นครศรีธรรมราช - ชาว อ.ท่าศาลา มีมติร่วมกันเลือกตั้ง 3 ก.ค.นี้ คนท่าศาลาเลือกพรรคและนักการเมืองที่ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน นายกเล็กพื้นที่เป้าหมายหนุนเต็มที่ มีผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ร่วมรับฟัง หวังพึ่งนักการเมืองช่วยยุติโครงการนี้ได้ หลังเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลาต่อสู้เพื่อต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินมาหลายปี
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา ซึ่งมีการขยายแนวร่วมแสดงจุดยืนไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้ามาในพื้นที่ ได้มีการยืนยันในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องผ่านภาคประชาชนและภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปจนถึงระดับองค์กรเคลื่อนไหวต่างๆ มาเป็นลำดับ โดยการแสดงเจตนารมณ์ล่าสุดนั้น ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะ อบต.ท่าศาลา และ อบต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ได้ร่วมกันแสดงจุดยืนกับภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดนั้น นายบุญโชค แก้วแกม นายก อบต.ท่าขึ้น นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา นายวิชาญ เชาวลิต ประธานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา พร้อมทั้งแกนนำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จำนวนมากได้ร่วมกันแสดงจุดยืนท่าศาลาคือการไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้ามาในพื้นที่ โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่เลือกตั้งและที่เกี่ยวข้องมาร่วมรับฟังและแสดงจุดยืน โดยขาดเพียง นายวฤทธิ์ ญาณแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 9 นครศรีธรรมราชที่ไม่มาร่วมเท่านั้น
นายบุญโชค แก้วแกม นายก อบต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา เปิดเผยว่า เรามีหลักคิดที่สำคัญ คือ หลังจากที่พี่น้องคนท่าศาลาได้ยืนยันเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า “เราไม่เอา โรงไฟฟ้าถ่านหิน” เพราะรู้ถึงมหันตภัยของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเข้ามาทำลายบ้านเมืองที่อุดม สมบูรณ์ และน่าอยู่ของแผ่นดินท่าศาลา รวมทั้งทำลายความสุขสงบ เป็นภัยต่อชีวิตเป็นพิษต่อแผ่นดินไปชั่วลูกชั่วหลาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ของผู้นำท้องถิ่นและคนท่าศาลาทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เมื่อวันที่ 22-24 ก.พ.54 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่าเราต้องการดำรงไว้ซึ่ง “ท่าศาลาเมืองน่าอยู่ ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” เป็นกระแสความร่วมมือร่วมใจและเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันให้การปฏิบัติการที่ไม่ชอบมาพากลของ กฟผ.จำเป็นต้องถอยออกไปจากพื้นที่เป็นการชั่วคราว แต่คาดว่าหลังจากการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร มีสภาและรัฐบาลใหม่แล้ว กฟผ. ก็จะกลับเข้ามาดำเนินการคุกคามบ่อนทำลายความสงบสุขของคนท่าศาลาอีกครั้ง ด้วยเล่ห์กลมากมายหลายประการและแยบยลยิ่งขึ้น
“คนท่าศาลาจึงต้องแสดงพลังในการร่วมกันปกป้องแผ่นดินท่าศาลาของเราอย่างชัดเจนต่อเนื่อง และประกาศให้นักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางและนโยบายการพัฒนาประเทศได้รับรู้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า “ท่าศาลาเมืองน่าอยู่ ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” โดยเฉพาะในสถานการณ์การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ที่กำลังจะมาถึงนั้น คนท่าศาลาจะร่วมกันแสดงพลัง ว่า เราเลือกนักการเมืองและพรรคการเมืองที่รับรู้ เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนและยืนหยัดเคียงข้างความต้องการของคนท่าศาลา ในการปกป้องแผ่นดินให้รอดพ้นจากภัยคุกคามของโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยยืนยันประชามติร่วมกันว่า “คนท่าหลา เลือกพรรคที่...ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” นายก อบต.ท่าขึ้น กล่าว
นายบุญโชค กล่าวต่อว่า อนาคตของเราคนท่าศาลา ที่เรากำหนดแล้ว วันนี้นักการเมืองและพรรคการเมืองมีความชอบธรรมอย่างมากที่สุด ที่จะเป็นตัวแทนบอกรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเราต้องการ “ท่าศาลาเมืองน่าอยู่ ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” เพราะเราได้ออกมาแสดงประชามติจนเป็นที่ประจักษ์ในวงกว้างมาแล้วกระบวนการนำเสนอความต้องการของประชาชนแล้วให้ภาคการเมืองมารับความคิดเห็นเหล่านี้ไปดำเนินการถือเป็นครั้งแรกของประชาชนท่าศาลา ที่ผลักดันวาระประชาชนสู่เวทีการเมืองระดับชาติ และใช้กระบวนการประชาธิปไตย ที่มากกว่าการเลือกตั้ง
