นครศรีธรรมราช - โค่นระห่ำป่าสงวนแห่งชาตินครศรีธรรมราช เหี้ยนนับพันไร่ อ.บางขัน หนักสุด ซึ่งมีทั้งตัดไม้จำหน่าย ปลูกยางพารา และแอบอ้างเอกสารสิทธิ์ เจ้าหน้าที่รับปัญหาใหญ่กำลังคนน้อย ค่าน้ำมันเดือนละ 3 พัน กับบุคลากรและเครื่องมืออันน้อยนิดหมดปัญญารักษา
การทำลายทรัพยากรป่าไม้ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นครศรีธรรมราช พบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ถูกบุกรุกกว่า 50 จุดรวมนับพันไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2551 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการบินสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีอยู่ 69 แห่ง มีพื้นที่รวมกว่า 1 ล้านไร่ พบปัญหาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช
พบว่า มีการบุกรุกอย่างต่อเนื่องและเป็นพื้นที่กว้างหลายสิบจุด ซึ่งในการบินสำรวจนั้นสามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาไซ-ควนเขาเพรา-ควนประ ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช มีนายทุนและชาวบ้านเข้าบุกรุกตัดโค่นไม้เถื่อน และใช้พื้นที่ทำการเกษตรอย่างมโหฬาร
นายไกเพชญ ปาณสมบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยถึงปัญหาดังกล่าว ว่า ในส่วนของอำเภอบางขันนั้น ถือว่าเป็นเมืองที่มีรายได้ต่อหัวของประชากรสูงสุดในนครศรีธรรมราช แต่ก็มีปัญหาการบุรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ทำสวนยางพารา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่ดังกล่าวมีการตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ซึ่งดูแลป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนของกรมอุทยานนั้นจะดูแลในส่วนของอุทยานแห่งชาติ และสัตว์ป่า ซึ่งทางพื้นที่อนุรักษ์นั้นติดตามและให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
นายวีระศักดิ์ วงศ์วิวัฒน์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ยอมรับว่า ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าขยายวงกว้างมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาของทรัพยากรธรรมชาติเองคือไม่มีเครื่องมือ ไม่มีคน และไม่มีงบประมาณ
หลังจากปฏิรูประบบราชการแล้วพื้นที่เหล่านี้ไปขึ้นกับป่าไม้ทรัพยากรธรรมชาติ มีหน้าที่คล้ายกับเลขาผู้ว่าราชการจังหวัดประสานงานกับกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือเป็นเพียงตัวประสาน อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นได้มีการประสานกับ ตชด. ตำรวจและฝ่ายปกครองในการกวาดล้างจับกุมอยู่เสมอ ซึ่งพยายามทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ในการเข้าแก้ไขปัญหา
“กลุ่มผู้บุกรุกนั้นมีมากขึ้น และใช้วิธีการบุกรุกทำลายป่าในช่วงกลางคืน ความชัดเจนในการบุกรุกยอมรับว่ามีมากขึ้นหลังจากการปฏิรูปราชการ แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าร่องรอยเข้าสู่ระบบแล้วการเดินหน้าของงานจะมีมากขึ้นตามลำดับ ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาการบุกรุกเท่านั้นแต่ยังมีเรื่องของการจับกุมแล้วมีการอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพิสูจน์กันอีกกับที่ดิน บางครั้งพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้งุนงงอยู่เช่นกัน”
ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามในพื้นที่รายหนึ่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเข้าไปแก้ปัญหาได้ หรือควบคุมได้เนื่องจากข้อเท็จจริงนั้นผู้นำท้องถิ่น ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน มีอำนาจอยู่แล้วในการจัดการแก้ปัญหา และสำคัญ คือ อยู่ในพื้นที่ต้องรู้ว่าการบุกรุกนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และใครเป็นผู้ทำ
“ลำพังให้เจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียวกับพื้นที่เป็นหมื่นไร่มีอยู่ 1-2 คนกับเงินค้าน้ำมันอีกเดือนละ 3,000 บาท ระดับหัวหน้าหน่วยค่าน้ำมันเดือนละ 5 พันบาทไม่มีกำลังเพียงพอที่จะติดตามแก้ไขปัญหา ภาพที่ปรากฏนั้นเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติรอยต่อกับป่าเขาขาว ต.เขาขาว อ.ทุ่งสง ซึ่งมีลักษณะการบุกรุกเช่นนี้เหมือนกัน”
เจ้าหน้าที่เดิมกล่าวว่า การบุกรุกนั้นมีหลายกลุ่มวัดเอาได้จากพื้นที่ที่บุกรุก ส่วนหนึ่งมาจากชาวบ้านรอบนอกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ กลุ่มทุนนั้นมีน้อย หรือถ้ากลุ่มทุนไม่ถึงกับกลุ่มใหญ่ ขนาด 10-20 ไร่เป็นกลุ่มชาวบ้านเป็นหลัก มากกว่านั้นขึ้นไปจะเป็นกลุ่มที่มาจากภายนอก
วิธีการง่ายมากในการบุกรุกอาศัยช่วงที่ปลอดเจ้าหน้าที่ จะใช้เลื่อยยนต์เข้าไปตัดโค่นลงภายในครั้งเดียวจนพื้นที่ป่าราบไปทั้งหมดจนพอใจจากนั้นทิ้งไว้จนแห้ง และรอเวลามาเผาใช้ไม้ขีดแค่ก้านเดียวก็วอดไปทั้งหมด บางรายไม่ต้องเลื่อยไม้เผาไม้ทิ้งไปด้วย และมีแนวโน้มของเรื่องไฟป่าตามมา
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องสถานการณ์ไฟป่าในภาพรวมจึงยังไม่ปรากฎ ส่วนพื้นที่เมื่อถึงเวลาจะเอายางพารามาปลูก รัฐไม่ได้แก้ปัญหาตรงนี้อย่างชัดเจน ชาวบ้านจึงรุกเข้าไปเรื่อยเมื่อยางพาราราคาสูงยิ่งเข้าไปเพื่อเอาพื้นที่ ที่สำคัญ ขณะนี้มีข้าราชการที่ม ีอำนาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการบุกรุกด้วย
“เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมกฎหมายก็ไม่ได้ลงโทษอย่างจริงจัง ไม่ได้มีความเกรงกลัวจากผู้กระทำความผิด ควรที่จะใช้ ม.25 ในการจัดการกับปัญหาเมื่อเข้าไปพบเจ้าหน้าที่สามารถตัดโค่นทิ้งได้ทันทีไม่เช่นนั้นปัญหาก็ไม่จบ ส่วนเจ้าหน้าที่เองเมื่อเอาจริงจะได้รับผลกระทบบ้างเช่นกัน อย่างตัวผมนั้นโดนมาเยอะ” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว