ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เผยเจ้าของและผู้บริหาร “ศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา” ยังไม่เลิกบ่ายเบี่ยงเปิดปากกรณีตั้งข้อหาฉกรรจ์ให้ออกหญิงท้องที่กลายเป็นข่าวฉาว ขณะที่ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลบ่นอุบ ตกเป็นจำเลยสังคม วิ่งวุ่นต่อสายนักการเมืองท้องถิ่นเป็นตัวช่วย แถมมีข้อมูลชี้ชัดบอสใหญ่ “ศุกตา จิราธิวัฒน์” รับรู้ปัญหาปั่นป่วนภายในมาตลอด แต่ยืนหยัดหนุน GM ฝรั่งไล่ใครออกก็ได้
จากการที่โรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ตั้งอยู่เลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีหนังสือเลิกจ้างนางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปา ซึ่งตั้งท้องได้ประมาณ 7 เดือน และเป็นการให้พ้นหน้าที่ก่อนมีอายุงานครบ 3 ปี เหมือนกับต้องการจ่ายค่าชดเชยให้น้อยที่สุด แถมระบุข้อกล่าวหาร้ายแรงให้ไว้แทนใบผ่านงาน ทั้งใช้คำว่า “หยาบโลน” “ผิดวัฒนธรรมประเพณี” และ “ลบหลู่หยาบคาย” ส่งผลให้หญิงท้องต้องลุกขึ้นปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีของตนเอง จนกลายเป็นข่าววุ่นวายต่อเนื่องมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วนั้น
ต่อกรณีมีเสียงเรียกร้องให้เจ้าของ และผู้บริหารโรงแรมออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ทีมข่าวเฉพาะกิจ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” รายงานว่า ภายหลังมีข่าวกลุ่มคนไปยกป้ายประท้วงหน้าโรงแรมเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2555 ถัดมาวันที่ 4 ก.ย.ผู้สื่อข่าวจากศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบนได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังโรงแรมเพื่อของคำชี้แจงจากผู้บริหาร ก็ได้รับการโอนสายไปยังแผนกทรัพยากรบุคคล และได้รับคำตอบกลับมาว่า เจ้าของ และผู้บริหารทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ขอปรึกษาหารือก่อน พร้อมเมื่อไหร่จะติดต่อกลับ หลังจากนั้น ยังมีการติดต่อไปอีก 2-3 ครั้ง โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีการโอนสายให้ผู้บริหารหรือแผนกบุคคลอีกเลย
จากการติดตามของทีมข่าวเฉพาะกิจ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ทำให้ได้ทราบหลายเลขโทรศัพท์มือถือของนายธีรพงษ์ บ่อแก้ว ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล ส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือเลิกจ้างนางเพชรฤดีด้วย ในฐานะพยานและผู้ประสานงาน คู่กับ Mr.Dick Simarro ผู้จัดการทั่วไป (GM) ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ผู้สื่อข่าวจากศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนล่างจึงได้โทร.ไปหาเพื่อขอคำชี้แจงในช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา คำตอบที่ได้รับคือ ตนเองเป็นแค่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่สามารถให้ข้อมูลได้ แต่ก็รับปากที่จะประสานคนในตระกูลจิราธิวัฒน์ รวมถึง GM ให้หลังเสร็จกิจกรรมอบรมพนักงานในช่วงบ่าย แต่สุดท้าย เรื่องก็เงียบหายเหมือนเดิม
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามติดต่อไปหลายหนเพื่อขอคำชี้แจง แต่ดูเหมือนท่าทีที่ได้รับการตอบสนองจะเป็นไปในทางบ่ายเบี่ยงเสียมากกว่า นอกจากนี้แล้ว ยังมีการยืนยันจากคนในวงการโรงแรมบนเกาะสมุยด้วยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้นายธีรพงษ์รู้สึกว่าตัวเองตกเป็นจำเลยของสังคมอยู่คนเดียว และที่ผ่านมา ก็เคยมีการติดต่อของความเห็นใจ และความช่วยเหลือไปยังนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้แล้ว จากกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูว่า ทางเจ้าของโรงแรมไม่น่าจะทราบเรื่อง หรือไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยนั้น ในเรื่องนี้ ทางเพชรฤดีเปิดเผยว่า ภายหลังที่ตนรู้ว่าถูกเลิกจ้างแน่นอน และคิดว่าเป็นการให้ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรมของ GM ตนได้ใช้เวลาเตรียมความกล้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจโทรศัพท์ไปหานางศุกตา จิราธิวัฒน์ ที่ได้รับมอบหมายจากตระกูลจิราธิวัฒน์ให้เป็นผู้ดูแลโรงแรมเครือศาลากรุ๊ป เพื่อสอบถามความคิดเห็นต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และที่สำคัญ อยากทราบถึงการตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่
“เราตั้งสติอยู่นานจึงกล้าโทร.ไปถามทางเจ้าของโรงแรม ที่ต้องโทร.ไปเพราะอยากได้ความยุติธรรม หรืออย่างน้อยก็ความเห็นอกเห็นใจในฐานะผู้หญิงด้วยกัน คำถามแรกที่เราถามคือ ทราบเรื่องแล้วหรือไม่ ท่านบอกว่าทราบแล้ว เราก็ถามต่อว่าแล้วคิดเห็นอย่างไร ท่านบอกในทำนองว่า ได้มอบอำนาจการบริหารให้ GM ไปแล้ว เมื่อเจ้านายเขาไม่พอใจก็เป็นสิทธิที่เขาจะให้เราออก” นางเพชรฤดีกล่าว และเพิ่มเติมว่า
การโทรศัพท์ไปหาเจ้าของโรงแรมครั้งนั้น ทางนางศุกตายังได้หยิบยกเอาปัญหาเรื่องอื่นๆ มาพูดคุยด้วย ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ทางเจ้าของโรงแรมรู้เรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาภายในที่สั่งสม รวมถึงมีพนักงานถูกให้ออกไปแล้วจำนวนมากเป็นอย่างดี ขนาดยังยกเอาเรื่องที่เคยมี GM คนหนึ่งสั่งให้ผู้จัดการฝ่ายต้อนรับพ้นหน้าที่ด้วยการขู่ และแจ้งตำรวจให้เอาตัวออกไปจากโรงแรมทันที เป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากปัญหากล่องลูกปืนปริศนาบนโต๊ะทำงาน GM ซึ่งผู้จัดการฝ่ายต้อนรับคนดังกล่าวได้วิ่งหนีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรมไปหาตนที่แผนกสปา และขอความช่วยเหลือด้วยความตกใจ
“ตอนนั้นเรื่องก็วุ่นวายพอสมควร ตำรวจมาตามการร้องขอเพื่อจะเอาตัวน้องคนนั้นออกไปให้พ้นโรงแรม เราก็ช่วยเคลียร์ให้ แล้วก็คิดเอาเองว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว เพราะสุดท้ายปัญหาต่างจบลงด้วยดี แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นกลับทำให้แม้ฝ่ายเจ้าของโรงแรมเอง คือ คุณศุกตาก็ยังคิดเหมือน GM ที่ว่า ที่น้องคนนั้นวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากเรา นั่นแสดงว่าเราน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กล่องกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM ด้วย เราเองยังไม่เชื่อเลยว่าคุณศุกตาจะหยิบยกเอาเรื่องนี้มาพูดกับเราในตอนที่โทรศัพท์ไปเพื่อหวังขอความช่วยเหลือ”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีอดีตพนักงานโรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา คนหนึ่งได้ส่งอีเมลไปสอบถามนางศุกตาเกี่ยวกับเรื่องราวปัญหาการที่ GM มีหนังสือเลิกจ้างนางเพชรฤดีที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ซึ่งได้รับการตอบกลับมาทางอีเมลเช่นกันว่า ทราบและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมกันนั้น นางศุกตาได้ย้ำข้อความส่งกลับมาทางอีเมลด้วยว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับนางเพชรฤดีอย่างมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีข้อที่น่าสังเกตคือ การตอบอีเมลกลับมาเช่นนี้ทำให้คิดไปได้ว่า นางศุกตาต้องไม่พอใจนางเพชรฤดีที่หลังถูก GM ให้ออกจากงานได้ไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จนเรื่องราวกลายเป็นข่าวใหญ่โต แต่นางศุกตากลับไม่รู้สึกอะไรเลยกับข้อกล่าวหาร้ายแรงต่างๆ ที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้าง ซึ่งได้ใช้เป็นเงื่อนไขพ้นไปจากการเป็นพนักงานของโรงแรม แถมการให้ออกจากงานยังเกิดขึ้นห้วงเวลาที่ท้องแก่ใกล้จะลาคลอดอีกด้วย