หลายคนอาจจะคิดว่า..น่าจะเป็นการเอาหัวพุ่งชนกำแพงหินเสียเปล่าๆ กรณีที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ หาญกล้าลุกขึ้นปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีตัวเอง หลังถูกให้ออกจากงานประจำในโรงแรมหรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” อย่างไม่เป็นธรรมในขณะท้องแก่ แถมพกด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรงแบบแทบจะไม่ได้ผุดได้เกิดในวงการอีกต่อไป แต่ลองมาฟังเสียงของ “เพชรฤดี เคนนาเมอร์” อดีตผู้จัดการแผนกสปา โรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา ดูบ้างว่าเธอมีความรู้สึก และเหตุผลเช่นไร
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องถูกเลิกจ้างโดยสรุป
“เพชรฤดี เคนนาเมอร์” : สาเหตุที่ทำให้ถูกบีบให้ออกจากงานน่าจะมาจากการที่ตัวเองจะใกล้ถึงกำหนดลา คลอด และจะทำงานครบ 3 ปีในสิ้นเดือน พ.ย.นี้. เรื่องการถูกลูกค้าของสปาร้องเรียน (complaint) น่าจะเป็นเรื่องที่ใช้ในการเป็นข้ออ้าง โดยทาง GM พยายามใช้อำนาจที่เป็นผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรม โดยตัวเองไม่ยอมปฏิบัติตาม สาเหตุอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเราเองก็คิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุหลัก ทาง GM ป่าวประกาศกับพนักงานสปาวันรุ่งขึ้น หลังจากบอกเลิกจ้างเราว่า สาเหตุที่เลิกจ้างดิฉันไม่ใช่เรื่องที่ดิฉันมีความเห็นขัดแย้งกับตนเอง แต่เป็นเพราะผู้บริหารระดับ VP รวมถึงเจ้าของเห็นดีด้วย เพราะคิดว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นหนึ่งในเครือข่ายของการทำใบปลิว และเหตุการณ์ที่มีการนำกล่องใส่ลูกกระสุนปืนไปวางบนโต๊ะ GM คนก่อนเมื่อปี่ที่แล้ว ซึ่งเรื่องที่กล่าวอ้างนี้ทำให้เราประหลาดใจมาก เพราะมันผ่านไปนานแล้ว และไม่มีการมาพิสูจน์ ไม่มีการสอบสวน และสืบสวนหาความจริงจนถึงทุกวันนี้ ถ้าเรามีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่น่าจะอยู่ทำงานได้ต่อมาอีก 1 ปีกว่า เรา ขอยืนยันความบริสุทธิ์ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือทำเรื่องที่เกิดขึ้นเลย อาจจะโดนพาดพิง และเป็นที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพราะเรามีความสนิทสนมและเป็นที่นับถือของ Front Manager ที่ตกเป็นแพะว่าเป็นคนทำ และโดนเลิกจ้างเมื่อปีที่แล้ว
"ASTV ผู้จัดการภาคใต้" : คิดว่ามีผลกระทบอะไรบ้างที่ถูกบีบให้ออกจากงานครั้งนี้
"เพชรฤดี เคนนาเมอร์" : การเลิกจ้างอย่างกะทันหันในครั้งนี้ทำให้เราตกงานในขณะที่อายุครรภ์เกือบ 7 เดือนแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะหางานทำใหม่ได้อีก ทำให้เกิดภาวะความเครียดอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อจิตใจของตัวเอง ลูกในครรภ์ และครอบครัว และมีผลกระทบต่อภาวะการเงินด้วย เพราะต้องเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดด้วย และต้องหาที่อยู่ใหม่เนื่องจากต้องประหยัดค้าใช้จ่าย เพราะไม่มีงานทำแล้ว ผลกระทบต่อชื่อเสียงในด้านการทำงานมีอย่างมาก เพราะที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ ที่ข่าวกระจายถึงทุกคนได้รวดเร็วมาก เราไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ในทางตรงข้าม เราทำคุณประโยชน์ และสร้างชื่อเสียงให้สปาทุกที่ที่เคยทำงานมา และก็ได้รับเลือกให้เป็นถึงอุปนายกสมาคมสปาสมุยถึง 2 สมัย จนกระทั่งได้ถูกเลิกจ้าง ก็ถูกปลดออกโดยปริยาย เพราะไม่มีสังกัด เพราะเราไม่มีที่ทำงานแล้วตอนนี้ ที่สำคัญ การที่ถูกกล่าวหาตามข้ออ้างในหนังสือเลิกจ้าง อาจจะส่งผลทำให้เราไม่สามารถหางานใหม่ทำได้อีกเลย
"ASTV ผู้จัดการภาคใต้" : ทราบว่าเวลานี้คุณพ่อเองก็ป่วยหนักอยู่ด้วย ท่านทราบเรื่องหรือยัง แล้วกระทบอะไรหรือไม่
