ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ศุกตา จิราธิวัฒน์” และ “GM ศาลาสมุยฯ” ยังรูดซิปปากไม่ยอมแจงกรณีเลิกจ้างอดีตผู้จัดการแผนกสปาด้วยข้อกล่าวหาไร้มนุษยธรรม แฉชัดเตรียมการล่วงหน้าและหาคนมาแทนไว้แล้ว ส่งผลให้ประหยัดเงินชดเชยได้กว่า 2 แสนบาท แถมจ้างคนใหม่กดเงินเดือนได้ต่ำวูบลงเกือบ 4 เท่า
แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้เจ้าของ หรือไม่ก็ผู้บริหารโรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ออกมาชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง หลังเกิดกรณีโรงแรมมีหนังสือเลิกจ้างนางเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปา เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2555 โดยมีการระบุข้อกล่าวหาร้ายแรงไว้ให้แทนใบผ่านงาน จนผู้ถูกเลิกจ้างจำต้องลุกขึ้นเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้รายงานมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ผู้สื่อข่าวทั้งที่ศูนย์ข่าวภูเก็ต และหาดใหญ่ให้ข้อมูลตรงกันว่า จนถึงวานนี้ (18 ก.ย.) ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจากนางศุกตา จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารเครือโรงแรมศาลากรุ๊ป รวมถึง Mr.Dick Simarro ผู้จัดการทั่วไป (GM) โรงแรมศาลาสมุยฯ ทั้งที่มีการติดต่อไปหลายครั้ง และได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่โรมแรม รวมถึงนายธีรพงศ์ บ่อแก้ว ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลว่า ทั้งเจ้าของ และผู้บริหารทราบเรื่องแล้ว พร้อมชี้แจงเมื่อไหร่จะติดต่อกลับทันที
ด้านความคืบหน้าทีมข่าวเฉพาะกิจ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” รายงานว่า แม้ปัญหาจะเกิดขึ้นเกือบ 3 สัปดาห์มาแล้ว แต่เวลานี้ก็ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ โดยเฉพาะวงการธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยว ยิ่งบนเกาะสมุยเสียงอื้ออึงก็ยังไม่เจือจาง โดยเฉพาะยังเป็นที่คาดหวังกันว่า ฝ่ายเจ้าของโรงแรมศาลาสมุยฯ คือตระกูลจิราธิวัฒน์ ควรต้องออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น การปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังมีแต่จะบ่อนเซาะความน่าเชื่อถือ ยิ่งหลังตกเป็นข่าวครั้งนี้ มีพนักงานทยอยออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเร่งหาคนทดแทนแบบไม่ขาดสาย
ประเด็นหนึ่งที่เป็นที่วิพากษ์กันมากว่า เมื่อนายจ้างให้ออก และยอมจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย ลูกจ้างก็ไม่น่าจะมีสิทธิเรียกร้องใดๆ อีก การที่ผู้ถูกเลิกจ้างออกมาเคลื่อนไหวร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่เมื่อประมวลคำชี้แจงจากนางเพชรฤดี อดีตพนักงานโรงแรมศาลาสมุยฯ คนอื่นๆ คนในวงการธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุย โดยเฉพาะจากเอกสารยกเลิกสัญญาจ้างที่ลงนามโดย Mr.Dick Simarro ในฐานะผู้รับมอบอำนาจนายจ้าง และนายธีรพงศ์ บ่อแก้ว ในฐานะพยาน และผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลผู้ชงเรื่องให้นายฝรั่งลงนาม กลับพบว่า ควรแล้วที่นางเพชรฤดีจะลุกขึ้นปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีของตนเอง
