ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านใน อ.จะนะ จ.สงขลา ทำน้ำหมักสมุนไพร จากพืชสมุนไพรและผลไม้หลากหลายชนิด เพื่อบำรุงสุขภาพ และรักษาโรคด้วยวิธีแบบโบราณที่สืบทอดกันมา ยืนยันปลอดภัยไร้สารพิษ ใช้เวลาว่างจากอาชีพทำสวนนาง
นางนิตย์ ยอดศิลป์ อายุ 60 ปี ชาวบ้านในพื้นที่บ้านชายนา หมู่ 10 ต.คลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา ใช้เวลาว่างจากอาชีพทำสวนยาง ผลิตน้ำหมักสมุนไพร จากพืชสมุนไพร และผลไม้หลากหลายชนิดที่มีอยู่ตามธรรมชาติรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อบำรุงสุขภาพ และเป็นทางเลือกในการรักษาโรค และเป็นอาชีพเสริม
โดยน้ำหมักสมุนไพร ของนางนิตย์ มีกว่า 30 ชนิด เช่น น้ำลูกยอ น้ำบอระเพ็ด น้ำใบหนาด น้ำขมิ้น น้ำมะรุม น้ำมะนาวโห่ น้ำอัญชัน น้ำฟ้าทลายโจร น้ำมังคุด น้ำสับปะรด น้ำมะขามป้อม น้ำฟักไฟ และน้ำลองกอง ซึ่งน้ำหมักสมุนไพรแต่ละชนิดจะให้สรรพคุณในการรักษาโรคและบำรุงร่างกายที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำลูกยอแก้โรคเบาหวาน น้ำบอระเพ็ด บรรเทาอาการเจ็บคอ ใบหนาดแก้โรคบิด หรือปวดท้อง สับปะรดบำรุงผิวพรรณ ลองกองแก้ริดสีดวง โดยเฉพาะน้ำฟักไฟมีสารต้านมะเร็ง
นางนิตย์ บอกว่า น้ำหมักสมุนไพร ผลิตขึ้นตามแบบโบราณที่ตกทอดกันมาโดยใช้น้ำ 5 ลิตร น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม และพืชผลไม้สมุนไพร 3 กิโลกรัม นำไปแช่ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดโดยในช่วง 1 เดือนแรกต้องเปิดฝาภาชนะวันละ 1 ครั้ง เพื่อระบายแก๊สที่เกิดจากการหมัก หลังจากนั้นเปิดฝาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งการทำน้ำหมักสมุนไพรจะต้องใช้เวลาหมักอย่างน้อย 1 ปี จึงจะนำมารับประทานได้ แต่ถ้าจะให้ดีต้องปล่อยให้น้ำหมักเป็นวุ้น โดยยืนยันว่าน้ำหมักสมุนไพรที่ผลิตขึ้นไม่มีสารพิษเพราะทำจากสมุนไพรและผลไม้ล้วนๆ และไม่มีขั้นตอนใดที่นำสารเคมีเข้ามาเป็นส่วนประกอบ
ซึ่งน้ำหมักสมุนไพรที่ผลิตขึ้นสามารถรับประทานได้ทุกวัน และทุกช่วงเวลา และขณะนี้เริ่มมีชาวบ้านให้ความสนใจผลิตน้ำหมักสมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้รับประทานในแต่ละครัวเรือน
