ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีต “ฟรอนต์ ออฟฟิศ แมเนเจอร์” โรงแรมศาลาสมุยฯ ที่ถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมแบบเดียวกับหญิงท้องแก่ ยัน “ศุกตา จิราธิวัฒน์” รู้ว่ามีปัญหาภายใน แต่ไม่เคยลงไปแก้ แฉที่เฉดหัวตนออกแบบฟ้าผ่าเพราะต้องการแพะรับบาปกรณีกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM แถมให้ รปภ.ไล่ และแจ้งตำรวจว่าบุกรุก สุดช้ำต้องตกงาน และเก็บงำความเจ็บปวดไว้นานนับปีกว่าจะหยัดยืนใหม่ได้ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสบอกความจริงให้สังคมรับรู้
นายศักดิ์นันท์ นุราช อดีตผู้จัดการแผนกบริการส่วนหน้า (Front Office Manager) โรมแรงศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา โรงแรมในเครือศาลากรุ๊ปของตระกูลจิราธิวัฒน์ บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยทีมข่าวเฉพาะกิจ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า ตนคือหนึ่งในอดีตพนักงานที่ถูกผู้บริหารโรงแรมศาลาสมุยฯ ให้ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตนกำลังจะมีอายุงานครบ 3 ปี ซึ่งก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับที่นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปา ที่เพิ่งถูกให้ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรมเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่นางเพชรฤดีท้องแก่อยู่ด้วยเท่านั้น
ทั้งนี้ แม้กรณีโรงแรมศาลาสมุยฯ ให้ตนออกจากงานจะเกิดขึ้นเมื่อกว่าปีมาแล้ว แต่ก็เป็นไปแบบที่ตนไม่เคยรู้ตัว หรือระแคะระคายมาก่อนแบบเดียวกับที่นางเพชรฤดีถูกกระทำ กล่าวคือ เกิดเรื่องกล่องกระสุนปริศนาที่มีใครไม่รู้นำไปวางบนโต๊ะทำงานของผู้จัดการทั่วไป (GM) ที่เป็นฝรั่งได้เพียงวันเดียว วันถัดมา ตนก็ถูกยื่นหนังสือเลิกจ้างในช่วงเช้า แถมยังเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเพื่อขับไล่ไสส่งให้ตนพ้นจากรั้วโรงแรมโดยเร็ว แม้ตนจะพยายามขอทราบเหตุผลของการให้ออกจากงานจากแผนกบุคคล หรือผู้บริหารคนใดก็มีแต่ถูกปฏิเสธ ไม่มีใครให้คำตอบอะไรได้เลยจนถึงวันนี้
“วันนั้นผมเข้าทำงานช่วงเช้าเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่พอไปถึงโรงแรมเท่านั้น แผนกบุคคลก็แจ้งให้ทราบทันทีว่าทาง GM ได้มีหนังสือเลิกจ้างแล้ว ด้วยข้อกล่าวหาแบบทั่วๆ ไปว่า ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ผมตกใจ และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเดินไปด้วยความงุนงงถึงโต๊ะทำงานทางเลขา GM ก็มาบอกอีกครั้งว่า ผมไม่ได้เป็นพนักงานโรงแรมแล้ว และต้องออกไปให้พ้นจากโรงแรมภายใน 10 นาที ไม่อย่างนั้นจะให้ รปภ.จัดการ” อดีตฟรอนต์ ออฟฟิศ แมเนเจอร์ โรงแรมศาลาสมุยฯ บอกเล่าให้ฟังก่อนเสริมว่า
