ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวสวนยางเฮ ราคาทะลุ 70 บาท เหตุเศรษฐกิจฟื้น ความต้องการใช้ยางผลิตล้อรถสูง นายกสมาคมยางกระบี่ ฝากรัฐบาลประกันราคา หวั่นร่วงอีกในอนาคต
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบราคายางพาราซื้อขายด้วยวิธีการประมูลที่ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ราคาพุ่งสูงขึ้น และสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการซื้อขายยางพารา ในรอบ 2-3 ปีนี้ โดยราคายางแผ่นดิบคุณภาพชั้น 3 ราคากิโลกรัมละประมาณ 71 บาท ยางแผ่นรมควัน ราคากิโลกรัมละประมาณ 74 บาท และน้ำยางสดกิโลกรัมละประมาณ 65 บาท ซึ่งก็ทำให้เกษตรกรยางพาราทั่วประเทศยิ้มกันทั่วหน้า
นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคายางพุ่งสูงขึ้นในช่วงนี้มีอยู่หลายปัจจัย โดยปัจจัยต่างประเทศ มาจากแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่ประกาศออกมาล่าสุดเป็นบวก ซึ่งมีความต้องการยางพารา ในอันดับต้นๆ ของโลก เพื่อนำไปผลิตยางรถยนต์ นอกจากนี้ประเทศอินเดีย เองเศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และก็มีความต้องการยางพารามากเช่นเดียวกัน จึงเป็นตัวฉุดให้ราคายางพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับปัจจัยภายในประเทศไทย ก็คือเมื่อช่วงประมาณเดือนกันยายน และต่อเนื่องมาจนถึงเดือนตุลามคม 52 ที่ผ่านมา มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยมาก เนื่องจากเกิดปัญหาฝนตก น้ำท่วมและโรคระบาดเชื้อรา เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หรือเก็บเกี่ยวได้น้อย ในเมื่อความต้องการมีมากแต่ผลผลิตมีน้อย ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ ประมาณเดือนกันยายน มีการซื้อขายยางแผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่ประมาณ ราคากิโลกรัม 60 บาท ถัดมาเดือนตุลาคม เพิ่มเป็น 70 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 10 บาท/กิโลกรัม และมีท่าทีเพิ่มขึ้นอีก”
นายบุญส่งกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ การที่ทางรัฐบาลได้ตกลงกับองค์กรสวนยางระหว่างประเทศ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ว่าจะตั้งราคาพื้นฐานของยางพาราไม่ต่ำกว่า 80 บาท/กิโลกรัม ก็มีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขั้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าราคายางพาราจะก็ดีขึ้นในช่วงนี้ แต่เมื่อความต้องการของตลาดโลกลดลงราคายางก็จะร่วงลงมาอีก จึงอยากจะให้รัฐบาลช่วยประกันราคายางพารา เหมือนกับ ข้าว, ข้าวโพด ด้วยเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับราคายางในอนาคต
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบราคายางพาราซื้อขายด้วยวิธีการประมูลที่ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ราคาพุ่งสูงขึ้น และสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการซื้อขายยางพารา ในรอบ 2-3 ปีนี้ โดยราคายางแผ่นดิบคุณภาพชั้น 3 ราคากิโลกรัมละประมาณ 71 บาท ยางแผ่นรมควัน ราคากิโลกรัมละประมาณ 74 บาท และน้ำยางสดกิโลกรัมละประมาณ 65 บาท ซึ่งก็ทำให้เกษตรกรยางพาราทั่วประเทศยิ้มกันทั่วหน้า
นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคายางพุ่งสูงขึ้นในช่วงนี้มีอยู่หลายปัจจัย โดยปัจจัยต่างประเทศ มาจากแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่ประกาศออกมาล่าสุดเป็นบวก ซึ่งมีความต้องการยางพารา ในอันดับต้นๆ ของโลก เพื่อนำไปผลิตยางรถยนต์ นอกจากนี้ประเทศอินเดีย เองเศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และก็มีความต้องการยางพารามากเช่นเดียวกัน จึงเป็นตัวฉุดให้ราคายางพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับปัจจัยภายในประเทศไทย ก็คือเมื่อช่วงประมาณเดือนกันยายน และต่อเนื่องมาจนถึงเดือนตุลามคม 52 ที่ผ่านมา มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยมาก เนื่องจากเกิดปัญหาฝนตก น้ำท่วมและโรคระบาดเชื้อรา เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หรือเก็บเกี่ยวได้น้อย ในเมื่อความต้องการมีมากแต่ผลผลิตมีน้อย ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ ประมาณเดือนกันยายน มีการซื้อขายยางแผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่ประมาณ ราคากิโลกรัม 60 บาท ถัดมาเดือนตุลาคม เพิ่มเป็น 70 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 10 บาท/กิโลกรัม และมีท่าทีเพิ่มขึ้นอีก”
นายบุญส่งกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ การที่ทางรัฐบาลได้ตกลงกับองค์กรสวนยางระหว่างประเทศ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ว่าจะตั้งราคาพื้นฐานของยางพาราไม่ต่ำกว่า 80 บาท/กิโลกรัม ก็มีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขั้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าราคายางพาราจะก็ดีขึ้นในช่วงนี้ แต่เมื่อความต้องการของตลาดโลกลดลงราคายางก็จะร่วงลงมาอีก จึงอยากจะให้รัฐบาลช่วยประกันราคายางพารา เหมือนกับ ข้าว, ข้าวโพด ด้วยเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับราคายางในอนาคต