xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯภูเก็ตยังเฝ้าจับตาทางการเมือง พร้อมปกป้องความถูกต้องตลอดเวลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวอาภารัตน์   ชาติชุติกำจร    ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ภูเก็ต
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พันธมิตรฯ จ.ภูเก็ต เผยแม้ยุติการชุมนุมแต่ไม่เลิกจับตามอง พร้อมปกป้องความถูกต้องตลอดเวลา


นางสาวอาภารัตน์ ชาติชุติกำจร ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ภูเก็ต กล่าวถึงความสำเร็จในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการเช่นเดียวกับทางพันธมิตรฯในส่วนกลาง โดยมีการยุติการชุมนุม ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งที่ถือว่าประสบความสำเร็จในการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ดำเนินกระบวนการยุติธรรมเร็วขึ้น

สำหรับการตัดสินให้ยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค คิดว่าไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการพรรค ยังสามารถที่จะไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ได้ ตลอดจนจับกลุ่มกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ เช่นเดิม สำหรับการยุติการชุมนุมครั้งนี้ ถือเป็นของขวัญถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่เราเคารพและจงรักภักดี ในหน้าที่ของประชาชนคนหนึ่งที่จะทำได้ หรือประชาชนกลุ่มหนึ่งที่พึงจะกระทำได้ ซึ่งได้ประกาศอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าทุกอย่างที่ได้กระทำนั้น เพื่อเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกสิ่งที่กระทำ ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

สำหรับการชุมนุมที่ผ่านมา เราเพียงแต่เร่งขบวนการศาลให้มีการพิจารณาเร็วขึ้น ไม่ได้เป็นการกดดันศาลให้มีการพิจารณาไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวของมวลชน เพื่อเรียกร้องให้คำตัดสินให้ออกมาเร็วขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่าแนวทางของการเมืองในอนาคตจะเป็นอย่างไร เป็นคำตอบที่เราจะต้องรู้ว่าเราจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป

“หากในอนาคตกลุ่มการเมืองกลุ่มเดิมกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ประชาชนได้ทำหน้าที่ของประชาชนได้ดีที่สุดแล้ว เท่าที่ประชาชนจะทำได้ และได้มอบอำนาจทั้งหมดให้กับในส่วนของผู้ที่มีอำนาจในการดูแลประเทศ เช่น ทหาร พรรคการเมือง หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องช่วยดำเนินการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ว่า จะดำเนินการให้กับประชาชนอย่างไร เราทำดีที่สุดเท่าที่ประชาชนจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ส่วนทางภาคใต้ วอนพรรคประชาธิปัตย์ช่วยทำอะไรให้แก่ประชาชนกลับคืนบ้าง เพราะที่ผ่านมาประชาชนทำให้พรรคประชาธิปัตย์มากแล้ว ซึ่งคำตอบคงต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ค้นหาด้วยตนเองว่าจะทำอย่างไร” นางสาวอาภารัตน์ กล่าว

นางสาวอาภารัตน์ ยังกล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวโน้มการเมืองใหม่ที่ทางพันมิตรฯต้องการว่า การเมืองใหม่คือการเมืองที่ผู้ปกครองมีจริยธรรม ผู้ที่ลงเล่นการเมืองคือผู้ที่มีคุณธรรมและจริยธรรม นี่คือแนวทางของการเมืองใหม่ในอนาคต ซึ่งหากผู้ปกครองบ้านเมืองมีคุณธรรมและจริยธรรม ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ทุกปัญหา โดยไม่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือหากเจอการเรียกร้องใดๆ จะต้องมีแนวทางการแก้ไขที่ดีกว่าที่ผ่านมา

ขณะนี้คิดว่าไม่สามารถที่จะดึงใครคนใดคนหนึ่งมาเป็นนายกฯ หรือมาเป็นตุ๊กตาตรงนั้นได้ เพราะสิ่งสำคัญ คือ รูปลักษณ์ของสภา ต้องคอยดูว่าจะจัดตั้งสภากันได้หรือไม่ หากสามารถสรรหาพรรคการเมืองเพื่อจัดตั้งสภาได้ จึงจะถึงเวลาในการสรรหานายกฯ ฉะนั้น อยู่ที่ว่าจะแก้ไขปัญหาขณะนี้อย่างไรเป็นอับดับแรก

สำหรับกระแสข่าวที่ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง พร้อมที่จะถูกเสนอขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป นางสาวอาภารัตน์ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่มวลชนของพันธมิตรฯเท่านั้น แต่ต้องหาคำตอบของคนทั้งประเทศ และคิดว่าคงเป็นคำตอบเดียวกัน คือ คงจะยาก ที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ

ในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยในอนาคต นางสาวอาภารัตน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ได้อาจจะยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะต่อจากนี้ไปต้องคิดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ได้ความรู้ด้านการเมืองมากขึ้นกว่าเดิม ภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ASTV ถือเป็นสื่อที่มีบุญคุณกับประชาชนมาก ในการเผยแพร่ความรู้พร้อมทั้งปูพื้นการเมืองใหม่ๆให้กับประชาชนทั่วไป

จากเดิมที่เคยคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว แต่ ณ วันนี้ ประชาชนเริ่มเข้าใจบทบาทในการเรียกร้องเพื่อตนเอง และเข้าใจหน้าที่ของตนเองว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่เป็นหน้าที่ของทุกๆคนที่ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อเราต้องเดินออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ฉะนั้นทุกคนจะมองว่าการเมืองเป็นเรื่องที่ไกลตัวคงไม่ได้แล้ว จากนั้นทุกคนต้องมาเรียนรู้บทบาทของตนเองว่าจะมีหน้าที่อย่างไรกับการเมือง

