xs
xsm
sm
md
lg

“ทำให้เรามีมลทินทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำความผิด” ปากคำผู้ถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมจาก รร.หรูของ ‘จิราธิวัฒน์’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่ามกลางการอมพะนำของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ผู้เป็นเจ้าของ รวมถึงผู้บริหารระดับสูง “โรงแรมศาลาสมุย รีสอร์ทแอนด์สปา” กรณีปล่อยให้ปัญหาภายในบานปลาย แถมให้ผู้บริหารฝรั่งเล่นเกมอำนาจตามอำเภอใจ จนนำไปสู่การเขี่ยออกพนักงานคนไทยอย่างไม่เป็นธรรมจำนวนมาก โดยรายล่าสุดคือ “เพชรฤดี เคนนาเมอร์” อดีตสปา แมเนเจอร์ ที่ถูกเล่นงานขณะท้องแก่ใกล้ลาคลอด ซึ่งได้กลายเป็นข่าวครึกโครมมาต่อเนื่อง

“ศักดิ์นันท์ นุราช” อดีตฟรอนต์ ออฟฟิศ แมเนเจอร์ โรงแรมศาลาสมุยฯ หนึ่งในผู้ร่วมชะตากรรมของการถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม เขายอมเปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” แต่ในฐานะลูกจ้างตัวเล็กๆ เขาขอไม่เปิดเผยหน้าตาผ่านภาพถ่าย ซึ่งจากคำบอกเล่าได้ตอกย้ำและไขความกระจ่างในหลายเงื่อนปมปัญหาอย่างน่าสนใจ

เคยทำงานที่โรงแรมศาลาสมุยฯ ในตำแหน่งอะไร และอยู่นานไหม?
ผมทำงานที่นั่นในตำแหน่งผู้จัดการแผนกบริการส่วนหน้า (Front Office Manager) แล้วก็ทำงานได้เกือบ 3 ปีก่อนจะถูกให้ออก

อยากให้เล่าสาเหตุที่ทำให้ต้องถูกเลิกจ้าง แล้วทราบเรื่องกรณีกระสุนปริศนาบนโต๊ะ GM คนเก่าไหม?
คืออย่างนี้ครับ เช้าวันหนึ่งเข้าไปทำงานก็รู้เรื่องว่ามีกระสุนใส่กล่องวางที่โต๊ะทำงานผู้จัดการทั่วไป (GM) หลังจากนั้น GM ก็ถือกล่องดังกล่าวเข้ามาถามว่า เห็นใครเอากล่องนี้มาวางบ้าง ผมเองได้บอกไปว่าไม่รู้ ซึ่งยังตกใจและถามเด็กๆ หน้าฟรอนต์ว่ามีใครเห็นอะไรผิดปกติไหม และยังคิดว่าวันรุ่งขึ้นอาจต้องดูกล้องวงจรปิดเผื่อจะเห็นอะไรที่ผิดสังเกต

วันต่อมาผมก็ได้เข้ามาทำงานตามปกติในตอนเช้า ทางฝ่ายบุคคลก็ได้ยื่นจดหมายจ้างออกให้ ซึ่งตอนนั้นผมเองงงมาก และไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะทำงานด้วยความตกใจ พอมาถึงโต๊ะทำงาน GM สั่งให้เลขาบอกว่า ผมไม่ได้เป็นพนักงานแล้ว ให้ออกจากโรงแรมภายใน 10 นาที ไม่อย่างนั้นจะให้ รปภ.มาพาตัวออกไป

ด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็ได้เดินไปหาผู้จัดการแผนกสปา (Spa manager) ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกคนเดียวที่ทำงานอยู่ในตอนนั้น เพื่อขอคำปรึกษา ทาง spa manager ก็ได้โทรไปเล่าให้เจ้าของคือ คุณศุกตา จิราธิวัฒน์ ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าของกลับบอกว่าเขาไม่ขอก้าวก่าย ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้บริหาร สักพักก็มีตำรวจเข้ามาเพื่อบอกให้ผมออกไปจากโรงแรม โดยเขาบอกกับตำรวจว่าผมบุกรุก แต่พอผมได้อธิบายให้ตำรวจฟังว่าผมไม่ได้ทำผิดอะไร และยังเป็นพนักงานอยู่ ตำรวจก็เข้าใจและกลับไป

ต่อมาผมได้ขอคุยกับ GM เพื่อขอคำอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ และได้ย้อนกลับไปถามกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลในขณะนั้นก็ได้รับการยืนยันว่า เป็นคำสั่งจาก GM แต่ GM เองคงไม่กล้าเอาพนักงานที่ไม่มีความผิดออกเอง ต้องได้รับคำสั่งจากเจ้านายคือ รองประธานบริหาร Vice President (VP) อีกที แต่พนักงานกลับไม่มีโอกาสแม้แต่รับฟังเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด หรือไม่ได้รับการชี้แจงอะไรเลย มีแต่ในหนังสือจ้างออกที่บอกว่า กระทำขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองกับ GM ก็ทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี และไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดความขัดแย้งกันเลย

เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางผู้บริหารใช้ผมเป็นผู้ต้องหา เพื่อให้ปัญหาเรื่องกระสุนปริศนาได้จบไป เพราะเขาไม่เคยมาชี้แจงเลยว่า ผมผิดอะไรถึงต้องจ้างให้ออก

