xs
xsm
sm
md
lg

ที่แท้ “ศาลาสมุยฯ” รร.หรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไล่ออกสาวท้องแก่ไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพโรงแรมศาลา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา จากอินเทอร์เน็ต
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เปิดตัว “ศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา” ของตระกูล “จิราธิวัฒน์” คือโรงแรมหรูที่เลิกจ้างสาวท้องแก่อย่างไม่เป็นธรรม เผย 4 ข้อกล่าวหาฉกรรจ์ที่ผู้บริหารฝรั่งตั้งให้เสมือนกับฝังทั้งเป็นไม่ให้ผุดให้เกิดในอาชีพได้อีก ทำให้จึงต้องลุกขึ้นสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิ และความเป็นธรรม
 
จากการที่ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” รายงานข่าว นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อายุ 42 ปี อดีตผู้จัดการแผนกสปาของโรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยอดีตพนักงานได้รวมตัวกันชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมและยกป้ายประท้วงที่โรงแรม โดยมีพนักงานโรงแรมจำนวนหนึ่งออกมาให้กำลังใจด้วย กรณีผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมทำหนังสือบอกยกเลิกสัญญาจ้างนางเพชรฤดีที่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน และเตรียมจะลาคลอดในเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ แต่ถูกผู้บริหารโรงแรมชิงหาสาเหตุให้ออกเสียก่อนอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และเงินชดเชยตามกฎหมาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2555 ที่ผ่านมานั้น
 
กรณีที่เกิดขึ้น “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า โรงแรมดังกล่าวคือ โรงแรมศาลา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา (Sala Samui Resort And Spa) ตั้งอยู่เลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 84320 ประกอบการในนามบริษัท ศาลา สมุย จำกัด ซึ่งเป็นเครือเดียวกันกับโรงแรมศาลา ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา (SALA Phuket Resort and Spa) ใน จ.ภูเก็ต และโรงแรมศาลา เขาใหญ่ รีสอร์ท (Sala Khaoyai Resort) ใน จ.นครราชสีมา เป็นธุรกิจของคนในตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งได้มอบหมายให้นางศุกตา จิราธิวัฒน์ ภรรยาของนายทศ จิราธิวัฒน์ เป็นผู้รับผิดชอบดูแล
 
ทั้งนี้ ในหนังสือยกเลิกสัญญาจ้าง ลงวันที่ 22 ส.ค.2555 มีการเซ็นลงนามโดย Mr.Dick Simarro ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมศาลา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ในฐานะผู้รับมอบอำนาจนายจ้าง และนายธีรพงษ์ บ่อแก้ว ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล ส่วนภูมิภาค ในฐานะพยาน/ผู้ประสานงาน แต่ไม่มีลายเซ็นของนางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปาของโรงแรมที่ตั้งท้อง และถูกให้ออกอย่างไม่เป็นธรรมตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2555 เป็นต้นไป ระบุว่า บริษัทขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างอันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนข้อบังคับของทางโรงแรม โดยมีข้อกล่าวหาที่นับว่าหนักหนาสาหัส และสำคัญมาก ประกอบด้วย
 
ฝ่าฝืนข้อบังคับประเภท “ก” 1.หน่วงเหนี่ยว หรืออิดเอื้อน เถลไถลในการปฏิบัติงาน/ฝ่าฝืนข้อบังคับประเภท “ค” 2.ไม่เชื่อฟัง ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา/ฝ่าฝืนข้อบังคับประเภท “ง” 1.ประพฤติหรือปฏิบัติตน หรือบริการแขก หรือพนักงานอื่นในลักษณะหยาบโลน หรือผิดวัฒนธรรมประเพณีของการดูแล บริหารจัดการกับลูกค้า และ 2.เจตนาไม่สุภาพ ลบหลู่หยาบคาย อวดดี หรือไม่ให้ความสำคัญในการดูแลต้อนรับแขกของรีสอร์ต
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริงสักข้อเดียว เรื่องนี้นอกจากจะพิสูจน์ได้จากพนักงานด้วยกันเองแล้ว ยังไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือระเบียบข้อบังคับของบริษัทอีกด้วย ซึ่งยืนยันได้ว่า ทางผู้บริหารเองก็ไม่ทำตามกฎกติกา โดยเฉพาะตอนที่ทราบเรื่องว่าผู้บริหารต้องการให้ตนพ้นจากหน้าที่ ตนก็ได้เคยสอบถามฝ่ายทรัพยากรบุคคลว่าตนผิดข้อไหน อย่างไร เขาก็ไม่สามารถชี้แจงทำความเข้าใจให้ได้
 
