ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ยกพวกบุกศาลากลางจังหวัด ร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เอาผิดขบวนการบุกรุกป่า ด้านทางจังหวัดประชุมเครียดรับปากพร้อมดำเนินการทันที
วันนี้ (6 พ.ค.) กลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา จำนวน 60 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา เพื่อขอพบ นายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมถือแผ่นป้ายโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มีข้อความว่า “เราเอาป่าไม้ แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดสงขลาเราไม่เอา” “ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่กล้าจับผู้บุกรุกป่า หรือว่าจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน” “ป่าต้นน้ำถูกทำลาย เจ้าหน้าที่ป่าไม้อยู่ที่ไหน ป่าไม้ฉิบหายหมดแล้ว” “เจ้าหน้าที่ไร้ความสามารถขี้ขลาด ขาดความรับผิดชอบ อย่ามาเป็นปอบลักลอบกินป่า” “ป่าหมดน้ำหมดเจ้าหน้าที่ใจคด ประชาชนหมดที่พึ่ง” และ”คนคลองหอยโข่งไม่ต้องการเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ไม่ทำงาน ไม่รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง”
โดยมี นายประวิทย์ ทองประสม ประธานกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ และ นายจรัล ช่วยเอียด ที่ปรึกษากลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ เป็นแกนนำในการนำกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ อำเภอคลองหอยโข่งมาพบยื่นหนังสือในครั้งนี้
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 กองกำลังผสม ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหอยโข่ง ตชด.และกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ ได้เข้าตรวจสอบพบพื้นที่บุกรุกแผ้วถางปลูกยางพาราและสวนผลไม้ไปแล้วหลายร้อยไร่ และมีการสร้างบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 30 หลังคาเรือน
บางแปลงก็เคยถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตรวจยึดแล้ว แต่ผู้บุกรุกก็ยังอยู่ในพื้นที่โดยไม่เกรงกลัวความผิด พร้อมทั้งอ้างว่า บ้านพักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว มีบ้านเลขที่ชั่วคราว อยู่ในเขตอำเภอสะเดา หมู่ที่ 11 ต.ปาดังเบซาร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้อ้างว่าไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เนื่องจากอยู่คนละเขตกับอำเภอสะเดา ทำให้ไม่มีการดำเนินการใดๆ กับผู้กระทำผิดได้ โดยในการเดินทางมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งนี้ เพื่อยื่นข้อสงสัยและข้อเรียกร้อง 4 ข้อ
คือ 1.ทำไมในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงสามารถออกบ้านเลขที่ได้ ใครเป็นผู้ออกให้ทั้งที่เป็นป่าต้นน้ำสำคัญ ป่าสงวนโซน เอ ข้อ 2.กรณีพบผู้ต้องหาในพื้นที่ที่ได้ตรวจยึดไว้แล้ว ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ทำการจับกุม ข้อ 3.เมื่อพบผู้กระทำผิดบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแล้วไม่จับกุม เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ 4.เมื่อพบผู้กระทำผิดบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในเขตใด ท้องที่ใด อำเภอใด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็สามารถจับกุมดำเนินคดีแก่ท้องที่ที่เกิดเหตุได้ใช่หรือไม่
จังหวัดสงขลาได้ให้ทางกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ ส่งตัวแทนเข้าพบที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และมีการพูดคุยกัน โดยมีนายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอัครพล บุณยนิตย์ ปลัดจังหวัดสงขลา นายสุทธิ มโนธรรมพิทักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา นายพิทยา รัฐกาญจน์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 18 สงขลา นายประวิทย์ ทองประสม ประธานกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ และนายจรัล ช่วยเอียด ที่ปรึกษากลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำโดยใช้เวลาในการประชุมร่วมกันประมาณ 20 นาที
ทั้งนี้ มีข้อสรุป คือ ในพื้นที่ 600 ไร่ ทางกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะกันไว้ทำหมู่บ้านป่าไม้ใหม่ ซึ่งยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนป่านอกเหนือจากนี้ทางอำเภอคลองหอยโข่ง ปลัดจังหวัด และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ก็จะดำเนินการผู้ที่ทำการบุกรุกอย่างเด็ดขาดตามแผนที่ที่เรามีอยู่ต่อไป โดยขอให้ทุกฝ่ายช่วยกัน อยากให้ทางกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ ได้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วยและร่วมมือกัน เพื่อความสบายใจกันทุกฝ่าย
หลังจากนี้ หากมีปัญหาในพื้นที่ จังหวัดก็จะลงไปดำเนินการให้ตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมที่จะลงไปแก้ไขปัญหาด้วยตนเองทุกเวลา ซึ่งกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำต่างพอใจและได้สลายตัวไปอย่างสงบ