ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรใน จ.สงขลาพลิกผืนนา มาทำสวนมะม่วงปลอดสารพิษ 10 สายพันธุ์ สร้างรายได้ปีละ 5-7 แสนบาท พร้อมฝากข้อคิดเพื่อนเกษตรให้ประสบความสำเร็จ ต้องอดทน ขยัน มองตลาดให้ออก นำผลผลิตออกขายในช่วงที่ราคาดี ไม่ใช่หวังพึ่งเทวดาเพียงอย่างเดียว
นอกจากพื้นที่ จ.สงขลา จะปลูกยาพาราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักแล้ว ยังมีเกษตรกรบางรายที่หันมาทำสวนมะม่วงจนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน เช่น นายเขียน อุบลพันธุ์ อายุ 67 ปี เกษตรกรในพื้นที่ หมู่ 5 ต.สทิ้งหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ได้พลิกผืนนามาทำสวนมะม่วง โดยการปลูกมะม่วงรวมกัน 10 สายพันธุ์ ในแปลงเดียวบนเนื้อที่ 20 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 3 สวน
ประกอบด้วย มะม่วงเบา, มะม่วงพิมเสนเบา, มะม่วงมันศาลายา, มะม่วงเขียวไข่กา, มะม่วงฟ้าลั่น, มะม่วงเขียวเสวย, มะม่วงน้ำดอกไม้, มะม่วงแก้วลืมคอน, มะม่วงเพชรบ้านลาด และมะม่วงโชคอนันต์ จำนวน 700 ต้น โดยเน้นไปที่มะม่วงเบา ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองของภาคใต้ และมะม่วงพิมเสนเบาเป็นตัวชูโรง และสร้างรายได้หลักต่อปีที่สามารถทำรายได้ 5-7 แสนบาท
นายเขียน อุบลพันธุ์ เล่าว่า เริ่มต้นจากที่ดินเพียง 10 ไร่ เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา ใช้ทำนา และทำสวนอยู่ในผืนเดียวกัน ในช่วงหลังทำนาไม่ได้ผล เลยพลิกผืนนามาทำสวนมะม่วงอย่างเดียวโดยเน้นปลูกมะม่วงเบา และมะม่วงพิมเสนเบาเป็นหลัก ต่อมา ได้ขยายพื้นที่ทำสวนมะม่วงเพิ่มเป็น 20 ไร่ รวม 3 สวน ได้นำพันธุ์มะม่วงอีก 8 สายพันธุ์มาปลูก โดยใช้วิธีเสียบยอดกับโคนต้นมะม่วงเบา และตัดต้นมะม่วงเบาออก ซึ่งให้ผลผลิตดีเช่นเดียวกัน และไม่เปลืองเนื้อที่
สำหรับสวนมะม่วงทั้งหมดไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง แต่จะใช้น้ำหมักจากสมุนไพร ซึ่งประกอบด้วย ใบสะเดา, หัวข่า และตะไคร่หอม โดยนำน้ำหมักมาฉีดใบเพื่อไล่แมลง และใช้ลูกเหม็นห่อผ้ามาแขวนที่บริเวณกิ่งที่มีผลมะม่วง ซึ่งกลิ่นลูกเหม็นทำให้แมลงวันทองไม่เจาะผลมะม่วง
นายเขียน บอกอีกว่า อยู่กับมะม่วงมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงปัจจุบัน อายุกว่า 40 ปี ช่วยกันทำกับภรรยา มีลูก 4 คน ส่งลูกเรียนจากผลผลิตของมะม่วงจนสำเร็จทำงานไปแล้ว 3 คน และกำลังศึกษาอยู่อีก 1 คน เวลาลูกกลับมาเยี่ยมบ้านก็จะเข้ามาช่วยดูแลสวนทุกคน เนื่องจากมีความผูกพัน เพราะรายได้ทั้งหมดที่ทำให้เล่าเรียนจนจบมาจากสวนมะม่วงทั้งหมด
