ชุมพร -แก๊งบุกรุกป่าเหิมเกริม โค่นต้นไม้ใหญ่ขวางทาง ผวจ.ชุมพร ขณะสนธินำกำลัง 150 นาย บุกเข้าตรวจยึดพื้นที่
เมื่อวันที่ 15 มันาคม 2551 ที่ผ่านมา นายมานิตย์ วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร นายธวัช สุระบาล นายอำเภอท่าแซะ พ.อ.บัญชา สินเจริญ เสนาธิการจังหวัดทหารบกชุมพร นายเริงชัย ประยูรเวช ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 สุราษฎร์ธานี นายสุวโรช พะลัง ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม 7 และตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ด้านทิศเหนือ และทิศใต้ กองร้อย อส.อำเภอท่าแซะ หน่วยเฉพาะกิจเสือดำ ตำรวจภูธรท่าแซะ ตำรวจตระเวชชายแดนที่ 41 และหน่วยภาคสนาม สังกัดกรมป่าไม้ รวมกำลังกว่า 150 นาย บุกเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนป่าต้นน้ำ เพื่อทำการรื้อถอนต้นยางพารา และปาล์มน้ำมัน
ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับรายงานว่า ได้มีกลุ่มบุคคล และนายทุนเข้าไปบุกรุกยึดครองโดยผิดกฎหมาย เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันและปราบปราม การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางก่อนที่กำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มนายทุนว่าจ้างแรงงานต่างด้าวใช้เลื่อยยนต์ตัดต้นกระทินเทพาขนาดใหญ่ล้มปิดขวางเส้นทางเป็นระยะๆ กว่า 20 ต้น ทำให้กำลังที่นำรถยนต์เข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ จึงต้องเดินเท้าเข้าไปแทนเป็นระยะทางไกลกว่า 5 กิโลเมตร
เมื่อสอบถามชาวบ้านที่อาศัยบริเวณดังกล่าวทราบว่า ก่อนที่กำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายไม่นาน ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังขึ้น และมีการก่อไฟเผาป่าบริเวณที่ต้นไม้โค่ล้มนด้วยแต่ไฟเกิดดับเสียก่อนไม่ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่ง นายมานิตย์ วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร สั่งการให้มีการตรวจสอบจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจอย่างมาก
ภายหลังการตรวจยึดพื้นที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นายธวัช สุระบาล นายอำเภอท่าแซะ กล่าวว่า การเข้ายึดพื้นที่และรื้อถอนพืชผลของผู้บุกรุกในครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมายมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ตั้งแต่มีการแจ้ง ประกาศ ตามระยะเวลาที่กำหนด แต่ผู้บุกรุกยังฝ่าฝืนไม่รื้อถอนทรัพย์สิน พืชผลจากแปลงที่บุกรุก เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้ารื้อถอนพืชผลและสิ่งปลุกสร้างเพื่อยึดพื้นที่ป่าต้นน้ำเอาไว้ ตามเป้าหมายในวันนี้สามารถดำเนินการกับผู้บุกรุกได้ 5 ราย จากจำนวน 10 แปลง รวมพื้นที่ 136 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย
ด้าน นายสุวโรช พะลัง ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์กลุ่ม 7 กล่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อถอนพืชผล ทรัพย์สินดังกล่าวถือว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเปิดเผย และเป็นการดำเนินการเฉพาะ 10 แปลง จำนวน 136 ไร่ ที่ได้แจ้งความดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้ดำเนินการหมดทั้งพื้นที่ เพราะยังมีชาวบ้านรายอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงอีกจำนวนมาก ต่างตื่นตระหนก กลัวว่าจะถูกจับกุมไปด้วย
“เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ป่าดังกล่าวด้วย เพราะขณะที่ชาวบ้านบุกรุกและปลูกปาล์มปลูกยางทำไมไม่จับกุม แต่พอปาล์มและยางพาราโตให้ผลผลิตได้แล้วกลับมายึดพื้นที่และถอนทำลาย ขณะนี้ในพื้นที่ อ.ท่าแซะ และ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้มีการประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งพื้นที่แล้ว ชาวบ้านไม่ต้องเป็นห่วง หากมีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ตนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทางกฎหมายและพร้อมที่จะจัดหาทนายความให้ ” นายสุวโรช กล่าว
