ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เรื่องวุ่นๆ เกี่ยวกับการเฉดหัวลูกจ้างออกของ “ศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา” โรงแรมหรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” เกิดขึ้นบ่อยจนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ของพนักงาน และสังคมคนทำงานบริการบนเกาะสวรรค์กลางอ่าวไทย เผยเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีใบปลิวโจมตีว่อน และถึงขั้นมีกล่องกระสุนปืนปริศนาไปตั้งอยู่บนโต๊ะ GM มาแล้วด้วย
จากกรณีเกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นที่โรงแรมศาลา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ภายใต้การกำกับดูแลของ นางศุกตา จิราธิวัฒน์ ภรรยานายทศ จิราธิวัฒน์ ตั้งอยู่เลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อผู้บริหารโรงแรมมีหนังสือลงวันที่ 22 ส.ค.2555 เลิกจ้างนางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปาที่ตั้งท้องได้ประมาณ 7 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2555 เป็นต้นไป ต่อมา นางเพชรฤดีเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงลุกขึ้นสู้ ซึ่ง “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้รายงานมาต่อเนื่องนั้น
สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้นั้น ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าว “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้ติดต่อไปยังผู้บริหารโรงแรมศาลา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา เพื่อขอคำชี้แจง ก็ได้รับคำตอบจากแผนกทรัพยากรบุคคลของทางโรงแรมว่า ผู้บริหารทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรึกษาหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนเรื่องการชี้แจงสื่อมวลชนพร้อมเมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ซึ่งล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันนี้ (4 ก.ย.) “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้รับการยืนยันอีกครั้งว่า ผู้บริหารพร้อมเมื่อไหร่จะติดต่อกลับไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้พยายามตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น โดยสอบถามไปยังนางเพชรฤดีที่ถูกเลิกจ้างโดยตรง รวมถึงบุคคลแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน และอดีตพนักงานของโรงแรม สามารถประมวลเรื่องราวเบื้องต้นได้ว่า ช่วงปลายเดือน ก.ค.มีแขกชาวต่างชาติที่เป็นสามีภรรยากันคู่หนึ่งเข้าพัก และก็ได้เข้าไปใช้บริการสปาของโรงแรม เมื่อเช็กเอาต์ช่วงต้นเดือน ส.ค.ได้ทิ้งจดหมายแสดงความไม่ประทับใจบริการสปาไว้ด้วย
ประเด็นที่ลูกค้าสามี และภรรยาชาวต่างชาติคู่นี้ไม่ประทับใจคือ หลังใช้บริการนวด 1 วันรู้สึกปวดหลัง เมื่อฝ่ายสปาทราบก็ได้แนะนำคอร์สแก้ปัญหาให้ ด้วยการให้ทำประคบเย็นในวันที่ 2 เพื่อผ่อนคลายหลังที่ปวด แล้ววันที่ 3 นวดประคบร้อน ระหว่างบริการก็ได้มีพนักงานเข้าไปสอบถาม และมีการประเมินผลบริการตลอด ซึ่งเมื่อจบคอร์สแล้วก็ไม่ได้รับเสียงตำหนิใดๆ กลับมาอีก แต่ปรากฏในภายหลังต่อมาทราบว่ามีเรื่องร้องเรียนเรื่องลูกค้าปวดขาซ้าย
ต่อมา ทาง Mr.Dick Simarro ผู้จัดการทั่วไป (GM) ก็ได้เรียกนางเพชรฤดีในฐานะผู้จัดการแผนกสปาเข้าไปคุย แล้วบังคับให้เขียนจดหมายยอมรับผิดและขอโทษแขกทันที ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงกลับว่าขอตรวจสอบข้อมูลก่อน และเมื่อตรวจสอบกลับพบว่าความเจ็บปวดของแขกไม่น่าจะเกิดจากใช้บริการสปาจริง และก็มีพนักงานสปาได้เห็นว่าที่ขาของแขกมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ก่อนที่จะใช้บริการนวดด้วย จึงเสนอว่าน่าจะแนะนำแขกให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะหากยอมรับผิด และขอโทษเกรงว่าจะทำให้โรงแรมเสียชื่อเสียง หรืออาจถึงขั้นถูกฟ้องร้อง และเรียกค่าเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม จากการเรียกคุยของ GM หลายครั้งก็มีแต่ยืนยันที่จะให้ทำหนังสือยอมรับผิด และขอโทษแขกเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งผู้จัดการแผนกสปายินยอมที่จะทำหนังสือถึงสามีภรรยาชาวต่างชาติดังกล่าว โดยขอให้ Mr.Dick Simarro รวมถึงผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลช่วยเหลือด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธว่าไม่ใช่หน้าที่ เมื่อถึงตอนนั้น นางเพชรฤดีจึงมั่นใจในทันทีว่าตนกำลังถูกบีบ และหากทำหนังสือรับผิดก็จะไม่เป็นธรรมต่อพนักงานในแผนกที่จะต้องถูกลงโทษด้วย
สุดท้าย ผู้จัดการแผนกสปาของโรงแรมในเวลานั้นก็ถูกหนังสือเลิกจ้างด้วยข้อกล่าวหาฉกรรจ์ บางข้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยก็มี ซึ่งนางเพชรฤดีมั่นใจว่า ตนถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และเชื่อว่าสาเหตุที่แท้จริงนอกจากจะเกิดจากความไม่พอใจของ GM แล้ว ที่สำคัญมาก คือ เป็นผลจากที่ตนตั้งครรภ์ และกำลังจะใช้สิทธิลาคลอดและสิทธิอื่นๆ ซึ่งเมื่อคำนวณสารัดถะแล้วการบีบให้ตนออกจะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้มากมาย อีกทั้งมีสิ่งที่ยืนยันความคิดนี้ คือ หลังจากเกิดเหตุแขกสองสามีภรรยาชาวต่างชาติดังกล่าวก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกเลย แถมยังยืนยันว่าจะกลับมาใช้บริการของโรงแรมอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลด้วยว่า มีเรื่องเล่าขานในหมู่พนักงาน และอดีตพนักงานว่า ภายใต้การบริหารงานของ GM คนปัจจุบัน ยังเคยให้พนักงานของโรงแรมพ้นจากหน้าที่ด้วยข้อกล่าวหาเล็กๆ น้อยๆ ไปแล้ว 2-3 ราย เช่น ไม่ยิ้ม เป็นต้น โดยไม่เคยผ่านกระบวนการว่ากล่าวตักเตือนอะไรเลย ในส่วนของ GM คนก่อนๆ ก็มีพนักงานถูกให้ออกแทบไม่แตกต่าง และเคยปรากฏมีใบปลิวโจมตีในเรื่องนี้มาแล้ว แต่ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นเมื่อไม่นานเคยเกิดเหตุมีกล่องปริศนาบรรจุกระสุนปืนถูกนำไปตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน GM คนก่อน ซึ่งกลายเป็นเรื่องโจษขานกันจนวันนี้
( อ่านข่าว..ที่แท้ “ศาลาสมุยฯ” รร.หรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไล่ออกสาวท้องแก่ไม่เป็นธรรม..ได้ที่ http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000108392 และข่าว “สาวท้องร้องขอความเป็นธรรมถูกโรงแรมที่เกาะสมุยให้ออก” ได้ที่ http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000107711 )