“ความจริงนายจ้างสามารถเลิกจ้างได้โดยให้การชดเชยตามกฎหมาย ถ้าทำอย่างนั้นแล้วบอกเราก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ไม่ควรมาตั้งข้อกล่าวหาแบบไม่เป็นธรรมเพื่อเอาเราออกแบบนี้ เราก็ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องตัวเอง และก็เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่พนักงาน และองค์กรต่างๆ ด้วย กรณีนี้เราเห็นความไม่เป็นธรรม 2 ประการ คือ ข้อกล่าวหาเพื่อเลิกจ้างต่างๆ นั้นไม่เป็นความจริง และแท้ที่จริงแล้วที่เขาต้องการเลิกจ้างเพราะเราท้อง ซึ่งก็จะได้สิทธิลาคลอด และอื่นๆ เขาคงคิดว่าให้ออกซะเลยนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ไปจ้างคนใหม่ก็จะได้คนที่มีเงินเดือนต่ำกว่ามากมายเสียด้วย”
 
อดีตผู้จัดการแผนกสปากล่าวว่า สิ่งที่ยืนยันว่าผู้บริหารโรงแรมเลิกจ้างไม่เป็นธรรมคือ การไม่ทำตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทที่ระบุว่า การฝ่าฝืนข้อบังคับประเภท “ก” และ “ค” การลงโทษต้องเริ่มจากเบาไปหาหนัก คือ วากล่าวตักเตือนด้วยวาจาก่อน จากนั้นจึงตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ปรากฏว่า ทางผู้บริหารไม่เคยกระทำตามข้อกำหนดนี้เลย ส่วนการฝ่าฝืนข้อบังคับประเภท “ง” สามารถเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายกำหนดก็ได้ อันนี้ก็แปลกที่มีการชดเชยตามสิทธิที่เราควรจะได้อย่างครบถ้วน เช่น ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยการเลิกจ้าง ค่าวันหยุดสะสมที่ยังเหลือ แถมยังจัดการเรื่องการนำส่งประกันสังคม และภาษีเงินได้ส่วนบุคคลให้ด้วยเสร็จสรรพ
 
“เราเชื่อโดยสุจริตใจว่า การที่โรงแรมบอกเลิกจ้างเราในครั้งนี้เป็นผลจากการที่เราตั้งท้อง และใกล้จะคลอด จึงถือโอกาสหาทางลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด แล้วก็ตั้งข้อหาแบบไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมเพื่อให้เป็นเงื่อนไขรองรับ แค่ลองคิดคร่าวๆ ดูทางโรงแรมสามารถตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปได้หลายแสนบาททีเดียว โดยไม่คำนึงถึงเรื่องของมนุษยธรรมอะไรเลย” นางเพชรฤดีกล่าว
 
(อ่านข่าว “สาวท้องร้องขอความเป็นธรรมถูกโรงแรมที่เกาะสมุยให้ออก” ได้ที่ http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000107711)
นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ พร้อมด้วยอดีตพนักงาน ร่วมกันชูป้ายเรียกร้องความเป็นธรรม โดยมีพนักงานของโรงแรมคอยให้กำลังใจ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น