"เพชรฤดี เคนนาเมอร์" : ไม่กล้าบอกคุณพ่อให้ทราบเรื่องเลย พี่ๆ น้องๆ ก็พยายามปิดท่าน เพราะท่านป่วยหนักอยู่ แพทย์ตรวจวินิจฉัยพบว่าท่านมีภาวะหัวใจขาดเลือด ความเข้มข้นของเลือดตกลงมาเหลือแค่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ จากการเสียเลือดที่มีแผลในกระเพาะอาหาร อาการท่านอาจจะช็อกได้ตลอดเวลา เราจำเป็นต้องย้ายจากโรงพยาบาลประจำ จ.กระบี่ ไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต เพื่อดูแลเรื่องหัวใจเป็นพิเศษ บอกตรงๆ กลัวท่านสะเทือนใจ และอาการจะทรุดหนักกว่าเดิม จึงไม่กล้าบอก เราตั้งใจจะไปดูแลท่านตอนที่ท่านอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะฟังอาการของโรคแล้วกลัวว่าจะไม่มีโอกาสที่จะได้ทำหน้าที่ลูกที่ดี แต่โชคดีที่คุณแม่ และพี่ๆ น้องๆ โทร.ติดต่อรายงานการรักษาให้ฟังอยู่ตลอดเวลา และขอร้องเราว่าไม่ต้องเดินทางไป เพราะในการเดินทางจากสมุยไปภูเก็ตต้องใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายก็เยอะด้วย และที่สำคัญ กลัวว่าจะกระทบกระเทือนกับลูกในท้อง
"ASTV ผู้จัดการภาคใต้" : แล้วคนรอบๆ ข้างล่ะ ครอบครับ พี่น้อง ญาติๆ แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานว่าไงกันบ้าง
"เพชรฤดี เคนนาเมอร์" : คนรอบๆ ตัวก็ให้กำลังใจ เพราะทุกคนทราบว่าเราเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน และรักความถูกต้อง ไม่เคยเอาเปรียบใคร และไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบด้วย ทุกคนเป็นห่วงสุขภาพเพราะตั้งครรภ์อยู่ และอายุครรภ์ก็มากแล้วด้วย ส่วนเพื่อนร่วมงานแสดงความเห็นใจ เพราะเราร่วมงานในโรงแรมนี้กันมาเกือบ 3 ปี สามารถทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี ไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร และบางคนก็รู้จักกันเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยที่เราทำงานอยู่ M Spa ซึ่งเคยมารับบริหารสปาให้แก่โรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ทแอนสปานี่แหละ ก่อนที่เราจะลาออกไปรับตำแหน่ง สปาแมเนเจอร์ที่อื่น แต่ก็ได้กลับมาร่วมงานกับโรงแรมศาลาสมุยฯ อีกครั้งในตำแหน่งสปาแมเนเจอร์ หลังจาก M Spa หมดสัญญาและโรงแรมศาลาสมุยฯ ตัดสินใจบริหารสปาด้วยตัวเอง นับได้ว่าเราเป็นสปาแมเนเจอร์คนแรกของโรงแรมศาลาสมุยฯ น้องๆ บางส่วนก็ตัดสินใจทิ้งอนาคตตัวเองกับโรงแรมศาลาสมุยฯ ออกมาเป็นแนวร่วมในการเรียกร้องความเป็นธรรมในครั้งนี้ ส่วนน้องๆ ใต้บังคับบัญชาทราบข่าวว่าพร้อมใจกันยื่นใบลาออก เพราะทนกับพฤติกรรมแบบนี้ของผู้บริหารไม่ไหว ซึ่งน่าเป็นห่วงอนาคตพวกน้องๆ ในการทำงานธุรกิจโรงแรม เพราะเจ้าของโรงแรมที่นี่เป็นตระกูลใหญ่ มีเครือข่ายโรงแรมในชื่ออื่นๆ อีกเยอะมากอยู่ทั่วประเทศไทย สำหรับเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ที่เคยถูกเลิกจ้างไปด้วยสาเหตุที่ไม่เป็นธรรมเหมือนกัน ยิ่งเข้ามาแสดงความเห็นใจ และบอกว่าพร้อมที่จะต่อสู้กับเรา ก็ทำงานในวงการสปา และโรงแรมบนเกาะสมุยมา 10 ปีแล้วนะ จึงมั่นใจว่าหลายคนเห็นว่าเราเป็นคนทำงานอย่างตั้งใจ สร้างทีมทำงานที่เข้มแข็ง สร้างชื่อเสียงให้สปาของโรงแรม และสร้างชื่อเสียงให้สปาโดยรวมให้แก่เกาะสมุยด้วย
"ASTV ผู้จัดการภาคใต้" : หลังถูกเลิกจ้าง ได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว และคิดอ่านจะทำอะไรต่อไป
