xs
xsm
sm
md
lg

ชาวเชียงแสนร้องตระกูลการเมืองดังรุกป่าชุมชน 100 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงราย - กรรมการ 3 หมู่บ้านในเชียงแสน ร้องผู้ว่าฯ ให้เข้าตรวจสอบการได้มาของเอกสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก. บริเวณที่ป่าชุมชนโครงการอนุรักษ์ป่าชุมชนต้นน้ำห้วยห้อมของเครือญาติตระกูลนักการเมืองดังจากสุพรรณบุรีหลังทำเรื่องร้องไปที่อำเภอฯกว่าปีแต่เรื่องเงียบ

คณะกรรมการหมู่บ้านเวียงเหนือ หมู่ที่ 2 บ้านห้วยเกี๋ยง หมู่ที่ 8 บ้านจอมกิตติ หมู่ที่ 6 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ทำหนังสือร้องเรียนส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และร้องเรียนสื่อมวลชน ให้เข้าตรวจสอบการได้มาของเอกสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก. บริเวณที่ป่าชุมชนโครงการอนุรักษ์ป่าชุมชนต้นน้ำห้วยห้อม ของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเครือญาติตระกูลนักการเมืองดัง จ.สุพรรณบุรี ว่าได้เอกสารสิทธิมาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

คณะกรรมการหมู่บ้าน 3 หมู่บ้าน ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียน ให้ทางอำเภอเชียงแสน เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งเวลาผ่านไปถึง 1 ปี ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ซึ่งทางคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้พิจารณาเห็นว่าหากปล่อยไว้นานโดยไม่มีการตรวจสอบ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ทำให้ไม่สามารถจัดทำเอกสารสิทธิป่าชุมชนได้สำเร็จ และจะทำให้เกิดการบุกรุกครอบครองพื้นที่ จนไม่สามารถรักษาป่าต้นน้ำผืนนี้เอาไว้ได้

สภาพปัญหาข้อพิพาทในปัจจุบัน อยู่ที่ผู้มีรายชื่อ 3 ราย ที่อ้างการครอบครองกรรมสิทธิบนที่ดิน จำนวน 3 ผืน คือ ผืนแรกเนื้อที่ 47 ไร่ 60 ตารางวา และผืนที่ 2 มีเนื้อที่ 50 ไร่ รวม 97 ไร่ 60 ตารางวา อ้างว่า ซึ่งทั้ง 2 ผืนนี้เป็นคนตระกูลนักการเมืองดัง จ.สุพรรณบุรี

ส่วนที่ป่าอีกผืน มีเนื้อที่ 50 ไร่ ครอบครองโดยชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ระบุว่าได้รับการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2513 โดยสำนักงานที่ดิน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทางคณะกรรมการป่าชุมชน เกรงว่าจะมีความไม่ชอบมาพากล เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณ 10 ปี ชาวบ้านได้กันแนวเขตป่าชุมชนไว้หมดแล้ว อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวยังมีความลาดชันเกินกว่า 40 องศา จึงเชื่อว่าเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.ที่นายทุนมีอยู่ จะออกมาทีหลังจากที่ได้กันแนวเขตไว้แล้วและออกโดยมิชอบ

ด้านนายพงษ์เดช รัตนานุกูล ผู้อำนวยการส่วนป่าชุมชน ดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ ต.เวียง อ.เชียงแสน ที่มีการทำแนวเขตป่าชุมชนกับทางกรมป่าไม้ มีเพียง 2 จุด คือ บ้านสบคำ หมู่ที่ 5 ที่มีการอนุมัติเป็นเขตป่าชุมชนเมื่อปี 2548 และบ้านจอมกิตติ หมู่ที่ 6 ที่เพิ่งได้รับอนุมัติเป็นเขตป่าชุมชนเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนบ้านห้วยเกี๋ยงและบ้านเวียงเหนือ ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตป่าชุมชน แต่เข้าข่ายลักษณะเป็นการดูแลพิทักษ์ป่ากันเองของท้องถิ่น

นายพงษ์เดช กล่าวว่า ส่วนจะพิสูจน์ว่านายทุนได้ครอบครองเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ จะต้องพิสูจน์จากสภาพภูมิประเทศ ว่าเป็นพื้นที่อะไร อยู่ในหรือนอกเขตป่า ซึ่งแต่เดิมมีมติออกมาว่าหากมีการเข้าทำประโยชน์ในเขตป่า จะต้องมีการแจ้งการครอบครองพื้นให้ทางหน่วยป่าไม้รับทราบ ซึ่งกรณีข้อขัดแย้งที่มีอยู่นี้ ทราบว่ากลุ่มผู้ครองครอบมีเอกสารมาโต้แย้ง จึงต้องดูในรายละเอียดชี้ชัด หากเข้าครอบครองที่ป่าแบบธรรมดา โดยไม่มีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ก็ไม่สามารถเอาผิดได้ แต่ทั้งนี้หากเป็นเขตป่าและมีการตัดไม้ทำลายป่า ก็สามารถดำเนินคดีกับผู้บุกรุกได้
กำลังโหลดความคิดเห็น