xs
xsm
sm
md
lg

แฉคน “จิราธิวัฒน์” เชื่อแต่ฝรั่งไสหัวผู้บริหารหญิงไทยท้องแก่แล้ว 3 ราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ ในวันที่ต้องอุ้มท้องทำงานบ้าน แทนการทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนสปาอย่างที่เคย หลังโรงแรมหรูของตระกูลจิราธิวัฒน์บอกเลิกจ้างที่เจ้าตัวเห็นว่าไม่เป็นธรรม
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ปัญหาโรงแรมหรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” บนเกาะสมุยเลิกจ้างสาวท้องแก่ยังยากจบ มีพนักงานทยอยลาออกตามไม่ขาดสาย แถมเรื่องฉาวในอดีตก็ยังตามมาหลอกหลอน เผย “ศุกตา-ทศ” เชื่อแต่ฝรั่งหัวแดง ส่งผลให้มีผู้บริหารหญิงไทยที่ตั้งครรภ์เคยถูกให้ออกโดยไม่รู้ตัวไปแล้วถึง 3 ราย ไม่นับการเล่นพรรคเล่นพวก และดันกิ๊กหนุ่ม GM นั่งผู้จัดการแผนก ด้าน “เพชรฤดี” เดินหน้าป้องเกียรติ และศักดิ์เข้าร้องเรียนทุกหน่วยงานรัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องแล้ว
 
จากกรณีโรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ในเครือศาลากรุ๊ปของตระกูลจิราธิวัตฒน์ มีหนังสือลงนามโดย Mr.Dick Simarro ผู้จัดการทั่วไปในฐานะผู้รับมอบอำนาจนายจ้าง และมีนายธีรพงษ์ บ่อแก้ว ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล ส่วนภูมิภาค ร่วมลงนามด้วยในฐานะพยาน และผู้ประสานงาน ลงวันที่ 22 ส.ค.2555 บอกเลิกจ้างนางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปาของโรงแรมที่ตั้งท้องได้ประมาณ 7 เดือน และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.2555 ที่ผ่านมา โดยตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรง ขณะนางเพชรฤดีเห็นว่า เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้ลุกขึ้นต่อสู้ปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีตนเอง และกลายเป็นข่าวครึกโครมตามที่ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้รายงานมาต่อเนื่อง
หนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่างๆ ที่นางเพชรฤดีตะลุยส่งไปขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จะเห็นว่ามีการเซ็นรับเรื่องไว้ทั้งหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า ภายหลังโรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา บอกเลิกจากนางเพชรฤดีอย่างไม่เป็นธรรม ปรากฏว่า ได้มีพนักงานของโรงแรมทยอยลาออกตามไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะพนักงานในแผนกสปาที่เคยร่วมงานกับนางเพชรฤดี ขณะเดียวกัน ทางโรงแรมก็ได้เปิดรับสมัครพนักงานใหม่เพื่อทดแทน ซึ่งก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากของคนบนเกาะสมุย และในแวดวงธุรกิจการท่องเที่ยว
 
อีกทั้งมีข้อมูลระบุด้วยว่า นางเพชรฤดีไม่ใช่พนักงานตั้งท้องแก่คนแรกที่ถูกบีบให้ออกจากงาน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีพนักงานตั้งครรภ์ถูกเลิกจ้างแล้วหลายราย โดยในส่วนของผู้บริหารระดับกลางขึ้นไป มีการยืนยันว่า มีอย่างน้อย 3 ราย กล่าวคือ เคยบอกเลิกจ้างระดับผู้บริหารแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนคนแรกมีตำแหน่งเป็นถึงโฮเทลเมเนเจอร์ (Hotel Manager : HM) หรือระดับเบอร์ 2 ของโรงแรม หลังจากที่ลาคลอดไปแล้วก็มีหนังสือเลิกจ้างส่งตามไปถึงบ้าน ทั้งที่ถือเป็นคนเก่าคนแก่ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก และผู้บริหารคนที่สองก็มีตำแหน่งเป็นถึงระดับผู้จัดการแผนกห้องอาหาร ส่วนผู้จัดการแผนกสปาในครั้งนี้ ถือเป็นคนที่ 3
 

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าสนุกปากในหมู่คนวงใน และใกล้ชิดด้วยว่า ต้นตอของปัญหาการเลิกจ้างพนักงานที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นผลจากเจ้าของ และผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะนางศุกตา-นายทศ จิราธิวัฒน์ สองสามีภรรยาที่รับหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง ให้ความเชื่อมั่นชาวต่างชาติที่จ้างมานั่งบริหารมากกว่าคนไทย แม้ฝรั่งบางคนจะนิยมเผด็จอำนาจ แต่ขอให้ทำตามนโยบาย และสร้างกำไรให้ได้เท่านั้น จึงมีระดับผู้จัดการทั่วไป (GM) ที่มานั่งบริหารในยุคหนึ่งเล่นพรรคเล่นพวก ทำให้เกิดการหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าพนักงานจำนวนมาก โดยเฉพาะในแผนกอาหาร และเครื่องดื่มถึงขั้นบีบคนเก่าออก เพื่อเอากิ๊กหนุ่มของตัวเองมาแทน
 
สำหรับการลุกขึ้นต่อสู้ปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีของนางเพชรฤดีนั้น หลังได้รับหนังสือเลิกจ้างก็ได้เดินทางไปร้องเรียนยังหน่วยงาน และองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างๆ เช่น สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี อ.เกาะสมุย สำงานงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย และทำหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 25 ส.ค.2555 ส่งถึงประธานสมาพันธ์สปาไทย, นายกสมาคมสปาสมุย, ประธานชมรมผู้บริหารงานบุคคลเกาะสมุย, นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะสมุย และนายกสมาคมโรงแรมไทย ซึ่งทุกหน่วยงานมีการเซ็นทราบไว้แล้วด้วย

สำหรับเนื้อหาในหนังสือร้องเรียนมีใจความสำคัญระบุว่า ดิฉัน นางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ ผู้จัดการสปาของศาลาสปา โรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่เลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 84320 มีความประสงค์ขอยื่นหนังสือฉบับนี้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมในการเลิกจ้างดิฉันอย่างไม่เป็นธรรม จากหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท ศาลาสมุย จำกัด โดยยัดเยียดข้อกล่าวหาด้วยความอคติ ซึ่งไม่เป็นความจริง และปราศจากการไต่สวนตามกระบวนการที่ถูกต้อง กล่าวเลิกจ้างดิฉันในขณะที่ดิฉันกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งอายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 26 (6 เดือนกว่า) และจะมีอายุการทำงานครบสามปีในอีก 90 วัน (3 เดือน)
 
การบอกกล่าวเลิกจ้างไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ ทำให้ดิฉันมีความเสื่อมเสียในเรื่องชื่อเสียง ทำให้ประวัติการทำงานของดิฉันเสียหาย ซึ่งเป็นผลให้ดิฉันมีโอกาสน้อยลงในการหางานอื่นทำได้ เกิดภาวะกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจในการเลี้ยงดูบุตรที่จะคลอด ส่งผลให้จิตใจของดิฉันมีความตึงเครียด มีผลเสียต่อสุขภาพและชีวิตโดยรวมของดิฉัน และทารกในครรภ์ ดิฉันจึงของร้องเรียนให้สมาพันธ์สปาไทย และองค์กรอื่นที่กล่าวถึง

กำลังโหลดความคิดเห็น