บางจากฯ จี้รัฐกำหนดกรอบให้บริษัทน้ำมันซื้อเอทานอลจากมันสำปะหลังไปผลิตแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นเป็น 30% เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และไม่ต้องใช้กองทุนฯ อุดหนุนส่วนต่างราคาเอทานอลมันสำปะหลังกับกากน้ำตาล ส่วนต้นทุนราคาแก๊สโซฮอล์ที่แพงขึ้น 10 สต.ต่อลิตรให้ประชาชนรับภาระไป แย้มไตรมาส 1/55 ยอดขายเฉียด 5 หมื่นล้านบาท หลังค่าการกลั่น (รวมกำไรสต๊อกน้ำมัน) เกือบ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(BCP) เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานผลิตเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบกำลังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตทำให้ราคาขายอยู่ที่ 26 บาทต่อลิตร สูงกว่าเอทานอลที่ผลิตจากกากน้ำตาลถึงลิตรละ 6 บาท ทำให้บริษัทน้ำมันหันไปซื้อเอทานอลจากกากน้ำตาลมาผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถึง 90% จึงอยากเรียกร้องให้รัฐตั้งหลักเกณฑ์ให้บริษัทน้ำมันหันมาเพิ่มสัดส่วนการใช้เอทานอลจากมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเป็น 30% และเอทานอลจากกากน้ำตาล 70% แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนราคาแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นลิตรละ 10 สตางค์ แต่รัฐไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนส่วนต่างราคาเอทานอลจากมันสำปะหลังกับกากน้ำตาลถึงลิตรละ 6 บาทดังเช่นปัจจุบัน โดยเห็นว่าต้นทุนแก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นนี้ให้ประชาชนเป็นผู้รับภาระเหมือนเช่นไบโอดีเซลจะเหมาะสมกว่าการใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุน
โดยแนวทางดังกล่าวนี้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ทำให้ราคามันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมกิโลกรัมละไม่ถึง 2 บาทขยับขึ้นเป็น 3 บาทต่อกิโลกรัม และปริมาณการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีความต้องการใช้มันสำปะหลังในประเทศ 6 ล้านตันและส่งออก 16-17 ล้านตัน และหากมีการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 จะทำให้การใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 1.5 ล้านตัน
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้โรงกลั่นบางจากมีความพร้อมที่จะยกเลิกการขายเบนซิน 91 เนื่องจากได้มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า แม้ว่าจะได้รับผลกระทบทำให้รายได้ลดลงบ้าง 50-100 ล้านบาทแต่ก็สามารถบริหารจัดการได้ ขณะที่โรงกลั่นอ้างยังไม่พร้อม ทั้งนี้ คงต้องรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐว่าจะมีการยกเลิกเบนซิน 91 ตามกำหนดเวลาเดิมในเดือนตุลาคมนี้หรือไม่ พร้อมทั้งยืนยันไม่มีแผนจะซื้อโรงผลิตไบโอดีเซลของ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) แต่สนใจซื้อปั๊มน้ำมันเพียวประมาณ 10 ปั๊มที่มีทำเลดี แต่ทั้งนี้ การเจรจายังไม่มีข้อสรุป
ส่วนผลประกอบการบางจากฯ ในไตรมาส 1/2555 มียอดขายเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 3.57 หมื่นล้านบาท โดยมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ไม่รวมสต๊อกน้ำมัน) เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งออกน้ำมันเตาในราคาพรีเมียม และเดินเครื่องกลั่นได้สูงกว่าแสนบาร์เรลต่อวัน โดยไตรมาสนี้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันค่อนข้างสูง ทำให้ค่าการกลั่นเมื่อรวมกำไรจากสต๊อกน้ำมันเกือบ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
วันนี้ (19 เม.ย.) บางจากฯ จัดกิจกรรมรวมพลเยาวชน...ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วเพื่อผลิตไบโอดีเซล ที่บริเวณอาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ถ.สีลม กรุงเทพฯ หลังจากพบว่าปริมาณการซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากประชาชนในช่วงนี้ลดลงเหลือเพียงวันละ 4-5 พันลิตร จากเดิมบางจากฯ เคยรับซื้อได้ถึงเกือบ 1 หมื่นลิตรต่อวัน จึงทำการรณรงค์ให้ประชาชนนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาจำหน่ายเพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยไม่ใช้น้ำมันพืชไปทอดซ้ำอีก ซึ่งแต่ละปีไทยมีปริมาณน้ำมันพืชใช้แล้วมากกว่า 150 ล้านลิตร โดยบางจากฯรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วลิตรละ 18 บาท
