝ่าฝืนกฎกติกา ทั้งกฎธรรมชาติ กฎศีลธรรม และกฎหมายได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับการยอมรับ และถูกมองว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จมากเท่านั้น

ส่วนคนที่ยึดถือปฏิบัติไปตามกฎทั้งสามต่างก็ถูกมองว่าเป็นคนไม่ทันคน เป็นพวกล้มเหลว โง่ โบราณ และเอาตัวไม่รอด ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตประจำวัน การเคารพกฎจราจร การรับบริการจากรัฐ โดยเฉพาะบริการจากรัฐที่มีผู้คอยรับบริการมากๆ และสุ่มเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยในชีวิต เช่น โรงพยาบาล โรงพัก ศาล ฯลฯ

สังคมไทยวันนี้จึงเต็มไปด้วยระบบเส้นสาย ระบบพรรคพวกที่ยึดโยงกันด้วยผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะในแวดวงราชการ แวดวงการเมือง ไม่เว้นแม้แต่ในวัดวาอารามหรือสถาบันทางศาสนาอื่นๆ คนส่วนใหญ่มีความหวาดระแวงต่อกัน และเกรงว่าตน และพรรคพวกจะเสียเปรียบคนอื่น

เมื่อสังคมไม่ได้ยึดโยงอยู่กับความผิดชอบชั่วดี ไม่มีจรรยาจารีตในการปฏิบัติ ต่อหน้ากับลับหลังต่างกันเหมือนห้ากับเหว คนส่วนใหญ่จึงต้องวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจที่จะบันดาลโอกาสให้แก่ตน และพรรคพวก จึงเกิดระบบอุปถัมภ์ วิ่งเต้นเอาผลประโยชน์ที่ตนมีเข้าแลก บางคนถึงขั้นขายเนื้อขายตัว เอาศักดิ์ศรีเข้าแลก

คนในสังคมปัจจุบันมีความหวาดระแวง แสดงละคร สร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูดี เป็นที่น่าเชื่อถือ แต่ในใจที่แท้จริง หรือธาตุแท้กลับเป็นอีกแบบที่แตกต่างกัน โดยมีความหวาดระแวง แสดงละคร สร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูดี เป็นที่น่าเชื่อถือ แต่ในใจที่แท้จริง หรือธาตุแท้กลับเป็นอีกแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สมัยก่อนเราเรียกว่า “พวกสองแนวทาง” คือ เบื้องหน้าทำตัวเป็นคนก้าวหน้า หัวเอียงซ้าย แต่เบื้องหลังนิยมอ่านหนังสือปกขาว คือค้นในย่ามจะพบทั้งหนังสือลัทธิมาร์กซ์ และหนังสือปลุกใจเสือป่า หรือไม่ก็ทำตัวเป็นคอม แต่เผลอก็ลงมือซ้อมตบตีเมียแบบพวกมวลชนพื้นฐาน

หลายคนที่ได้รับเกียรติเชิดชูยกย่องเป็นที่เคารพนับถือของคนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบัน มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าเกลียดน่าชัง น่าขยะแขยง แต่อาศัยว่าเป็นคนหน้าด้าน นักแสดง นักสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี และมีวาทกรรมสามารถจะกล่อมคนไม่ดีที่มีอำนาจหรือ “พวกโง่แล้วได้เป็นใหญ่” อย่างที่สีเผือก (อิสรา อนันตทัศน์) คนด่านเกวียนเคยแต่งเพลงไว้นั่นแหละ วันนี้เราจึงมีพวก “จอมปลอม” เต็มไปหมด

ส่วนคนที่รู้เท่าทันคนพวกนี้ก็มีน้อย และไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำลายพวก “สาวก” ที่หลง “ซาตานที่แปลงร่างเป็นฤาษี” จนยากที่จะเปลี่ยนศรัทธาที่นำปัญญาพวกเขาได้ คนรู้ทันจึงกลายเป็น “คนมองโลกในแง่ร้าย” คนที่ไม่หลงไม่เชื่อตามคนอื่นอย่างโง่เง่าเต่าตุ่นกูกลายเป็นคนพูดไม่เข้าหูคน หรือพวกมองโลกในแง่ร้าย

มีเรื่องเล่ามากมายผ่านหูของผู้เขียนเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือของคนในสังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ ที่มีพฤติกรรมบางอย่างแตกต่างกับที่พวกเขาแสดงอยู่ต่อหน้าสาธารณชน จนแทบไม่น่าเชื่อว่า เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่ได้ยินมาจะเป็นความจริง

บางคนสร้างภาพลักษณ์ให้คนทั่วไปมองว่าตัวเองเป็นคนก้าวหน้า เป็นนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม เป็นอดีตคนหนุ่มรุ่นที่เป็นที่กล่าวขวัญในสังคม มีพรรคพวกเพื่อนพ้องอยู่ในวงการคนก้าวหน้ามากมายของประเทศ แต่พฤติกรรมที่แท้จริง กลับเป็นนักฉวยโอกาส มักมากในกามคุณ ใช้วาทกรรมที่มีเหนือคนอื่นปลิ้นปล้อน ฉกปล้นไปอย่างไม่มียางอาย ชอบใส่ร้ายป้ายสีแบบ “เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น” แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ความจริง ส่วนคนที่รู้ความจริงก็เป็นคนส่วนน้อย วันนี้ คนแบบนี้จึงยังลอยนวลแสวงหาประโยชน์ไปเรื่อยๆ และทำลายคนดีที่หน้าไม่ด้านพอคนแล้วคนเล่าอย่างน่ากลัว

