พะเยา - รองปลัด ทส.ย้ำเข้มงวดป้องกันและแก้ไขการบุกรุกป่าเอาผิดถึงขั้นเด็ดขาดหวั่นพื้นที่ป่าเหลือน้อยลงทุกขณะด้านชาวเขาแม่ต๋ำน้อยปิดล้อมหน่วยป้องกันฯ แม่กา เหตุไม่พอใจยึดรถไถขณะไถป่า
วันนี้ (24 เม.ย.) นายสมชัย เพียรสถาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวภายหลังเดินทางตรวจความคืบหน้าการบุกรุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดพะเยา ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทส.ว่า ภายหลังจากที่ได้รับทราบผลการดำเนินการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกระทรวง ในพื้นที่ จ.พะเยา แล้ว ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับกลุ่มผู้บุกรุก และทำลายป่าอย่างเด็ดขาด
โดยเฉพาะกรณีที่มีชาวบ้านปิดล้อม สนง.ป่าไม้ ที่ไม่พอใจเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีและจะเข้าตรวจยึดของกลางรถแทรกเตอร์ เมื่อวานที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยป่าอย่างมาก เพราะขณะนี้ป่าในประเทศไทยได้ถูกบุกรุกทำลายอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้น จะต้องเข้มงวดปราบปรามอย่างจริงจังก่อนประเทศไทยจะไม่มีป่าเหลือให้เห็น
นายอนุสิทธิ์ เมธาวรารักษ์ ทสจ.พะเยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่จังหวัดพะเยา พบว่ามีการบุกรุกและตัดไม้จำนวนมาก
เช่น ในพื้นที่ อ.แม่ใจ ชาวไทยภูเขาเผ่าเมี่ยน ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ ได้บุกรุกป่าอนุรักษ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวงประมาณ 600 ไร่ ปลูกกาแฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการรื้อถอนกาแฟทั้งหมดแล้ว ทางด้านบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ร่องขุย-แม่ต๋ำ หมู่ 5 ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบและพบว่าป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายจำนวนไม่น้อย ทั้งการรุกพื้นที่เดิมและป่าใหม่มากกว่า 20,000 ไร่ จึงดำเนินการตามระเบียบต่อไป
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่งาว ในเขตบ้านแม่ต๋ำน้อย ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา ปรากฏว่ามีชาวไทยภูเขาเผ่าเมี่ยนกว่า 10 คน กำลังปรับไถที่ดินโดยใช้รถแทรกเตอร์เพื่อทำการเกษตร ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการตรวจยึดรถที่กำลังไถที่ดิน
แต่ชาวบ้านไม่ยอมให้ยึดรถและนำกำลังมาปิดล้อม หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่พะเยา 3 ต.แม่กา เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่เลิกดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านที่บุกรุกป่า โดยอ้างว่าเป็นที่ดินที่ทำกินอยู่เดิม มานานกว่า 30 ปีแล้ว ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าใหม่แต่อย่างใด หลังจากที่ได้ตกลงเจรจาความกันแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านตามกฎหมายตามระเบียบ
วันนี้ (24 เม.ย.) นายสมชัย เพียรสถาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวภายหลังเดินทางตรวจความคืบหน้าการบุกรุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดพะเยา ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทส.ว่า ภายหลังจากที่ได้รับทราบผลการดำเนินการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกระทรวง ในพื้นที่ จ.พะเยา แล้ว ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับกลุ่มผู้บุกรุก และทำลายป่าอย่างเด็ดขาด
โดยเฉพาะกรณีที่มีชาวบ้านปิดล้อม สนง.ป่าไม้ ที่ไม่พอใจเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีและจะเข้าตรวจยึดของกลางรถแทรกเตอร์ เมื่อวานที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยป่าอย่างมาก เพราะขณะนี้ป่าในประเทศไทยได้ถูกบุกรุกทำลายอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้น จะต้องเข้มงวดปราบปรามอย่างจริงจังก่อนประเทศไทยจะไม่มีป่าเหลือให้เห็น
นายอนุสิทธิ์ เมธาวรารักษ์ ทสจ.พะเยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่จังหวัดพะเยา พบว่ามีการบุกรุกและตัดไม้จำนวนมาก
เช่น ในพื้นที่ อ.แม่ใจ ชาวไทยภูเขาเผ่าเมี่ยน ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ ได้บุกรุกป่าอนุรักษ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวงประมาณ 600 ไร่ ปลูกกาแฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการรื้อถอนกาแฟทั้งหมดแล้ว ทางด้านบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ร่องขุย-แม่ต๋ำ หมู่ 5 ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบและพบว่าป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายจำนวนไม่น้อย ทั้งการรุกพื้นที่เดิมและป่าใหม่มากกว่า 20,000 ไร่ จึงดำเนินการตามระเบียบต่อไป
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่งาว ในเขตบ้านแม่ต๋ำน้อย ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา ปรากฏว่ามีชาวไทยภูเขาเผ่าเมี่ยนกว่า 10 คน กำลังปรับไถที่ดินโดยใช้รถแทรกเตอร์เพื่อทำการเกษตร ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการตรวจยึดรถที่กำลังไถที่ดิน
แต่ชาวบ้านไม่ยอมให้ยึดรถและนำกำลังมาปิดล้อม หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่พะเยา 3 ต.แม่กา เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่เลิกดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านที่บุกรุกป่า โดยอ้างว่าเป็นที่ดินที่ทำกินอยู่เดิม มานานกว่า 30 ปีแล้ว ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าใหม่แต่อย่างใด หลังจากที่ได้ตกลงเจรจาความกันแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านตามกฎหมายตามระเบียบ