xs
xsm
sm
md
lg

เพิกถอนสิทธิที่ดิน “ศรีสุบรรณฟาร์ม” แล้วกว่า 700 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดี ดีเอสไอ พร้อมด้วยนายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผบช.สน.ดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณี บ.ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
สุราษฎร์ธานี - “รองอธิบดีดีเอสไอ” นำทีมตรวจสอบที่สาธารณประโยชน์ดอนขี้หนอน สุราษฎร์ธานี พบมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เตรียมเสนอกรมที่ดินเพิกถอน น.ส.3ก.เพิ่มอีก หลังเสนอเพิกถอนไปแล้ว 45 แปลง เนื้อที่กว่า 700 ไร่ของ บ.ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด

วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้บัญชาการสำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ และทีมงานหลัก 3 คน คือ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม 1 นางกัลยากร กันตะสุวรรณ และ นายนภดล รัตนเสถียร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 8 เข้าตรวจสอบสภาพพื้นที่สาธารณประโยชน์ควนขี้หนอน ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังจากที่ดินดังกล่าวได้รับเอกสารสิทธิ นส.3 ก และ บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ได้ประมูลซื้อจากการประกาศขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีประมาณ 33 ล้าน 3 แสนบาท

ต่อมา นายวิลาศ ไกรวงศ์ อดีตกำนันตำบลน้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม นำเรื่องดังกล่าวทูลเกล้าฯถวายฎีกาไปที่สำนักพระราชวัง เมื่อปลายปี 2547 ให้ตรวจสอบที่มาของการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก.ทั้งหมด จนกระทั่ง ดีเอสไอ จัดทีมงานมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่า สภาพพื้นที่ปัจจุบันบางส่วนขัดแย้งกับพื้นที่ในการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.และไม่ตรงกับแผนที่ดาวเทียม และ จีพีเอส

ขณะเดียวกัน ยังพบว่า หลักแนวเขตสาธารณะมีการโยกย้ายออกไปจากเดิมโดยมีหลักแนวเขตใหม่ ซึ่งเป็นหลักแนวเขตภายหลังจากที่มีการออกเอกสารสิทธิไปแล้ว มาปักใหม่ เมื่อประมาณปลายปี 2548

โดยวันนี้ (10 เม.ย.) นายวิลาส ไกรวงศ์ อดีตกำนันตำบลน้ำหัก พร้อมชาวบ้านนำคณะรองอธิบดีเข้าดูหลักเขตพื้นที่สาธารณะประโยชน์ดอนขี้นอนเดิม ที่อยู่กลางดงสวนยางพารา และหลักเขตอันใหม่ที่อยู่ในแปลงสวนปาล์ม พื้นที่ของบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ที่พนักงานของบริษัทปักแล้วนำเจ้าหน้าที่ดินมารังวัดพื้นที่ จนมีการทับที่ของชาวบ้าน และพื้นที่สาธารณะประโยชน์ดอนขี้นอน

หลังจากตรวจพื้นที่แล้ว นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังจากเสนอกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิที่อยู่ในความครอบครองของ บ.ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด จำนวน 45 แปลง เนื้อที่ 700 กว่าไร่ ไปแล้วนั้น ส่วนที่เหลือ จำนวน 36 แปลง เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่นั้น

จากการตรวจสอบพื้นที่ และสอบข้อเท็จจริงจากชาวบ้าน พบว่า มีการออกเอกสารสิทธิ นส.3 ก มีบางแปลงมีการออก โดยถูกต้อง และมีบางแปลงออกเอกสารสิทธิโดยไม่ถูกต้อง และเตรียมเสนอให้กรมที่ดินทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป

ในส่วนที่พยานอ้างว่า มีการเคลื่อนย้ายหลักเขตพื้นที่สาธารณประโยชน์แล้วปักหลักเขตใหม่ เพื่อทำการรังวัดที่ดินให้ได้ตามเอกสารสิทธิ ทำให้พื้นที่สาธารณะประโยชน์ดอนขี้หนอน หายไปจำหนึ่งนั้น เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบรังวัดที่ดินใหม่ หรือจะดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ในสังกัด พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ DSI ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากยังไม่เข้าข่ายและยังไม่มีผู้ร้อง เบื้องต้นเป็นการขัดแย้งเรื่องแนวเขต และยังไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้น

ด้าน นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้บัญชาการสำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ที่ดินสาธารณะควนขี้หนอน ที่ อ.คีรีรัฐนิคม แห่งนี้ ดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบตั้งแต่ต้นปี 2548 ภายหลังสำนักพระราชวังได้ประสานมา และตรวจสอบเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณ 45 แปลง จาก 81 แปลง รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดประมาณปี 2549
 
พร้อมเสนอให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอนประมาณ 700 ไร่ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิกถอนของกรมที่ดิน ส่วนที่เหลือจะเร่งพิจารณาตรวจสอบให้เร็วที่สุด และตอนนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งจะเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนเพิ่มเติมอีก

อย่างไรก็ตาม โดยความเห็นส่วนตัวมองว่า ที่ดินทั้งหมดเป็นที่ดินสาธารณะ และตามข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของดีเอสไอ ควรที่จะมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิให้หมดก่อน ส่วนขั้นตอนต่อไป เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะพิจารณาว่า เพิกถอนหรือไม่ โดยภายหลังจากที่ ดีเอสไอ เสนอเพิกถอนไปแล้ว ต้องรอดูขั้นตอนของกรมที่ดินต่อ หากพิจารณาไม่เพิกถอนก็ต้องดูที่เหตุผลประกอบกัน ทั้งนี้ ต้องรอให้เสร็จสิ้นกระบวนการสรุปของดีเอสไอ อีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ควนขี้หนอน ปัจจุบันมีสวนยางของชาวบ้าน และสวนปาล์มปลูกเต็มพื้นที่ทั้งหมด โดยชาวบ้านในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เป็นอย่างดี และทุกคนยืนยันว่า ที่ดินแห่งนี้เป็นที่หลวงมาก่อน และต่อมาชาวบ้านได้จับจองพื้นที่ทำกินมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมากว่า 30 ปีแล้ว และพยายามขอเอกสารสิทธิมาโดยตลอด

แต่ถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยอ้างว่า เป็นที่ดินสาธารณะ ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิให้ได้ แต่ภายหลังมีการออกเอกสารสิทธิให้กับบริษัทของนายทุนจนกระทั่ง บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ได้ครอบครองที่ดินทั้งหมด

หลักเขต

กำลังโหลดความคิดเห็น