คนบางคนกลายเป็นวีรบุรุษของคนหลายล้านคนที่สามารถเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องเกียรติยศ ชื่อเสียง และวงศ์ตระกูลของเขา ทั้งๆ ที่เขาโกงกินบ้านเมือง ใช้โอกาสที่ตนเองมีเหนือคนอื่นในฐานะผู้นำของประเทศแสวงหาประโยชน์ใส่ตัวทุกวิถีทาง และทำลายคนอื่นที่ขัดขวางผลประโยชน์ของตน จนถูกยึดอำนาจกลายเป็นสุนัขจรจัดอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ยังมีคนระดับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี นายพล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำทุกวิถีทางเพื่อตอบสนองความต้องการของเขา

คนบางคนอยู่ในคราบของครูบาอาจารย์ เป็นที่นับหน้าถือตาของลูกศิษย์ และคนทั่วไป แต่กลับถูกคนบางกลุ่มเรียกว่า “พวกคาว” หรือ “พวกเ-ดเด็ก” เนื่องเพราะมีเรื่องเล่าข่าวลือว่าคนพวกนี้ชอบมีอะไรเกินเลยกับเด็กๆ จนเป็นที่ร่ำลือในหมู่นักศึกษาบางกลุ่มว่า ตนได้เกรดไม่ดีเพราะไม่ยอมไปนอนกับอาจารย์ผู้สอน (ได้ยินมาว่าอย่างนั้น แต่ผ่านบุคคลที่สามอีกที และไม่บอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดที่ประเทศไหน)

บางคนถูกนินทาว่า บ้านที่ท่านอาศัยอยู่ตั้งแต่วันก่อนเกษียณอายุราชการ เป็นบ้านที่ได้มาจากผู้รับเหมาสร้างให้เพื่อเป็นการทดแทนที่ท่านเอื้อประโยชน์ให้ได้โครงการ หรือผ่านการประมูลในหน่วยงานที่ท่านนั้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในขณะนั้น แม้เรื่องนี้จะไม่นำไปสู่การตรวจสอบตามกฎหมายฐานเบียดบังผลประโยชน์ แต่ท่านที่ถูกกล่าวถึงก็สูญเสียความเป็นที่น่าเชื่อถือทางสังคม แม้ว่าเบื้องหน้าท่านจะดูเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา และเป็นที่ชอบอกชอบใจของใครหลายคนก็ตาม

ในชีวิตการทำงานของผู้เขียน ตั้งแต่เป็นครูในโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วไปช่วยราชการงานนิเทศการศึกษาที่สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอร่อนพิบูลย์ ก่อนจะสอบบรรจุใหม่ย้ายไปสังกัดโรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษาที่โรงเรียนชะอวดวิทยาคาร แล้วเกิดการปล้นฆ่าครูเที่ยง เหมทานนท์ ครูโรงเรียนวัดร่อนนาต่อหน้าครู และนักเรียน เป็นเหตุให้มีการประท้วงของครูทั้งอำเภอร่อนพิบูลย์ แล้วผู้เขียนถูกเรียกร้องให้นำการประท้วงตำรวจ และโจร จนในที่สุดทั้งตำรวจ และโจรโกรธผู้เขียน และพวกจนต้องขอย้ายด่วนออกจากชะอวดไปอยู่ที่โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ อำเภอหาดใหญ่ และย้ายไปสังกัดสถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณจนปัจจุบัน

ผู้เขียนพบคนดีมากมาย โดยเฉพาะ ศ.สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ผู้ปรนนิบัติราชการ ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจนเป็นที่เชื่อถือของสำนักงบประมาณ และเพื่อนร่วมงาน แต่คนอย่างอาจารย์สุธิวงศ์ ก็ยังมีศัตรูมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยต้นสังกัดยังเป็นวิทยาเขตสงขลา ของวิทยาเขตแม่ที่ประสานมิตร จนถึงยุคที่มหาวิทยาลัยมีพระราชบัญญัติเฉพาะเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศ

วันนี้ คนดีอย่าง อ.สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ กำลังถูกโรคร้ายกลุ้มรุม ทำให้สูญเสียความสามารถในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมโลก เหลือไว้แต่ตำนานอันน่ายกย่องเอาอย่างในเรื่องของการซื่อสัตย์ ซื่อตรงในการใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดิน และเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา แต่ไม่วายว่าคนอย่างอาจารย์ก็ยังถูกนินทาว่าร้ายให้เสียหายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

หรือว่าคนดีจะไม่มีที่อยู่ที่ยืนในบ้านนี้เมืองนี้แล้วจริงๆ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่มีคนอีกพวกหนึ่งยึดพื้นที่ไปเกือบหมดแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ

กำลังโหลดความคิดเห็น