คอลัมน์ : ด้ามขวานผ่าซาก
โดย...ปิยะโชติ อินทรนิวาส
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่น่าสนใจอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งหลายคนอาจจะไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกันได้ ข่าวหนึ่งเป็นข่าวใหญ่ และเป็นพาดหัวไม้แทบทุกสื่อ เป็นที่ฮือฮาไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่พัวพันไปถึงระดับนานาชาติ กับอีกข่าวหนึ่งเป็นเรื่องราวเล็กๆ ของคนตัวเล็กๆ ที่หาญกล้าลุกขึ้นไปหืออือกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ ซึ่งแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นทุนไทย แต่ก็โยงใยอยู่กับบรรษัทข้ามชาติอย่างนวลเนียน
สำหรับผมเห็นว่า ข่าวทั้ง 2 ประเด็นเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพราะมีรากคิดมาจากฐานเดียวกัน?!
ข่าวแรกจะไม่ให้ฮือฮาปาหี่อึ่งมี่ไปทั่วโลกได้อย่างไร ก็แหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก และคนเดียวของประเทศไทย หรือจะเรียกว่า นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทยคนแรก และคนเดียวแห่งจักรวาลก็ได้ เธอได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลสันติภาพขงจื๊อ ประจำปี 2012 กับเขาด้วย ซึ่งเป็นรางวัลที่เกิดขึ้นที่จีนแผ่นดินใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน แม้ไม่ใช่ฝีมือการก่อตั้งของรัฐบาลท่านประธานาธิบดีหู จิ่นเทา แต่ก็เป็นที่รับรู้กันทั่วว่า ผู้ก่อตั้งหวังให้เทียบเท่ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพของชาติตะวันตก
นั่นแสดงให้นานาชาติได้เห็นว่า ผู้นำหญิงของไทยต้องเคยสะสมผลงานเกี่ยวกับการสร้างสันติภาพ ความปรองดอง สิทธิสตรีและสิทธิมนุษยชนบนโลกใบนี้ไว้เยอะ และต้องเยอะเสียจนเป็นที่ยอมรับ และเตะตากรรมการนั่นแหละ
จะว่าไปแล้ว ต้องมีผลงานเทียบเท่า โคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็นชาวกานา, บัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็นคนปัจจุบันชาวเกาหลีใต้, บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ชาวอเมริกัน, หวัง ติ่งกั๋ว นักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวจีน, ถัง หยี่จี้ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง, หยวน หลงปิง นักวิจัยข้าวชื่อก้องชาวจีน และองค์ปันเชน ลามะที่ 11 แห่งทิเบต ซึ่งทั้งหมดได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสันติภาพขงจื๊อในปีนี้เช่นกัน
หรือต้องไม่น้อยหน้าผู้ที่เคยได้รับรางวัลสันติภาพขงจื๊อไปแล้วคนแรกคือ อดีตรองประธานาธิบดี เหลียน ชาน ของไต้หวัน ในปี 2010 กับคนที่สองคือ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในปี 2011
ทั้งนี้ รางวัลสันติภาพขงจื๊อก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 เป็นการเอาชื่อมหาปราชญ์เชื้อสายมังกรผู้ยิ่งใหญ่มาตั้งเป็นชื่อรางวัล กล่าวกันว่า เป็นเพราะต้องการตีความคำว่า สันติภาพแบบชาวจีน หรือโลกตะวันออก แต่ก็รับรู้ทั่วว่ามีที่มาที่ไปจากความไม่พอใจที่ในปีเดียวกันมีการประกาศมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้แก่ หลิว เสี่ยวโป นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ต้องโทษจำคุกคดีปลุกระดมโค่นล้มรัฐบาลจีน
ส่วนข่าวหลังที่ว่าเป็นข่าวเล็กๆ ของคนตัวเล็กๆ ชนิดที่ต้องบอกว่าเล็กเสียจนไม่มีสื่อไหนนำไปรายงาน นอกจากสื่อเครือ “ASTVผู้จัดการ” โดยถูกนำเสนอต่อเนื่องทางหน้าเว็บไซต์ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ซึ่งสามารถเข้าไปชมได้ที่ www.ASTVsouth.com เป็นเรื่องราวของ “เพชรฤดี เคนนาเมอร์” หญิงท้องแก่ที่ถูกผู้บริหารโรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา ของตระกูล “จิราธิวัฒน์” แทงหนังสือบอกเลิกจ้างกลางคันด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรงและยากที่จะไปสมัครงานที่ไหนได้อีก ส่งผลให้เธอจำใจต้องลุกขึ้นปกป้องตัวเองให้พ้นจากมลทินความไม่เป็นธรรม