นายเขียน ยังได้ฝากข้อคิดสำหรับเกษตรกรในการทำการเกษตรให้ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความอดทน ขยัน มองตลาดให้ออก เพื่อนำผลผลิตออกขายในช่วงที่ราคาดี ไม่ใช่หวังพึ่งเทวดาเพียงอย่างเดียว
นอกจากพื้นที่ จ.สงขลา จะปลูกยาพาราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักแล้ว ยังมีเกษตรกรบางรายที่หันมาทำสวนมะม่วงจนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน เช่น นายเขียน อุบลพันธุ์ อายุ 67 ปี เกษตรกรในพื้นที่ หมู่ 5 ต.สทิ้งหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ได้พลิกผืนนามาทำสวนมะม่วง โดยการปลูกมะม่วงรวมกัน 10 สายพันธุ์ ในแปลงเดียวบนเนื้อที่ 20 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 3 สวน
ประกอบด้วย มะม่วงเบา, มะม่วงพิมเสนเบา, มะม่วงมันศาลายา, มะม่วงเขียวไข่กา, มะม่วงฟ้าลั่น, มะม่วงเขียวเสวย, มะม่วงน้ำดอกไม้, มะม่วงแก้วลืมคอน, มะม่วงเพชรบ้านลาด และมะม่วงโชคอนันต์ จำนวน 700 ต้น โดยเน้นไปที่มะม่วงเบา ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองของภาคใต้ และมะม่วงพิมเสนเบาเป็นตัวชูโรง และสร้างรายได้หลักต่อปีที่สามารถทำรายได้ 5-7 แสนบาท
นายเขียน อุบลพันธุ์ เล่าว่า เริ่มต้นจากที่ดินเพียง 10 ไร่ เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา ใช้ทำนา และทำสวนอยู่ในผืนเดียวกัน ในช่วงหลังทำนาไม่ได้ผล เลยพลิกผืนนามาทำสวนมะม่วงอย่างเดียวโดยเน้นปลูกมะม่วงเบา และมะม่วงพิมเสนเบาเป็นหลัก ต่อมา ได้ขยายพื้นที่ทำสวนมะม่วงเพิ่มเป็น 20 ไร่ รวม 3 สวน ได้นำพันธุ์มะม่วงอีก 8 สายพันธุ์มาปลูก โดยใช้วิธีเสียบยอดกับโคนต้นมะม่วงเบา และตัดต้นมะม่วงเบาออก ซึ่งให้ผลผลิตดีเช่นเดียวกัน และไม่เปลืองเนื้อที่
สำหรับสวนมะม่วงทั้งหมดไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง แต่จะใช้น้ำหมักจากสมุนไพร ซึ่งประกอบด้วย ใบสะเดา, หัวข่า และตะไคร่หอม โดยนำน้ำหมักมาฉีดใบเพื่อไล่แมลง และใช้ลูกเหม็นห่อผ้ามาแขวนที่บริเวณกิ่งที่มีผลมะม่วง ซึ่งกลิ่นลูกเหม็นทำให้แมลงวันทองไม่เจาะผลมะม่วง
นายเขียน บอกอีกว่า อยู่กับมะม่วงมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงปัจจุบัน อายุกว่า 40 ปี ช่วยกันทำกับภรรยา มีลูก 4 คน ส่งลูกเรียนจากผลผลิตของมะม่วงจนสำเร็จทำงานไปแล้ว 3 คน และกำลังศึกษาอยู่อีก 1 คน เวลาลูกกลับมาเยี่ยมบ้านก็จะเข้ามาช่วยดูแลสวนทุกคน เนื่องจากมีความผูกพัน เพราะรายได้ทั้งหมดที่ทำให้เล่าเรียนจนจบมาจากสวนมะม่วงทั้งหมด
นายเขียน ยังได้ฝากข้อคิดสำหรับเกษตรกรในการทำการเกษตรให้ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความอดทน ขยัน มองตลาดให้ออก เพื่อนำผลผลิตออกขายในช่วงที่ราคาดี ไม่ใช่หวังพึ่งเทวดาเพียงอย่างเดียว