“ด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเลยเดินไปหาคุณเพชรฤดีผู้จัดการแผนกสปา ซึ่งตอนนั้นเป็นหัวหน้าแผนกเพียงคนเดียวที่ทำงานอยู่ เพื่อขอคำปรึกษา ทางคุณเพชรฤดีก็ได้โทร.ไปเล่าให้เจ้าของโรงแรมคือ คุณศุกตา จิราธิวัฒน์ ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าของกลับบอกว่า เขาไม่ขอก้าวก่ายงานในโรงแรม ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้บริหาร สักพักก็มีตำรวจเข้ามาเพื่อนำตัวผมออกไปพ้นจากโรงแรม โดยทางผู้บริหารแจ้งตำรวจว่า ผมบุกรุก แต่พออธิบายให้ตำรวจฟังว่าผมไม่ได้ทำผิดอะไร และยังเป็นพนักงานอยู่ ตำรวจก็เข้าใจ และกลับไป”
นายศักดิ์นันท์กล่าวว่า วันนั้นตนได้ขอคุยกับ GM เพื่อขอคำอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ได้รับการปฏิเสธ ส่วนหัวหน้าแผนกบุคคลก็ได้แต่ยืนยันว่า เป็นคำสั่งจาก GM ซึ่งตนคิดว่าแค่ GM คงไม่กล้าไล่คนที่ไม่มีความผิดอะไรออกจากงาน และตนก็เป็นถึงผู้จัดการแผนกด้วย เรื่องนี้ต้องได้รับคำสั่งจากผู้บริหารระดับสูงขึ้นไป หรือไม่ก็เจ้าของโรงแรมคือ คนในตระกูลจิราธิวัฒน์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกรณีนี้ต้องได้รับไฟเขียวจากระดับรองประธานบริหาร (Vice President : VP) ที่เป็นฝรั่งด้วยแน่ๆ
ความจริงแล้วที่ผ่านๆ มา ตนกับ GM ก็ทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี และไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆ ที่ทำให้เราเกิดความขัดแย้งกันเลย ดังนั้น ถึงวันนี้จึงทำให้ตนเชื่อว่า ที่ทางโรงแรมศาลาสมุยฯ ต้องการให้ตนออกจากงานเป็นเพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อยุติปัญหาภายในที่มีมากมาย โดยเฉพาะต้องการให้มีผู้ต้องหาสักคนเพื่อเป็นแพะรับบาป เพื่อให้ปัญหาเรื่องกระสุนปริศนาได้จบๆ ไป เพราะเป็นการประจวบเหมาะของสถานการณ์พอดี แล้วก็ไม่มีผู้บริหาร หรือใครเลยออกมาชี้แจงว่าตนผิดอะไรถึงต้องให้ออกจากงาน
นายศักดิ์นันท์กล่าวถึงผลกระทบที่ถูกให้ออกจากงานโรงแรมศาลาสมุยฯ ครั้งนั้นว่า ถือว่าได้สร้างผลกระทบกับตนอย่างมาก ทั้งในส่วนของสภาพจิตใจ ครอบครัว ชื่อเสียง และความเชื่อถือในหน้าที่การงาน ตลอดจนตนต้องตกงานโดยไม่มีความผิดเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม แม้ในทุกวันนี้ก็ยังข้องใจอยู่ ตนกล้าที่จะไปสาบานวัดไหน หรือที่ไหนก็ได้ว่า เรื่องกระสุนปริศนาที่เกิดขึ้นตนไม่เกี่ยวข้อง ตนทำงานมานับสิบปี เคยอยู่ทั้งที่โรงแรม Dusit Hilton และ Movenpick ที่ภูเก็ตก็ไม่เคยมีประวัติอะไรเสียหาย
