ชาวบ้านชุมพร 400 คน ลุกฮือปิดล้อม จนท.ป่าไม้กว่า 60 คน ขณะนำเครื่องมือเข้ารื้อถอนต้นปาล์ม ยางพารา ในเขตป่าต้นน้ำท่าแซะแต่สุดท้ายตกลงกันได้ โดยเจ้าหน้าที่ยอมถอนกำลัง ส่วนชาวบ้านจะยื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ จันทร์นี้
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 21 มีนาคม 2551 กลุ่มราษฎรประมาณ 400 คนในพื้นที่หมู่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ร่วมกันชุมนุมปิดถนนหัวท้ายทางเข้าหมู่บ้าน กักตัวกำลังเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ด้านทิศใต้ และกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) เสือดำ กองกำลังสุรสีห์ ประมาณ 60 นาย ห้ามเคลื่อนกำลังออกไปจากจุดดังกล่าว เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่จะนำเครื่องมือเข้าไปทำการรื้อถอนพืชผลทางการเกษตร เช่น ปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา ของกลุ่มผู้ประท้วงที่นำไปปลูกในพื้นที่ป่าต้นน้ำป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-ป่าสลุย ในพื้นที่ ม.5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นนายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร ได้นำกำลัง อส.และเจ้าหน้ที่ เข้าทำการจับกุมแต่โดนชาวบ้านและกลุ่มนายทุนดังกล่าวโค่นต้นไม้ขวางถนนไม่ให้ ผวจ.ชุมพร เข้าพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบและจับกุม จนต้องในวิธีเดินทางด้วยเท้าเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายราว 5 กม.เพื่อตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าว
นายธวัช สุระบาล นายอำเภอท่าแซะ ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการนอกพื้นที่ ได้รับรายงานแล้วแจ้งให้ นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร รับทราบ ก่อนมอบหมายให้ นายชนะกาญจน์ ทิพย์ประเสริฐสุข ปลัดอาวุโส เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์
หลังจากนั้น นายชนะกาญจน์ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) อำเภอท่าแซะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ที่ 414 ชุมพร ประมาณ 50 นาย เดินทางไปสบทบกำลังชุดแรกที่ถูกปิดกั้นถนนห้ามผ่านเข้าไปในพื้นที่เป้าหมาย
นายธวัช กล่าวว่า การบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติรับร่อ-สลุย เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549-2550 ซึ่งทางอำเภอท่าแซะ ได้มีการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดแล้วหลายราย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้ง 60 นาย เดินทางเข้าไปในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 12.00 น.วันเดียวกัน เพื่อรื้อถอนพืชผลทางการเกษตรที่ชาวบ้านนำเข้าไปปลูกเพื่อบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2551 นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 นาย เข้าไปรื้อถอนพืชผลเหล่านี้ได้แล้วจำนวน 10 แปลง เป็นพื้นที่ประมาณ 136 ไร่ แต่ยังเหลือพื้นที่อีก 1 แปลง ประมาณ 24 ไร่ เนื่องจากผู้บุกรุกป่ามีการวางกับดักสัตว์ที่เรียกว่า “จั่นห้าว” แล้วใช้กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ใส่เข้าไปในกับดัก หากมีใครเผลอเหยียบกับดักก็จะถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองทันที จึงไม่สามารถทำการรื้อถอนได้
ด้าน นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า สถานการณ์ยังไม่รุนแรงเพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีท่าทีที่เป็นมิตร เพียงแต่ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไป และกลับออกมา เพราะต้องการความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าไปรื้อถอนพืชผลของชาวบ้านนอกเหนือจากการรื้อถอนพืชผลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ได้สั่งเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เอาไว้พร้อมแล้ว หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นก็พร้อมจะเคลื่อนกำลังเข้าไประงับเหตุทันที ระหว่างนี้คงต้องใช้วิธีเจรจาเพื่อช่วยกันนำตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 60 นายกลับออกมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเจ้าหน้าที่ทั้ง 60 นาย ถูกปิดถนนกั้นห้ามเข้าออกพื้นที่ดังกล่าวนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 18.30 น.วันเดียวกัน แกนนำชาวบ้านและเจ้าหน้าที่สามารถเจรจาตกลงกันได้ โดยกลุ่มผู้ประท้วงขอให้กำลังเจ้าหน้าที่สลายตัวกลับออกไป และในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม กลุ่มชาวบ้านที่มาประท้วงปิดถนนจะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องต่อ นายมานิตย์ วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร ถึงความเดือดร้อนหาข้อยุติจากกรณีดังกล่าว ในที่สุดเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ประท้วงสลายตัวแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุการณ์บานปลายใหญ่โตขึ้น
