ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ใช้พื้นที่รอบตัวบ้าน 3 ไร่ ปลูกสละพันธุ์อินโด ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด 200 ต้น ใช้เศษพืชผักตามธรรมชาติ และน้ำหมักจุลินทรีย์เป็นปุ๋ย ใช้เทคนิคทิ้งช่วงปลูก เพื่อให้ผลผลิตหมุนเวียนทำเงินได้ตลอดปี
นายสว่าง รักษ์ทอง อายุ 70 ปี ชาวบ้านบ้านม้าเงย ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา ใช้พื้นที่รอบๆ ตัวบ้านจำนวน 3 ไร่ ปลูกสละพันธุ์อินโด จำนวน 200 ต้น ซึ่งเป็นพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมของตลาด เนื่องจากรสชาติหวาน เนื้อหลุดล่อน กรอบ ไม่ติดเม็ด และขายได้ราคา โดยปลูกมา 7 ปี หลังเลิกอาชีพกรีดยาง และสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือนตลอดทั้งปี ทั้งหน้าแล้ง และหน้าฝน เก็บขายได้รุ่นละ 100 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 60-70 บาท มีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้าน
ลุงสว่าง บอกว่า เทคนิคการปลูกสละของแกคือ จะไม่ปลูกพร้อมกันทั้งหมด แต่จะทิ้งระยะห่าง 1-2 เดือน เพราะเมื่อให้ผลผลิตก็จะทยอยออกต่อเนื่องทุกเดือน มีรายได้ทั้งปี เดือนละอย่างน้อย 5,000 บาท
และสละของคุณลุงสว่างก็เป็นสละปลอดสารพิษ โดยจะใช้เศษพืชผักผลไม้ในละแวกบ้านไปกองไว้ที่โคนต้นเพื่อเป็นปุ๋ยบำรุงต้น และใช้น้ำหมักชีวภาพ ซึ่งใช้ฟักทอง กล้วยน้ำว้า และมะละกอผสมกับกากน้ำตาลบำรุงดอก ซึ่งจะให้รสหวานขึ้น แต่จะต้องช่วยผสมเกสรระหว่างต้นผู้กับต้นเมีย เพื่อให้ผลผลิตเต็มที่ และยังใช้วิธีเก็บเกสรตัวผู้ผสมกับแป้งมันไว้ในขวดโหล ปิดให้มิดชิดเพื่อสำรองไว้ในช่วงที่ขาดแคลน ซึ่งเก็บได้ 3 เดือน
ลุงสว่างบอกว่า สละพันธุ์อินโดเป็นไม้ผลเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ตลาดต้องการ ขายได้ราคา และการดูแลง่าย ปลูกแค่ 2 ปี ก็ให้ผลผลิต แตกต่างจากผลไม้ชนิดอื่นทั้งลองกอง ทุเรียน หรือเงาะ ที่มักจะประสบปัญหาล้นตลาด และราคาถูก ซึ่งเป็นทางเลือกของเกษตรกร หรือชาวบ้านทั่วไปที่นำไปปลูกในสวน หรือละแวกบ้านสร้างรายได้