พัทลุง – ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงวางมาตรการเข้ม สั่งฝ่ายปกครองในพื้นที่ 6 อำเภอ 150 หมู่บ้าน เฝ้าระวังการบุกรุกทำลายป่าเทือกเขาบรรทัด หลังพบพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมเป็นวงกว้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจากจังหวัดพัทลุงว่า พื้นที่ป่าต้นน้ำเทือกเขาบรรทัดที่ทอดยาวครอบคลุม4 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช สตูล และจังหวัดพัทลุง เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ในทุกปีมีชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกทำลาย และจับจองพื้นที่โดยการโค่นทำลายป่าต้นน้ำเป็นจำนวนมาก นำให้ปริมาณน้ำในลำคลองต่างๆ ที่ไหลลงมาหล่อเลี้ยงชุมชน นำมาใช้ในการประกอบอาชีพ และอุปโภค น้อยลงมามากขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่กำลังจะมาถึง ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดพัทลุงเริ่มมีผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ริมทะเลสาบและทะเลสาบสงขลาที่มีน้ำจืดน้อยลง ทำให้ระบบนิเวศในทะเลเริ่มมีผลกระทบ สัตว์น้ำบางชนิดศูนย์พันธ์และหายสาบสูญไป
นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า พื้นที่ป่าต้นน้ำบริเวณเทือกเขาบรรทัดของจังหวัดพัทลุง พบมีการบุรุกทำลายลงทุกปี แม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีปริมาณที่ลดลงก็ตาม แต่ก็ยังพบมีการบุกรุก แผ้วถาง และลักลอบตัดไม้ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งในช่วงหน้าแล้ง มีการลักลอบเผากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งทางจังหวัดเตรียมวางมาตรการเข้มเพื่อป้องกันการบุกรุกและทำลายป่าต้นน้ำ ใน 6 อำเภอ คืออำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอกงหรา อำเภอศรีบรรพต และอำเภอศรีนครินทร์ รวม 150 หมู่บ้าน
โดยให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น ตั้งด่านตรวจบนเส้นทางรอบบริเวณแนวป่า ให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตามหมู่บ้านแนวเทือกเขาจัดอบรมราษฎรอาสา เพื่อสร้างจิตสำนึกในการหวงแหนผืนป่า พร้อมทั้งได้สั่งการไปยังอัยการจังหวัดเสนอต่อศาลให้ยึดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดที่ยึดมาได้เป็นของหลวงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจากจังหวัดพัทลุงว่า พื้นที่ป่าต้นน้ำเทือกเขาบรรทัดที่ทอดยาวครอบคลุม4 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช สตูล และจังหวัดพัทลุง เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ในทุกปีมีชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกทำลาย และจับจองพื้นที่โดยการโค่นทำลายป่าต้นน้ำเป็นจำนวนมาก นำให้ปริมาณน้ำในลำคลองต่างๆ ที่ไหลลงมาหล่อเลี้ยงชุมชน นำมาใช้ในการประกอบอาชีพ และอุปโภค น้อยลงมามากขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่กำลังจะมาถึง ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดพัทลุงเริ่มมีผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ริมทะเลสาบและทะเลสาบสงขลาที่มีน้ำจืดน้อยลง ทำให้ระบบนิเวศในทะเลเริ่มมีผลกระทบ สัตว์น้ำบางชนิดศูนย์พันธ์และหายสาบสูญไป
นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า พื้นที่ป่าต้นน้ำบริเวณเทือกเขาบรรทัดของจังหวัดพัทลุง พบมีการบุรุกทำลายลงทุกปี แม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีปริมาณที่ลดลงก็ตาม แต่ก็ยังพบมีการบุกรุก แผ้วถาง และลักลอบตัดไม้ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งในช่วงหน้าแล้ง มีการลักลอบเผากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งทางจังหวัดเตรียมวางมาตรการเข้มเพื่อป้องกันการบุกรุกและทำลายป่าต้นน้ำ ใน 6 อำเภอ คืออำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอกงหรา อำเภอศรีบรรพต และอำเภอศรีนครินทร์ รวม 150 หมู่บ้าน
โดยให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น ตั้งด่านตรวจบนเส้นทางรอบบริเวณแนวป่า ให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตามหมู่บ้านแนวเทือกเขาจัดอบรมราษฎรอาสา เพื่อสร้างจิตสำนึกในการหวงแหนผืนป่า พร้อมทั้งได้สั่งการไปยังอัยการจังหวัดเสนอต่อศาลให้ยึดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดที่ยึดมาได้เป็นของหลวงต่อไป