"เพชรฤดี เคนนาเมอร์" : ได้ไปปรึกษาที่สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน อ.เกาะสมุย และสำนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย และได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังนายกสมาพันธ์สปาไทย นายกสมาคมสปาสมุย ประธานชมรมผู้บริหารงานบุคคลเกาะสมุย นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ประธานองค์กรพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองเกาะสมุย และอธิบดีกรมแรงงาน ก็ได้รับความช่วยเหลือในแง่ความรู้และกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องของการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการถูกโยนข้ออ้างที่ไม่เป็นธรรมมาให้เพื่อเลิกจ้างเรา และการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมในขณะตั้งครรภ์
"ASTV ผู้จัดการภาคใต้" : ขอทราบเหตุผลที่ลุกขึ้นสู้ครั้งนี้ ใจเราเองคิดอย่างไรอยู่ ในฐานะผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่กลัวใครว่าวิ่งเอาหัวชนกำแพงหินหรือ
"เพชรฤดี เคนนาเมอร์" : การลุกขึ้นเรียกร้องความเป็นธรรมในครั้งนี้ เพราะเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีและถูกต้องที่ตัวเองได้ทำมา ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสู้กับใคร และที่ต้องการอย่างมากเลยคือ ขอพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวอ้างในหนังสือเลิกจ้าง ต้องการให้ความจริงปรากฏ และมีความตั้งใจที่จะไม่ให้คนอื่นๆ ถูกเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ได้อีก ซึ่งตนเองไม่ได้เป็นคนแรกที่โดนแบบนี้ในโรงแรมนี้ จึงเชื่อได้ว่าน่าจะมีเกิดขึ้นอีก ที่สำคัญ ต้องการให้สังคมโดยรวมตระหนักถึงคนที่ยืนอยู่บนความถูกต้องว่า ไม่ควรต้องถูกเอาเปรียบโดยคนที่อำนาจเหนือกว่า หรืออาศัยข้อได้เปรียบทางกฎหมายมาเอารัดเอาเปรียบอย่างไร้มนุษยธรรม อยากให้ทุกองค์กรตระหนักถึงคุณค่าของพนักงานทุกคนที่ทำงานร่วมกันอย่างตั้งใจว่า ทุกคนมีความสำคัญ และมีค่าความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน มีสิทธิความเป็นคนเท่ากัน เป็นพลังเล็กๆ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดความสำเร็จ บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรนั้นๆ ต้องการให้เจ้าขององค์กรตระหนักถึงคุณค่าของพนักงานที่ได้เริ่มบุกเบิกทำงานร่วมกันมา ไม่ใช่ว่าเมื่อได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการแล้วก็เขี่ยออกไปอย่างไม่มีคุณธรรม ไม่ต้องการเห็นการอาศัยใช้ช่องทางทางกฎหมายเพื่อทำลายอนาคตคนดีอย่างเลือดเย็น โดยเฉพาะคนที่ไม่มีทางไปอย่างคนท้องแก่ อยากเป็นกำลังใจ และเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ยืนอยู่บนความถูกต้อง มีคุณธรรมให้ยืนหยัดต่อไป ถึงแม้ว่าอาจจะได้รับผลกระทบร้ายๆ บางอย่างในระยะสั้น แต่ความจริงในสิ่งที่ถูกต้องที่เราทำจะอยู่ในใจเราไปจนวันตาย ถ้าไม่สู้ก็จะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต
"ASTV ผู้จัดการภาคใต้" : อยากบอก หรือฝากอะไรให้สังคมบ้างไหม
"เพชรฤดี เคนนาเมอร์" : อยากให้ทุกอย่างยืนหยัดบนความถูกต้องและมีคุณธรรม คิดถึงมนุษยธรรมและศีลธรรม อย่าเห็นแก่อำนาจเงินจนยอมทำในสิ่งที่ผิดๆ เพราะความรู้สึกผิดจะติดตัวคุณไปจนวันตาย จงเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนรอบๆ ข้างของคุณ สังคมไทยก็จะน่าอยู่มากขึ้น ถ้าทุกคนทำในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ให้สิทธิคนทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย
อ่าวข่าวเกี่ยวเนื่อง
- อึ้ง!? “จิราธิวัฒน์” ไฟเขียวฝรั่งตั้งข้อหาไล่ออกสาวไทยท้องมีทั้ง “หยาบโลน-ผิดวัฒนธรรมประเพณี-ลบหลู่หยาบคาย”
- แฉคน “จิราธิวัฒน์” เชื่อแต่ฝรั่งไสหัวผู้บริหารหญิงไทยท้องแก่แล้ว 3 ราย"
- “ศาลาสมุยฯ” ยังไม่พร้อมแจง เผยเรื่องเล่าเลิกจ้างหนาหู และกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM
- ที่แท้ “ศาลาสมุยฯ” รร.หรูของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไล่ออกสาวท้องแก่ไม่เป็นธรรม
- สาวท้องร้องขอความเป็นธรรมถูกโรงแรมที่เกาะสมุยให้ออก