ถ้าใครยังไม่ได้ผ่านตาข่าวต่างๆ ที่ว่า เพื่อประหยัดพื้นที่ลองคลิกเข้าไปอ่านกันนะครับ ประกอบด้วย 1. สาวท้องร้องขอความเป็นธรรมถูกโรงแรมที่เกาะสมุยให้ออก 2. ที่แท้ “ศาลาสมุยฯ” รร.หรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไล่ออกสาวท้องแก่ไม่เป็นธรรม 3. “ศาลาสมุยฯ” ยังไม่พร้อมแจง เผยเรื่องเล่าเลิกจ้างหนาหู และกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM 4. แฉคน “จิราธิวัฒน์” เชื่อแต่ฝรั่งไสหัวผู้บริหารหญิงไทยท้องแก่แล้ว 3 ราย 5. อึ้ง!? “จิราธิวัฒน์” ไฟเขียวฝรั่งตั้งข้อหาไล่ออกสาวไทยท้องมีทั้ง “หยาบโลน-ผิดวัฒนธรรมประเพณี-ลบหลู่หยาบคาย” 6. “กลัวพ่อช็อก..ถ้าไม่สู้จะเป็นตราบาปตลอดชีวิต” เปิดใจหญิงท้องเหยื่อทุน “จิราธิวัฒน์” และ 7. แฉชัด “จิราธิวัฒน์” หนุนไล่ออกหญิงท้อง ผู้บริหารบ่ายเบี่ยงแจง
โดยข้อเท็จจริงของข่าวนี้ แม้จะเป็นเรื่องราวของคนตัวเล็กๆ ที่ถูกนำเสนอในสื่อเล็กๆ แต่ถ้ามองที่ผลกระทบกระเทือนกลับไม่เล็กน้อยเลย สิ่งที่ยืนยันไม่เฉพาะแต่ละข่าวมีคนคลิกเข้าไปอ่านนับหมื่นครั้ง หรือบางข่าวทำสถิติได้สูงสุดถึงเกือบ 8 หมื่นหน แต่ยังนำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์คึกคัก และเอาจริงเอาจังของสังคมวงกว้าง แถมหลากหลายความคิดเห็นนำไปสู่การสร้างสรรค์ และจรรโลงคุณค่าให้แก่สังคมไทยเราอีกด้วย
เมื่อเป็นข่าวที่ผู้คนจำนวนมากสนใจ แต่ดันไปเกี่ยวพันกับกลุ่มทุนตระกูลใหญ่โตมโหฬาร จึงเป็นเรื่องที่สื่อจำนวนมากทำเป็นมองข้าม เพราะกลัวจะไปกระทบยอดโฆษณา มิพักต้องพูดถึงเสี่ยนักเล่าข่าวร้อยล้านว่ามีหรือที่จะนำไปโพนทะนาต่อให้สะเทือนประโยชน์ในกระเป๋า!!
นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ แม้เธอจะยังใช้นามสกุลฝรั่งของผู้เป็นสามีคนแรกที่เสียชีวิตไปแล้ว หลังพบรัก และแต่งงานมีลูกด้วยกัน 1 คน ขณะเรียนที่อเมริกาแล้วกลับมาใช้ชีวิตบนแผ่นดินด้ามขวานบ้านเกิด วันนี้เธอแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน และกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองกับสามีคนไทย แต่ก็มีอันต้องเผชิญกับวิกฤตใหญ่ในชีวิตอีกครั้งจากการถูกให้ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรมด้วยข้อหาฉกรรจ์ เช่น หยาบโลน ผิดวัฒนธรรมประเพณี และลบหลู่หยาบคาย เป็นต้น ซึ่งคนไทยในแผนกทรัพยากรบุคคลของโรงแรมนั่นแหละที่ตั้งเรื่องชงให้ GM ฝรั่งลงนามเป็นหนังสือเลิกจ้างแทนใบผ่านงาน
วันนี้เธอลุกขึ้นสู้เพียงแค่ต้องการปกป้องชื่อเสียง พิทักษ์เกียรติ และศักดิ์ศรีของตนเอง ครอบครัว และญาติพี่น้อง เพื่อไม่ให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิตกับข้อกล่าวหาเหล่านั้น แน่นอน ค่าชดเชยที่เธอควรจะได้รับตามทำนองคลองธรรมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทว่าเวลานี้เธอบอกให้คนอื่นๆ รับรู้แล้วว่า หลังเรื่องราวยุติจะแบ่งส่วนหนึ่งบริจาคเพื่อทำบุญล้างซวยให้เหลือไว้แต่เรื่องดีๆ เป็นขวัญ และกำลังใจให้ชีวิตก้าวเดินต่อ
แต่สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสันติภาพขงจื๊อ ณ เวลานี้คงไม่ต้องสาธยายรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตและผลงานอะไรให้มากความอีก เอาแค่ชื่อรางวัลคือ ขงจื๊อ บุคคลที่เทียบเท่าศาสดาคนหนึ่งของโลก คำสอนของท่านเน้นในเรื่องของคุณธรรมสูงสุด ในฐานะนักปรัชญาท่านคือคนที่สั่งสมภูมิปัญญาไว้มากมาย ก็ไม่ต้องบอกว่าผู้นำไทยคนนี้มีภาพของคนมีคุณธรรม และภูมิปัญญาหรือไม่ อย่างไร
หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นสู้เพื่อต้องการให้เกิดคุณธรรมขึ้นในสังคม กับหญิงอีกคนหนึ่งที่บังเอิญถูกพี่ชายนักโทษหนีคุกไปเร่รอนต่างประเทศ และยังต้องหาคดีก่อการร้ายอีก จับให้นั่งกุมบังเหียนรัฐนาวาไทย แต่ไม่เคยประจักษ์ในเรื่องของภูมิปัญญา และคุณธรรม
แล้วอย่างนี้ท่านผู้อ่านคิดว่าใครคู่ควรที่สังคมไทยจะให้การยกย่องล่ะครับ?!?!