เนื่องเพราะข้อกล่าวหาที่ระบุไว้ในหนังสือยกเลิกสัญญาจ้างดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นข้อกล่าวหาฉกรรจ์ที่ทำให้นางเพชรฤดีไม่น่าจะมีโอกาสหางานใหม่ หรือแทบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดในวงการธุรกิจสปา หรือโรงแรมอีกต่อไป ประกอบด้วย ฝ่าฝืนข้อบังคับบริษัท คือ หน่วงเหนี่ยว หรืออิดเอื้อน เถลไถลในการปฏิบัติงาน ไม่เชื่อฟัง ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ประพฤติ หรือปฏิบัติตน หรือบริการแขก หรือพนักงานอื่นในลักษณะหยาบโลน หรือผิดวัฒนธรรมประเพณีของการดูแลบริหารจัดการกับลูกค้า และเจตนาไม่สุภาพ ลบหลู่หยาบคาย อวดดี หรือไม่ให้ความสำคัญในการดูแลต้อนรับแขกของรีสอร์ต
“ข้อหาไม่เชื่อฟัง ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ตามระเบียบต้องมีการว่ากล่าวตักเตือนก่อน เริ่มจากด้วยวาจา แล้วจึงเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทราบมาว่ากรณีนี้ไม่เคยมีการตักเตือน ส่วนข้อหาประเภทหยาบโลน ผิดวัฒนธรรมประเพณี ลบหลู่หยาบคาย อวดดี หรือไม่ให้ความสำคัญในการดูแลต้อนรับแขกของรีสอร์ต เรื่องพวกนี้หากเกิดขึ้นจริงโรงแรมต้องไล่ออกแบบไม่สมควรจ่ายเงินชดเชยอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น กรณีนี้กลับยอมจ่ายเงินชดเชยให้ แสดงว่า แค่ต้องการตั้งข้อกล่าวหาลอยๆ ให้เป็นเงื่อนไขเลิกจ้างเท่านั้นหรือเปล่า” แหล่งข่าวผู้คร่ำหวอดในวงการโรงแรมบนเกาะสมุยให้ข้อสังเกต
สอดรับกับข้อมูลที่มีการยืนยันคำพูดของนางศุกตา จิราธิวัฒน์ ในทำนองรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงแรมมาตลอด แม้กระทั่งเรื่องการให้พนักงานออกแทบยกแผนกที่เคยเกิดขึ้น หรือกรณีมีกล่องกระสุนปืนไปตั้งข่มขู่อยู่บนโต๊ะ GM ฝรั่ง ในกรณีปัญหาเที่ยวล่าสุด นางศุกตาก็บอกแก่นางเพชรฤดีในทำนองว่า ได้มอบหมายการบริหารไปแล้ว เมื่อ GM ต้องการให้พนักงานคนใดออกก็เป็นสิทธิขาดที่เขาทำได้ อีกทั้งก่อนที่จะมีการเลิกจ้างนางเพชรฤดี ฝ่ายบริหารก็ได้เตรียมคนมาทำหน้าที่แทนไว้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีข้อที่น่าสังเกตด้วยว่า โรงแรมศาลาสมุยฯ ยื่นหนังสือเลิกจ้างให้นางเพชรฤดีขณะที่ตั้งท้องได้ประมาณ 7 เดือน โดยกำลังวางแผนลาคลอดไม่เดือน ก.ย.ก็เดือน ต.ค.นี้ ซึ่งมีสิทธิลาคลอดได้ 3 เดือน แต่ปรากฏว่า การเลิกจ้างก่อนที่จะลาคลอดทำให้ประหยัดการจ่ายเงินค่าชดเชยเลิกจ้างได้ทันทีเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท และยังสามารถกดฐานเงินเดือนคนที่จะมีทำงานทดแทนนางเพชรฤดีให้ลดลงไปถึงเกือบ 4 เท่าตัวจากที่เคยจ่าย ซึ่งถือว่าคุ้มแสนคุ้ม โดยในระยะยาวสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล
ทั้งนี้ คำนวณได้จากข้อมูลที่ระบุในหนังสือยกเลิกสัญญาจ้างที่ว่า นางเพชรฤดีเริ่มเข้าทำงานกับโรงแรมศาลาสมุยฯ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2552 มีเงินเดือนสุดท้ายอยู่ที่ 65,520 บาท/เดือน โดยการเลิกจ้างครั้งนี้ แม้จะตั้งข้อหาหนัก แต่ก็จ่ายเงินชดเชยหลักๆ ให้ ประกอบด้วย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าในการเลิกจ้าง 1 เดือน ชดเชยการทำงานไม่ครบสามปี 3 เดือน รวมแล้วโรงแรมจ่ายให้ 4 เดือน เป็นเงินประมาณ 262,080 บาท