มีผลกระทบอะไรบ้างจากการที่ถูกบีบให้ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรมครั้งนั้น?
แน่นอน! ย่อมมีผลกระทบอย่างมาก ทั้งสภาพจิตใจตนเอง ครอบครัว ชื่อเสียง ตลอดจนหน้าที่การงานที่ต้องตกงานโดยไม่มีความผิดเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม ทุกวันนี้ก็ยังข้องใจและกล้าที่จะไปสาบานวัดที่ไหนก็ได้ ผมทำงานมาเกือบสิบปี เคยอยู่ทั้ง Dusit Hilton และ Movenpick ที่ภูเก็ต ก็ไม่เคยมีประวัติอะไรเสียหาย

แต่ที่โรงแรมศาลาสมุยฯ ทำกับผมนั้น ผมว่ามันเกินไป ทำให้เรามีมลทินทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำความผิด หากถูกสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนก็จับกุมผมได้เลย แต่นี่เขาต้องการหาแพะให้ได้เท่านั้น

หลังจากถูกโรงแรมศาลาสมุยฯ ยื่นหนังสือเลิกจ้าง เราได้ดำเนินการอะไรบ้างไหมเพื่อปกป้องตัวเอง?
ได้ไปปรึกษาแรงงานจังหวัดภาค 8 ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า โรงแรมได้จ่ายเงินชดเชยครบ ฉะนั้นสิทธิคุ้มครองลูกจ้างก็ถือว่าสมบูรณ์ แต่ในส่วนที่ไม่เป็นธรรมก็เข้าใจและเห็นใจ ซึ่งกฎหมายคุ้มครองลูกจ้างแค่นี้ เราก็ต้องยอมรับ ส่วนประเด็นความไม่เป็นธรรมในการให้ออก ถึงวันนี้ตัวเราเองได้แต่เจ็บใจ

ทราบว่าหลังจากที่ถูกโรงแรมศาลาสมุยฯ บีบให้ออก มีน้องๆ ที่เคยดูแลอยู่ในแผนกทยอยกันลาออกจนหมด น้องๆได้มาระบายความในใจให้ได้ทราบ และให้กำลังใจกันอย่างไรบ้าง?
ก็ยังรู้สึกดีว่าเพื่อนร่วมงานเข้าใจ เพราะตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่นั่น ตัวเราเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานทุกคน น้องๆ ในแผนกก็เห็นใจและเสียใจกับสิ่งที่ผมเองโดนกระทำ และรู้สึกแย่กับองค์กรเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็ได้ทยอยออกกันเกือบหมด

ทราบมาว่าโดยส่วนตัวมีความสนิทสนมกับ คุณเพชรฤดี เคนนาเมอร์ อดีตผู้จัดการแผนกสปาโรงแรมศาลาสมุยฯ ที่ตั้งท้องแล้วเพิ่งถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ช่วยให้ความเห็นเรื่องนิสัยส่วนตัวและความประพฤติในการทำงานเขาหน่อย?
คุณเพชรฤดีเป็นคนตั้งใจทำงาน มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานทุกคน ได้รับความร่วมมือที่ดีทุกครั้งที่ติดต่อประสานเรื่องงานกัน

คิดว่าด้วยเหตุที่สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวกับคุณเพชรฤดี สิ่งนี้จึงนำมาซึ่งสาเหตุในการยัดเยียดข้อกล่าวหา กลั่นแกล้ง หรือบีบบังคับให้คุณเพชรพ้นจากโรงแรมศาลาสมุยฯ ในขณะท้องด้วยหรือไม่?

ผมว่าอาจมีส่วนนะ โดยเฉพาะเกิดจากความไม่เป็นธรรมของผู้บริหารที่ต้องการแก้ปัญหาภายในที่มีมานานมากกว่า คนในรู้ดีว่ามันคืออะไร และพนักงานก็ได้พยายามร้องเรียนให้ผู้บริหารหรือเจ้าของรู้ด้วยการกระทำหลายๆ อย่างมาแล้ว แต่ไม่เคยเป็นผล ไม่มีการแก้ไขใดๆ จากผู้บริหารหรือเจ้าของ มีแต่ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ที่แวดล้อมพนักงานเลวร้ายลงเรื่อยๆ

หลังคุณเพชรฤดีถูกความอยุติธรรมเล่นงานแบบเดียวกัน ในฐานะผู้ถูกกระทำมาก่อนมีอะไรจะแนะนำไหม?
ก็เข้าใจครับ และก็จะคอยให้กำลังใจกัน

อยากบอกหรืออยากฝากอะไรให้สังคมบ้าง?
ผมอยากให้สังคมมองด้วยความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางครั้งพนักงานก็มีโอกาสไม่มากนักที่จะพูดความจริงให้สังคมได้รับรู้ ต้องขอขอบคุณ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ที่เปิดโอกาสให้ผมได้ชี้แจงเรื่องที่เกิดกับผม ซึ่งที่ผ่านๆ มาผมเองไม่เคยมีโอกาสได้เล่าถึงความจริงให้ใครได้ฟังเลย

กำลังโหลดความคิดเห็น