อย่างน้อยการมีสื่อที่ดีให้ข้อมูลกับประชาชนถือเป็นความโชคดีอย่างมาก สื่อที่ง่ายที่สุดในการรับรู้คือโทรทัศน์ เนื่องจากคนไทยนิยมอ่านหนังสือกันน้อย ฉะนั้นเรามีสื่อดีเท่ากับเราได้ความรู้ให้กับตัวเราเอง ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ประชาชนมีความรู้ที่จะเลือกคนที่จะมาปกครองให้กับตัวเอง จึงอย่ามองว่า รัฐบาลจะเกิดขึ้นจากพรรคที่กล่าวถึงเพียงอย่างเดียว เนื่องจากประชาชนมีวิสัยทัศน์เรื่องการเมืองมากขึ้น แต่ต้องมองถึงอนาคตว่าหากถึงวันนั้นจริงๆ ค่อยมาแก้ปัญหาว่าจะเป็นอย่างไร และต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ประชาชนบางส่วนมีความรู้เรื่องการเมืองมากขึ้น จากเดิมอาจแค่ 10% ของคนที่พอจะมีความรู้เรื่องการเมือง แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 30% หลายคนเริ่มมีความรู้และเริ่มจะเรียนรู้บทบาทของตัวเองที่จะเคลื่อนไหวเมื่อเผชิญกับนักการเมืองที่ไม่โปร่งใสในการทำงาน หรือเรามีคำถามอะไร เรามีวิธีที่จะถาม ที่จะช่วยกันเรียกร้อง เพื่อจะแก้ไขปัญหาที่เราพบเจอ แต่ด้านนักการเมืองเองต้องมีการพิสูจน์ตัวเองว่าทำถูกต้องหรือไม่ ทุจริตหรือไม่ นั่นคือหน้าที่ของแต่ละส่วนที่จะต้องรับผิดชอบกันไป โดยสื่อมีส่วนทำให้คนมีความรู้มากขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองมากขึ้น

ในด้านของ เอ็นบีที บอกได้เลยว่าเป็นสื่อของรัฐ ส่วน เอเอสทีวี ได้ทำหน้าที่ของตนเอง เนื่องจากเอเอสทีวี มีหน้าทีเผยแพร่ข่าวสาร ในส่วนที่รัฐบาลได้กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือหน้าที่ของเอเอสทีวีที่มีจุดยืนที่ชัดเจนตลอดมา แต่เอ็นบีทีไม่ได้มีจุดยืนว่าเป็นสื่อของรัฐในส่วนนั้น เพียงแต่รัฐเข้าไปแทรกแซงให้เผยแพร่สื่อออกมาตามต้องการ เรียกว่าเป็นกระบอกเสียงให้ รัฐบาล ลองจับตาดูว่าหากรัฐบาลชุดนี้หมดอำนาจลง เอ็นบีทีจะทำงานอย่างไร เหมือนเช่นดังที่ผ่านมาหรือไม่

จากการที่ถูกประชาชน มองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความขัดแย้ง นางสาวอาภารัตน์ ชี้แจงว่า ทุกอย่างที่ทุกคนพูดถึง ไม่ใช่ความขัดแย้งดังที่ทุกคนเข้าใจ ลึกๆของปัญหามันไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่มันเกิดมาจากจริยธรรมของนักการเมือง การฉ้อโกง ทั้งหมดที่ถูกเผยแพร่ออกมา และการหลบเลี่ยงกฎหมาย แล้วบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งมีข้อมูลข่าวสารตรงนี้ ได้นำมาตีแผ่ต่อทุกๆคนโดยผ่านสื่อ ว่าเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจะต้องแก้ไขอย่างไร จริงๆแล้วพูดได้เลยว่ามันไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่รัฐบาลสร้างคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้เห็นภาพว่ามวลชนขัดแย้งกัน

นางสาวอาภารัตน์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ในช่วงสุญญากาศทางการเมืองขณะนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของพันธมิตรที่จะดำเนินการใดๆ เราก้าวออกมาแล้ว เป็นหน้าที่ของผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านของเมืองที่จะแก้ปัญหาว่าควรจะหยิบฉวยโอกาสในขณะนี้ว่า จะทำประโยชน์ให้กับประเทศอย่างไร ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องทำเพื่อประเทศแล้ว ไม่ใช่ประชาชน เนื่องจากประชาชนเหนื่อยล้ามามากพอแล้ว ในการออกมาทำหน้าที่ของตนเองและเต็มที่ ที่ประชาชนจะตอบแทนในฐานะข้าของแผ่นดิน

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะมองอยู่ห่างๆ เพราะเราเฝ้ามองการกระทำที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ที่เขากระทำ ตราบใดที่เราเห็นว่าสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่ถูกต้อง เราก็เห็นด้วย และปล่อยให้ดำเนินการไปตามเกณฑ์ที่วางไว้ แต่ถ้าเกิดมีบางจุดที่ไม่ถูกดต้อง เสียงของเราก็ยังดังออกมาเช่นเดิม โดยการเรียกร้องในลักษณะต่างๆ และพันธมิตรพร้อมที่จะออกมาปกป้องความถูกต้องภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญกำหนดให้เราทำตลอดเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น