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(BCP) เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานผลิตเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบกำลังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตทำให้ราคาขายอยู่ที่ 26 บาทต่อลิตร สูงกว่าเอทานอลที่ผลิตจากกากน้ำตาลถึงลิตรละ 6 บาท ทำให้บริษัทน้ำมันหันไปซื้อเอทานอลจากกากน้ำตาลมาผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถึง 90% จึงอยากเรียกร้องให้รัฐตั้งหลักเกณฑ์ให้บริษัทน้ำมันหันมาเพิ่มสัดส่วนการใช้เอทานอลจากมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเป็น 30% และเอทานอลจากกากน้ำตาล 70% แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนราคาแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นลิตรละ 10 สตางค์ แต่รัฐไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนส่วนต่างราคาเอทานอลจากมันสำปะหลังกับกากน้ำตาลถึงลิตรละ 6 บาทดังเช่นปัจจุบัน โดยเห็นว่าต้นทุนแก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นนี้ให้ประชาชนเป็นผู้รับภาระเหมือนเช่นไบโอดีเซลจะเหมาะสมกว่าการใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุน
โดยแนวทางดังกล่าวนี้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ทำให้ราคามันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมกิโลกรัมละไม่ถึง 2 บาทขยับขึ้นเป็น 3 บาทต่อกิโลกรัม และปริมาณการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีความต้องการใช้มันสำปะหลังในประเทศ 6 ล้านตันและส่งออก 16-17 ล้านตัน และหากมีการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 จะทำให้การใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 1.5 ล้านตัน
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้โรงกลั่นบางจากมีความพร้อมที่จะยกเลิกการขายเบนซิน 91 เนื่องจากได้มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า แม้ว่าจะได้รับผลกระทบทำให้รายได้ลดลงบ้าง 50-100 ล้านบาทแต่ก็สามารถบริหารจัดการได้ ขณะที่โรงกลั่นอ้างยังไม่พร้อม ทั้งนี้ คงต้องรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐว่าจะมีการยกเลิกเบนซิน 91 ตามกำหนดเวลาเดิมในเดือนตุลาคมนี้หรือไม่ พร้อมทั้งยืนยันไม่มีแผนจะซื้อโรงผลิตไบโอดีเซลของ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) แต่สนใจซื้อปั๊มน้ำมันเพียวประมาณ 10 ปั๊มที่มีทำเลดี แต่ทั้งนี้ การเจรจายังไม่มีข้อสรุป
ส่วนผลประกอบการบางจากฯ ในไตรมาส 1/2555 มียอดขายเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 3.57 หมื่นล้านบาท โดยมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ไม่รวมสต๊อกน้ำมัน) เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งออกน้ำมันเตาในราคาพรีเมียม และเดินเครื่องกลั่นได้สูงกว่าแสนบาร์เรลต่อวัน โดยไตรมาสนี้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันค่อนข้างสูง ทำให้ค่าการกลั่นเมื่อรวมกำไรจากสต๊อกน้ำมันเกือบ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
วันนี้ (19 เม.ย.) บางจากฯ จัดกิจกรรมรวมพลเยาวชน...ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วเพื่อผลิตไบโอดีเซล ที่บริเวณอาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ถ.สีลม กรุงเทพฯ หลังจากพบว่าปริมาณการซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากประชาชนในช่วงนี้ลดลงเหลือเพียงวันละ 4-5 พันลิตร จากเดิมบางจากฯ เคยรับซื้อได้ถึงเกือบ 1 หมื่นลิตรต่อวัน จึงทำการรณรงค์ให้ประชาชนนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาจำหน่ายเพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยไม่ใช้น้ำมันพืชไปทอดซ้ำอีก ซึ่งแต่ละปีไทยมีปริมาณน้ำมันพืชใช้แล้วมากกว่า 150 ล้านลิตร โดยบางจากฯรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วลิตรละ 18 บาท
