ระนอง - ผวจ.ระนอง วางมาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าห้วยหลุง
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระนอง นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าห้วยหลุง หมู่ที่ 1 ต.หาดส้มแป้น อ.เมืองระนอง หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัด สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้กว่า 1,400 ไร่ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2551
โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด อัยการจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอเมือง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ป้องกันจังหวัด หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รน.8 อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว และทหารหน่วยเฉพาะกิจเสือดำ
นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ป้องกันจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทำลายมี 67 แปลง เนื้อที่ทั้งสิ้น 1,438 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น-ราชกรูด 45 แปลง เนื้อที่ 950ไร่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว 22 แปลง เนื้อที่ 488 ไร่
ส่วนมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายห้วยหลุงนั้น ได้เสนอแนวทาง 3 มาตรการ คือ มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน และมาตรการฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์มีความไม่พอใจและพยายามเคลื่อนไหว เพื่อนำมวลชนมาประท้วงการทำงานของจังหวัด ในขณะที่ประชาชนโดยทั่วไปเห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพราะเห็นว่าพื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าต้นน้ำ
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง เป็นธรรม สามารถแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าบริเวณดังกล่าวได้อย่างแท้จริง และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน อีกทั้งสามารถเป็นต้นแบบให้กับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าบริเวณพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
โดยจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 2 ชุด เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกรายแปลง เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2551 เป็นต้นไป ชุดหนึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อีกชุดหนึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ โดยยึดมติ ครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 เป็นหลัก
กล่าวคือ ใครที่ครอบครองพื้นที่ก่อนมติ ครม.30 มิ.ย.2541 สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวพืชผลอาสินได้ แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งต้องมีการตรวจพิสูจน์กัน ส่วนที่ดินที่ถูกบุกรุกหลังวันที่ 30 มิ.ย.2541 จะต้องตรวจยึดกลับคืนมาเป็นของรัฐ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายผู้รับผิดชอบต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 เม.ย.2551 โดยจะไม่ยอมให้ใครมาแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอย่างเด็ดขาด
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระนอง นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าห้วยหลุง หมู่ที่ 1 ต.หาดส้มแป้น อ.เมืองระนอง หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัด สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้กว่า 1,400 ไร่ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2551
โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด อัยการจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอเมือง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ป้องกันจังหวัด หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รน.8 อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว และทหารหน่วยเฉพาะกิจเสือดำ
นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ป้องกันจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทำลายมี 67 แปลง เนื้อที่ทั้งสิ้น 1,438 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น-ราชกรูด 45 แปลง เนื้อที่ 950ไร่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว 22 แปลง เนื้อที่ 488 ไร่
ส่วนมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายห้วยหลุงนั้น ได้เสนอแนวทาง 3 มาตรการ คือ มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน และมาตรการฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์มีความไม่พอใจและพยายามเคลื่อนไหว เพื่อนำมวลชนมาประท้วงการทำงานของจังหวัด ในขณะที่ประชาชนโดยทั่วไปเห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพราะเห็นว่าพื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าต้นน้ำ
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง เป็นธรรม สามารถแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าบริเวณดังกล่าวได้อย่างแท้จริง และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน อีกทั้งสามารถเป็นต้นแบบให้กับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าบริเวณพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
โดยจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 2 ชุด เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกรายแปลง เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2551 เป็นต้นไป ชุดหนึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อีกชุดหนึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ โดยยึดมติ ครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 เป็นหลัก
กล่าวคือ ใครที่ครอบครองพื้นที่ก่อนมติ ครม.30 มิ.ย.2541 สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวพืชผลอาสินได้ แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งต้องมีการตรวจพิสูจน์กัน ส่วนที่ดินที่ถูกบุกรุกหลังวันที่ 30 มิ.ย.2541 จะต้องตรวจยึดกลับคืนมาเป็นของรัฐ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายผู้รับผิดชอบต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 เม.ย.2551 โดยจะไม่ยอมให้ใครมาแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอย่างเด็ดขาด