แต่หากไม่มีการรีบร้อนหาเหตุเลิกจ้างเสียก่อน นางเพชรฤดีได้ใช้สิทธิลาคลอดแล้วกลับมาทำงานจึงมีการเลิกจ้างเกิดขึ้น อายุงานก็จะครบสามปีเต็มจึงต้องมีการชดเชยเลิกจ้างเพิ่มเป็น 6 เดือน ถ้าไม่บอกล่วงหน้าจ่ายต้องจ่ายอีก 1 เดือน แถมระหว่างลาคลอด 3 เดือนตามสิทธิทางโรงแรมต้องจ่ายให้ครึ่งหนึ่งคือ 1.5 เดือน แล้วประกันสังคมจ่ายให้อีกครึ่งที่เหลือ แต่ไม่เกิน 45,000 บาท ดังนั้น นางเพชรฤดีจะได้รับเงินจากทางโรมแรมประมาณ 556,920 บาท แสดงว่า สามารถประหยัดเงินไปได้ประมาณ 294,840 บาท อีกทั้งรีบเลิกจ้างทำให้สิทธิในการรับเงินจากประกันสังคมของนางเพชรฤดีสูญหายไปด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะเลิกจ้าง ทางโรงแรมอ้างว่าจะหาคนมาทำงานแทนตอนลาคลอด โดยนางเพชรฤดีเสาะหาคนในวงการมานำเสนอกี่คนต่อกี่คนก็ไม่รับ แต่สุดท้าย ทางฝ่ายบริหารไปหามาเอง แล้วให้มาทำในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแผนกสปา ในอัตราเงินเดือนประมาณ 18,000 บาท/เดือน ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า จะให้ขึ้นตำแหน่งทำหน้าที่แทนนางเพชรฤดีในที่สุด เมื่อเกิดการเลิกจ้าง และกลายเป็นปัญหาจึงเป็นตรรกะที่สอดรับว่า ได้ส่งผลให้โรงแรมลดค่าใช้จ่ายเงินเดือนตำแหน่งผู้จัดการแผนกสปาจากที่เคยสูงถึง 65,520 บาท/เดือน สามารถลดลงไปได้เกือบ 4 เท่าตัวนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นางเพชรฤดีกล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า การลุกขึ้นร้องขอความเป็นธรรมของตนเอง ไม่ได้มุ่งหวังให้โรงแรมจ่ายเงินชดเชยเพิ่มตามสิทธิที่ควรจะได้รับ เพียงแต่ต้องการปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีจากข้อกล่าวหาหนักที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้างอย่างไม่มีมูลความจริง และที่สำคัญ อยากให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในสังคมที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก และหากจะได้รับค่าชดเชยเพิ่มก็เป็นแค่ผลพลอยได้ และตนก็พร้อมนำเงินส่วนนี้ไปทำบุญ หรือบริจาคเพื่อให้เกิดสิริมงคลในชีวิต และครอบครับต่อไปภายหน้า
อ่าวเรื่องเกี่ยวเนื่อง
1. แฉชัด “จิราธิวัฒน์” หนุนไล่ออกหญิงท้อง ผู้บริหารบ่ายเบี่ยงแจง
2. “กลัวพ่อช็อก..ถ้าไม่สู้จะเป็นตราบาปตลอดชีวิต” เปิดใจหญิงท้องเหยื่อทุน “จิราธิวัฒน์”
3. อึ้ง!? “จิราธิวัฒน์” ไฟเขียวฝรั่งตั้งข้อหาไล่ออกสาวไทยท้องมีทั้ง “หยาบโลน-ผิดวัฒนธรรมประเพณี-ลบหลู่หยาบคาย”
4. แฉคน “จิราธิวัฒน์” เชื่อแต่ฝรั่งไสหัวผู้บริหารหญิงไทยท้องแก่แล้ว 3 ราย"
5. “ศาลาสมุยฯ” ยังไม่พร้อมแจง เผยเรื่องเล่าเลิกจ้างหนาหู และกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM
6. ที่แท้ “ศาลาสมุยฯ” รร.หรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไล่ออกสาวท้องแก่ไม่เป็นธรรม
7. สาวท้องร้องขอความเป็นธรรมถูกโรงแรมที่เกาะสมุยให้ออก