คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
เริ่มเรื่องแต่ครั้งยังเยาว์ เป็นเด็กหาดใหญ่
บ้านอยู่ใกล้คลองอู่ตะเภา
ต้องจากบ้านแต่ยังเยาว์ เพราะต้องไปเข้า
เรียนต่อชั้น ม.บ่อยาง
ม.หกเรียนเพียงครึ่งทาง ศึกญี่ปุ่นขวาง
มิต้องสอบไล่ได้ฟรี
เข้าเตรียมจุฬาฯได้ปี ครึ่งก็พอดี
ระเบิดตกใหญ่ในนคร
รัฐบาลท่านจึงผันผ่อน จบเตรียมอักษรฯ
เข้าต่อจุฬาฯไปเลย
เรียนบ้างเล่นบ้างอย่างเคย คอยดวงมาเกย
ช่วยยกชั้นด้วยสงคราม
ยุ่นถอนอังกฤษติดตาม นำศึกคุกคาม
ประชิดติดใกล้กรายแดน
สู่ยุคอัตคัดขาดแคลน ยากล้ำเหลือแสน
ดั่งพุทธทำนายโบราณ
ผู้ดีถอยลับอัประมาณ ปวงชั่วสามานย์
“กระเบื้องก็เฟื่องฟูลอย”
เมื่อผีเข้าซ้ำด้ำพลอย กำสรดถดถอย
วุ่นวายกันทุกวงการ
คู่ศึกคักคึกอาจหาญ ฟ้าส่งไฟกาฬ
ไม่เลือกทิวาราตรี
หยุดเรียนกลับบ้านทันที ชั่วหนึ่งขวบปี
เผชิญชีวิตพิสดาร
บางคาบเข้าช่วยทางการ จับปืนเป็นทหาร
ปกป้องครองคุ้มปวงประชา
สู้โจรปราบผองพาลา ย่ำยีบีฑา
หมู่คนอพยพหลบภัย
หัวเขา ทิ้งหม้อเที่ยวไป เกาะยอ เกาะใหญ่
บ่อยาง บ่อพลับแหลมทราย
ศึกสงบวางปืนคืนกาย เล่าเรียนสืบสาย
อ.บ.,ป.ม.,(จุฬาฯ)
เข้างานกระทรวงศึกษา ย้ายข้ามฟากมา
เป็นทหารอยู่จ.ป.ร.
ดูน่าพิสดารจริงหนอ ชีวิตหลอกล่อ
ล้อเล่นเช่นเชิงเรื่อยมา
เป็นทหารแต่ถือปากกา เป็นนักศึกษา
กลับกุมปืนปรามไพรี
จวบจนรับยศพันตรี โอนย้ายทันที
เข้าสู่สภาวิจัยฯ
จากนั้นดั้นสู่แดนไกล ม.ช.เชียงใหม่
อยู่เมิลเกือบเข้าซาวปี
ม่วนอกเปิงใจบ่มี อะหยังราคี
ให้ขุ่นให้ข้องเคืองใจ
เพียงแค่ใคร่คืนเมืองใต้ หล็อบบ้านกลับไป
ตายรังหวังครบวงจร
(อ่านต่อฉบับหน้า วันอังคารที่ 12 มิ.ย.)