“แต่ที่โรงแรมศาลาสมุยฯ ทำกับผมนั้น ผมว่ามันเกินไป ทำให้เรามีมลทินทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำความผิดอะไร หากถูกสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนก็จับกุมผมได้เลย แต่นี่เขาต้องการหาแพะให้ได้เท่านั้น”
อดีตฟรอนต์ ออฟฟิศ แมเนเจอร์ โรงแรมศาลาสมุยฯ กล่าวด้วยว่า หลังถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ตนได้ไปปรึกษาแรงงานจังหวัด แต่คำตอบที่ได้รับคือ โรงแรมได้จ่ายเงินชดเชยครบแล้ว สิทธิคุ้มครองลูกจ้างจึงถือว่าสมบูรณ์ ซึ่งกฎหมายคุ้มครองลูกจ้างแค่นี้ แต่ในส่วนที่ไม่เป็นธรรมก็ได้แต่เข้าใจ และเห็นใจเท่านั้น พร้อมแนะให้ยอมรับให้ได้ ถึงวันนี้ ตนก็ได้แต่เจ็บใจเท่านั้น ยังดีที่ช่วงหลังๆ มาได้ทราบว่ามีเพื่อนร่วมงานเข้าใจ และเห็นใจที่ตนถูกกระทำ และจำนวนมากรู้สึกแย่กับองค์กรเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น ก็ได้ทยอยออกกันเกือบหมด
ส่วนกรณีที่นางเพชรฤดีถูกให้ออกขณะท้องแก่ และก่อนจะมีอายุงานครบ 3 ปีแบบเดียวกัน น่าจะมีสาเหตุมาจากความรู้จักมักคุ้น และเคยไปขอความช่วยเหลือตอนถูกให้ออกจากงานด้วยหรือไม่นั้น นายศักดิ์นันท์ให้ความเห็นว่า อาจจะมีส่วน แต่ยังเชื่อว่าสาเหตุหลักๆ เกิดจากความไม่เป็นธรรมของผู้บริหารที่ต้องการแก้ปัญหาภายในที่มีมานานมากกว่า คนในรู้ดีว่ามันคืออะไร และพนักงานก็ได้พยายามร้องเรียนให้ผู้บริหาร หรือเจ้าของทราบมาตลอด แต่ไม่เคยเป็นผล ไม่มีการแก้ไขใดๆ กลับมีแต่จะทำให้สถานการณ์ที่แวดล้อมพนักงานเลวร้ายลงเรื่อยๆ
“ผมอยากให้สังคมมองด้วยความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น บางครั้งพนักงานก็มีโอกาสไม่มากนักที่จะพูดความจริงให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งที่ผ่านๆ มา ผมเองไม่เคยมีโอกาสได้เล่าถึงความจริงให้ใครได้ฟังเลย” นายศักดิ์นันท์กล่าวทิ้งท้าย
อ่าวข่าวเกี่ยวเนื่อง
10. ระบอบ “จิราธิวัฒน์”?!
9. เปิดใจดำ “จิราธิวัฒน์” ให้ฝรั่งตะเพิดหญิงท้อง ประหยัดกว่า 2 แสน แถมกดเงินเดือนคนใหม่ได้ต่ำเกือบ 4 เท่า
8. “ยิ่งลักษณ์” & “เพชรฤดี” ใครที่สังคมไทยควรยกย่อง?!
7. แฉชัด “จิราธิวัฒน์” หนุนไล่ออกหญิงท้อง ผู้บริหารบ่ายเบี่ยงแจง
6. “กลัวพ่อช็อก..ถ้าไม่สู้จะเป็นตราบาปตลอดชีวิต” เปิดใจหญิงท้องเหยื่อทุน “จิราธิวัฒน์”
5. อึ้ง!? “จิราธิวัฒน์” ไฟเขียวฝรั่งตั้งข้อหาไล่ออกสาวไทยท้องมีทั้ง “หยาบโลน-ผิดวัฒนธรรมประเพณี-ลบหลู่หยาบคาย”
4. แฉคน “จิราธิวัฒน์” เชื่อแต่ฝรั่งไสหัวผู้บริหารหญิงไทยท้องแก่แล้ว 3 ราย
3. “ศาลาสมุยฯ” ยังไม่พร้อมแจง เผยเรื่องเล่าเลิกจ้างหนาหู และกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM
2.ที่แท้ “ศาลาสมุยฯ” รร.หรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไล่ออกสาวท้องแก่ไม่เป็นธรรม
1.สาวท้องร้องขอความเป็นธรรมถูกโรงแรมที่เกาะสมุยให้ออก
