ฉะเชิงเทรา - พ่วงสิบแปดล้อหัวลากหลุดพลิกหงายตีลังกาล้อชี้ฟ้า เทกากน้ำตาลทั้งหนึบทั้งลื่นฉาบพื้นผิวถนน ทำรถชาวบ้านตามหลังมาลื่นไถลล้มลุกคลุกคลาน แต่โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บมาก แต่ทำจราจรวุ่นทั้งเมืองก่อนรุ่งสาง
วันนี้ (24 เม.ย.) เมื่อเวลา 05.40 น. ร.ต.ท.อำพล วันดี ร้อยเวรสอบสวน (สบ 1) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกน้ำมัน หางพ่วงหลุดพลิกคว่ำเทราดน้ำมันลงมานองบนพื้นถนน และทำให้ผู้ที่ขับขี่รถตามหลังมาลื่นไถลจนเกือบประสบอุบัติเหตุหลายสิบคัน ที่บริเวณก่อนถึงคอสะพานต่างระดับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ใกล้หลัก กม.ที่ 1 ถนนสาย 314 เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานตำรวจสายตรวจท้องที่ และหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราให้ไปช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
ที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 18 ล้อ แบบ 2 ตอนมีหางลาก ลักษณะมีถังโลหะอยู่ที่ด้านบนคล้ายกับรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ของเหลวที่ถูกบรรทุกมาในคันรถนั้น เป็นกากน้ำตาลเหลว ที่มีสภาพหนืดหกเทราดลงบนพื้นถนน และผิวด้านบนลื่นคล้ายกับน้ำมันหล่อลื่นเก่าที่ถูกใช้แล้ว ไหลนองเต็มพื้นเป็นระยะทางยาวกว่า 30 เมตร จนทำให้ผิวจราจรบนเส้นทางนั้น มีร่องรอยของการลื่นไถลของล้อรถยนต์ขนาดเล็กแบบนั่งส่วนบุคคลเป็นจำนวนหลายสิบคัน ซึ่งหลายคันมีร่องรอยลักษณะของการตะกุยตะกายเป็นทางยาว
ในจุดเกิดเหตุ พบเพียงส่วนหางพ่วงของตัวรถ ทะเบียน 74-9931 กทม. ของบริษัท ผดุงฤทธิ์ขนส่ง จำกัด นอนหงายล้อชี้ฟ้าพาดคร่อมอยู่บนเกาะกลางถนนซึ่งเป็นช่วงทางโค้ง มีต้นไม้ขนาดใหญ่บนเกาะหักโค่นเป็นจำนวนมาก ส่วนหัวลากทะเบียน 74-8192 กทม.ได้ถูกขับเลยออกไปจอดไกลจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร
จากการสอบสวน นายเทวรรณ์ พนมสินธุ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.3 ต.ดอนพุด อ.ดอนพุด จ.สระบุรี คนขับรถคันดังกล่าว ให้การว่า ตนเองเป็นพนักงานขับรถของบริษัท ผดุงฤทธิ์ขนส่ง จำกัด ได้ขับรถไปรับกากน้ำตาลเหลวจากโรงงานใน จ.เพชรบูรณ์ เพื่อนำไปส่งลงเรือยังที่ ท่าเทียบเรืออ่าวอุดม จ.ชลบุรี เพื่อส่งไปยังต่างประเทศ แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากสลักลำโพงที่ทำหน้าที่ยึดหางพ่วงและหัวลากให้ติดกันนั้นแตกออก จึงทำให้ส่วนที่พ่วงมาหลุดจากกันไป จนทำให้รถประสบอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้นในครั้งนี้
ซึ่งสาเหตุของการแตกหักนั้น ตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะก่อนที่จะออกรถก็ได้ทำการตรวจสอบสภาพของสลักลำโพงแล้ว และยังเห็นว่าอยู่ในสภาพปกติดี แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่สลักดังกล่าวนี้ถูกใช้งานมานาน และใช้บรรทุกลากขนส่งน้ำตาลอยู่เป็นประจำทุกวัน จึงอาจแตกหักได้ในระหว่างการใช้งาน โดยที่น้ำตาลที่บรรทุกมานี้ในส่วนของหางพ่วงบรรทุกกากน้ำตาลมาจำนวน 20 ตัน ส่วนของหัวลากบรรทุกมา 25 ตัน ตามพิกัดที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้บรรทุกน้ำหนักเกินแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุ ได้ทำให้การจราจรในบริเวณดังกล่าวติดขัดเป็นอย่างมาก รวมทั้งในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทราด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ให้รถที่กำลังเดินทางผ่านจุดเกิดเหตุให้เข้าไปกลับรถยังบนถนนมหาจักพรรดิ์ ในเขตชุมชนเมือง ก่อนที่จะเลี้ยวออกมาสู่เส้นทางสาย 304 บายพาส เพื่อเดินทางผ่านบริเวณที่เกิดเหตุออกไปยังถนนสาย 304 และ 314 ต่อไป
นอกจากนี้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุนั้น ยังมีรถ จยย.ที่แอบเล็ดลอด ผ่านแนวกั้นถนนของเจ้าหน้าที่ผ่านเข้ามายังจุดที่มีการลื่นไหลของกากน้ำตาล จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มให้เห็นแบบสดๆ ต่อหน้าต่อตาอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ต้องใช้เวลาในการกวาดล้างทำความสะอาดคราบกากน้ำตาลดังกล่าวเป็นเวลานานเกือบ 4 ชม. จึงสามารถเปิดการสัญจรให้เป็นไปตามปกติได้