“วันนี้ทุกท่านอาสาเสนอตัวเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน แพ้หรือชนะไม่เป็นไรในทางการเมือง แต่หากเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องแผ่นดิน ทุกท่านได้ชนะหัวใจคนท่าศาลาไปไม่มากก็น้อย” นายก อบต.ท่าขึ้นกล่าวในที่สุด
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา ซึ่งมีการขยายแนวร่วมแสดงจุดยืนไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้ามาในพื้นที่ ได้มีการยืนยันในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องผ่านภาคประชาชนและภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปจนถึงระดับองค์กรเคลื่อนไหวต่างๆ มาเป็นลำดับ โดยการแสดงเจตนารมณ์ล่าสุดนั้น ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะ อบต.ท่าศาลา และ อบต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ได้ร่วมกันแสดงจุดยืนกับภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดนั้น นายบุญโชค แก้วแกม นายก อบต.ท่าขึ้น นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา นายวิชาญ เชาวลิต ประธานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา พร้อมทั้งแกนนำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จำนวนมากได้ร่วมกันแสดงจุดยืนท่าศาลาคือการไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้ามาในพื้นที่ โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่เลือกตั้งและที่เกี่ยวข้องมาร่วมรับฟังและแสดงจุดยืน โดยขาดเพียง นายวฤทธิ์ ญาณแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 9 นครศรีธรรมราชที่ไม่มาร่วมเท่านั้น
นายบุญโชค แก้วแกม นายก อบต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา เปิดเผยว่า เรามีหลักคิดที่สำคัญ คือ หลังจากที่พี่น้องคนท่าศาลาได้ยืนยันเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า “เราไม่เอา โรงไฟฟ้าถ่านหิน” เพราะรู้ถึงมหันตภัยของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเข้ามาทำลายบ้านเมืองที่อุดม สมบูรณ์ และน่าอยู่ของแผ่นดินท่าศาลา รวมทั้งทำลายความสุขสงบ เป็นภัยต่อชีวิตเป็นพิษต่อแผ่นดินไปชั่วลูกชั่วหลาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ของผู้นำท้องถิ่นและคนท่าศาลาทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เมื่อวันที่ 22-24 ก.พ.54 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่าเราต้องการดำรงไว้ซึ่ง “ท่าศาลาเมืองน่าอยู่ ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” เป็นกระแสความร่วมมือร่วมใจและเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันให้การปฏิบัติการที่ไม่ชอบมาพากลของ กฟผ.จำเป็นต้องถอยออกไปจากพื้นที่เป็นการชั่วคราว แต่คาดว่าหลังจากการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร มีสภาและรัฐบาลใหม่แล้ว กฟผ. ก็จะกลับเข้ามาดำเนินการคุกคามบ่อนทำลายความสงบสุขของคนท่าศาลาอีกครั้ง ด้วยเล่ห์กลมากมายหลายประการและแยบยลยิ่งขึ้น
“คนท่าศาลาจึงต้องแสดงพลังในการร่วมกันปกป้องแผ่นดินท่าศาลาของเราอย่างชัดเจนต่อเนื่อง และประกาศให้นักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางและนโยบายการพัฒนาประเทศได้รับรู้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า “ท่าศาลาเมืองน่าอยู่ ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” โดยเฉพาะในสถานการณ์การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ที่กำลังจะมาถึงนั้น คนท่าศาลาจะร่วมกันแสดงพลัง ว่า เราเลือกนักการเมืองและพรรคการเมืองที่รับรู้ เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนและยืนหยัดเคียงข้างความต้องการของคนท่าศาลา ในการปกป้องแผ่นดินให้รอดพ้นจากภัยคุกคามของโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยยืนยันประชามติร่วมกันว่า “คนท่าหลา เลือกพรรคที่...ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” นายก อบต.ท่าขึ้น กล่าว
นายบุญโชค กล่าวต่อว่า อนาคตของเราคนท่าศาลา ที่เรากำหนดแล้ว วันนี้นักการเมืองและพรรคการเมืองมีความชอบธรรมอย่างมากที่สุด ที่จะเป็นตัวแทนบอกรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเราต้องการ “ท่าศาลาเมืองน่าอยู่ ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” เพราะเราได้ออกมาแสดงประชามติจนเป็นที่ประจักษ์ในวงกว้างมาแล้วกระบวนการนำเสนอความต้องการของประชาชนแล้วให้ภาคการเมืองมารับความคิดเห็นเหล่านี้ไปดำเนินการถือเป็นครั้งแรกของประชาชนท่าศาลา ที่ผลักดันวาระประชาชนสู่เวทีการเมืองระดับชาติ และใช้กระบวนการประชาธิปไตย ที่มากกว่าการเลือกตั้ง
“วันนี้ทุกท่านอาสาเสนอตัวเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน แพ้หรือชนะไม่เป็นไรในทางการเมือง แต่หากเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องแผ่นดิน ทุกท่านได้ชนะหัวใจคนท่าศาลาไปไม่มากก็น้อย” นายก อบต.ท่าขึ้นกล่าวในที่สุด