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 21 มีนาคม 2551 กลุ่มราษฎรประมาณ 400 คนในพื้นที่หมู่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ร่วมกันชุมนุมปิดถนนหัวท้ายทางเข้าหมู่บ้าน กักตัวกำลังเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ด้านทิศใต้ และกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) เสือดำ กองกำลังสุรสีห์ ประมาณ 60 นาย ห้ามเคลื่อนกำลังออกไปจากจุดดังกล่าว เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่จะนำเครื่องมือเข้าไปทำการรื้อถอนพืชผลทางการเกษตร เช่น ปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา ของกลุ่มผู้ประท้วงที่นำไปปลูกในพื้นที่ป่าต้นน้ำป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-ป่าสลุย ในพื้นที่ ม.5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นนายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร ได้นำกำลัง อส.และเจ้าหน้ที่ เข้าทำการจับกุมแต่โดนชาวบ้านและกลุ่มนายทุนดังกล่าวโค่นต้นไม้ขวางถนนไม่ให้ ผวจ.ชุมพร เข้าพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบและจับกุม จนต้องในวิธีเดินทางด้วยเท้าเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายราว 5 กม.เพื่อตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าว
นายธวัช สุระบาล นายอำเภอท่าแซะ ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการนอกพื้นที่ ได้รับรายงานแล้วแจ้งให้ นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร รับทราบ ก่อนมอบหมายให้ นายชนะกาญจน์ ทิพย์ประเสริฐสุข ปลัดอาวุโส เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์
หลังจากนั้น นายชนะกาญจน์ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) อำเภอท่าแซะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ที่ 414 ชุมพร ประมาณ 50 นาย เดินทางไปสบทบกำลังชุดแรกที่ถูกปิดกั้นถนนห้ามผ่านเข้าไปในพื้นที่เป้าหมาย
นายธวัช กล่าวว่า การบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติรับร่อ-สลุย เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549-2550 ซึ่งทางอำเภอท่าแซะ ได้มีการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดแล้วหลายราย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้ง 60 นาย เดินทางเข้าไปในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 12.00 น.วันเดียวกัน เพื่อรื้อถอนพืชผลทางการเกษตรที่ชาวบ้านนำเข้าไปปลูกเพื่อบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2551 นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 นาย เข้าไปรื้อถอนพืชผลเหล่านี้ได้แล้วจำนวน 10 แปลง เป็นพื้นที่ประมาณ 136 ไร่ แต่ยังเหลือพื้นที่อีก 1 แปลง ประมาณ 24 ไร่ เนื่องจากผู้บุกรุกป่ามีการวางกับดักสัตว์ที่เรียกว่า “จั่นห้าว” แล้วใช้กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ใส่เข้าไปในกับดัก หากมีใครเผลอเหยียบกับดักก็จะถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองทันที จึงไม่สามารถทำการรื้อถอนได้
ด้าน นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า สถานการณ์ยังไม่รุนแรงเพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีท่าทีที่เป็นมิตร เพียงแต่ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไป และกลับออกมา เพราะต้องการความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าไปรื้อถอนพืชผลของชาวบ้านนอกเหนือจากการรื้อถอนพืชผลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ได้สั่งเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เอาไว้พร้อมแล้ว หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นก็พร้อมจะเคลื่อนกำลังเข้าไประงับเหตุทันที ระหว่างนี้คงต้องใช้วิธีเจรจาเพื่อช่วยกันนำตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 60 นายกลับออกมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเจ้าหน้าที่ทั้ง 60 นาย ถูกปิดถนนกั้นห้ามเข้าออกพื้นที่ดังกล่าวนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 18.30 น.วันเดียวกัน แกนนำชาวบ้านและเจ้าหน้าที่สามารถเจรจาตกลงกันได้ โดยกลุ่มผู้ประท้วงขอให้กำลังเจ้าหน้าที่สลายตัวกลับออกไป และในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม กลุ่มชาวบ้านที่มาประท้วงปิดถนนจะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องต่อ นายมานิตย์ วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร ถึงความเดือดร้อนหาข้อยุติจากกรณีดังกล่าว ในที่สุดเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ประท้วงสลายตัวแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุการณ์บานปลายใหญ่โตขึ้น