เมื่อวันที่ 15 มันาคม 2551 ที่ผ่านมา นายมานิตย์ วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร นายธวัช สุระบาล นายอำเภอท่าแซะ พ.อ.บัญชา สินเจริญ เสนาธิการจังหวัดทหารบกชุมพร นายเริงชัย ประยูรเวช ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 สุราษฎร์ธานี นายสุวโรช พะลัง ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม 7 และตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ด้านทิศเหนือ และทิศใต้ กองร้อย อส.อำเภอท่าแซะ หน่วยเฉพาะกิจเสือดำ ตำรวจภูธรท่าแซะ ตำรวจตระเวชชายแดนที่ 41 และหน่วยภาคสนาม สังกัดกรมป่าไม้ รวมกำลังกว่า 150 นาย บุกเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนป่าต้นน้ำ เพื่อทำการรื้อถอนต้นยางพารา และปาล์มน้ำมัน
ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับรายงานว่า ได้มีกลุ่มบุคคล และนายทุนเข้าไปบุกรุกยึดครองโดยผิดกฎหมาย เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันและปราบปราม การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางก่อนที่กำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มนายทุนว่าจ้างแรงงานต่างด้าวใช้เลื่อยยนต์ตัดต้นกระทินเทพาขนาดใหญ่ล้มปิดขวางเส้นทางเป็นระยะๆ กว่า 20 ต้น ทำให้กำลังที่นำรถยนต์เข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ จึงต้องเดินเท้าเข้าไปแทนเป็นระยะทางไกลกว่า 5 กิโลเมตร
เมื่อสอบถามชาวบ้านที่อาศัยบริเวณดังกล่าวทราบว่า ก่อนที่กำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายไม่นาน ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ดังขึ้น และมีการก่อไฟเผาป่าบริเวณที่ต้นไม้โค่ล้มนด้วยแต่ไฟเกิดดับเสียก่อนไม่ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่ง นายมานิตย์ วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร สั่งการให้มีการตรวจสอบจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจอย่างมาก
ภายหลังการตรวจยึดพื้นที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นายธวัช สุระบาล นายอำเภอท่าแซะ กล่าวว่า การเข้ายึดพื้นที่และรื้อถอนพืชผลของผู้บุกรุกในครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมายมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ตั้งแต่มีการแจ้ง ประกาศ ตามระยะเวลาที่กำหนด แต่ผู้บุกรุกยังฝ่าฝืนไม่รื้อถอนทรัพย์สิน พืชผลจากแปลงที่บุกรุก เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้ารื้อถอนพืชผลและสิ่งปลุกสร้างเพื่อยึดพื้นที่ป่าต้นน้ำเอาไว้ ตามเป้าหมายในวันนี้สามารถดำเนินการกับผู้บุกรุกได้ 5 ราย จากจำนวน 10 แปลง รวมพื้นที่ 136 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย
ด้าน นายสุวโรช พะลัง ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์กลุ่ม 7 กล่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อถอนพืชผล ทรัพย์สินดังกล่าวถือว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเปิดเผย และเป็นการดำเนินการเฉพาะ 10 แปลง จำนวน 136 ไร่ ที่ได้แจ้งความดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้ดำเนินการหมดทั้งพื้นที่ เพราะยังมีชาวบ้านรายอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงอีกจำนวนมาก ต่างตื่นตระหนก กลัวว่าจะถูกจับกุมไปด้วย
“เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ป่าดังกล่าวด้วย เพราะขณะที่ชาวบ้านบุกรุกและปลูกปาล์มปลูกยางทำไมไม่จับกุม แต่พอปาล์มและยางพาราโตให้ผลผลิตได้แล้วกลับมายึดพื้นที่และถอนทำลาย ขณะนี้ในพื้นที่ อ.ท่าแซะ และ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้มีการประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งพื้นที่แล้ว ชาวบ้านไม่ต้องเป็นห่วง หากมีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ตนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทางกฎหมายและพร้อมที่จะจัดหาทนายความให้ ” นายสุวโรช กล่าว