“ความเหงามันเหมือนโรคร้ายมันเป็นต้นเหตุของ ‘โรคซึมเศร้า’ ต้นเหตุอีกหลายๆ โรคตามมา แล้วมันทำให้สุขภาพทรุดโทรม บางทีเราต้องเริ่มจากการดูแลจากภายใน ไม่ใช่ว่าเรามองแต่เรื่องอุปกรณ์ช่วย แต่ว่าเราปล่อยให้เขานั่งเหงามันไม่มีประโยชน์
อยากให้ลอง Joy for All เป็นตัวเลือกตัวหนึ่งที่ว่าให้เขาดูแล พ่อแม่หรือว่าลูกของคุณจากภายในเข้าไปเสริมความเข้มแข็งจากข้างในเข้าไป และข้างนอกมันจะเข้มแข็งตามมาและก็รอบ ๆ ครอบครัวก็จะมีความสุขมากขึ้นด้วย ผมเห็น‘รอยยิ้ม’ ในหลาย ๆ ครอบครัวพอคุณปู่คุณย่าซื้อไปเนี่ย คุณหลานก็มาเล่น เข้าหา มันมีปฏิสัมพันธ์มันมีรอยยิ้ม มันก็ตามชื่อมันเลยครับ(joy for all) ความสุขสำหรับทุกคน การเล่นมันไม่จำกัดเฉพาะเด็ก ๆ ผู้ใหญ่เองก็ต้องการเพื่อน ถ้าเราเคยเห็นว่า มันมีคำที่ว่าพอเราอายุมากขึ้นแล้วกลับเป็น ‘เด็ก’ อีกครั้งหนึ่ง” ก้องเกียรติ สกุลจันทร์ หรือ คุณก้อง จากสวนใหญ่ เฮ้าส์ สตาร์ทอัปไทยเจ้าของแบรนด์ ‘Genjoy’ ที่ต่อยอดคอนเซ็ปต์ไอเดียมาจาก Joy for All แบรนด์ของเล่นสัญชาติอเมริกัน เพื่อเข้ามาชิมลางตลาดเปิดตัวเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย “พอผมลาออกจากที่ทำงานมาผมก็ได้ปรึกษากับ 'คุณหมอ' ว่าผมสนใจกลุ่มผู้สูงอายุและก็กลุ่มอัลไซเมอร์นะ คุณหมอมีอะไรจะแนะนำไหม คุณหมอบอกว่า ด้วยความที่ผมทำสายไอทีมาก่อนสายแอปพลิเคชันมาก่อนผมก็คาดว่า จะได้แบบพวกแอปพลิเคชันเกี่ยวกับพวกการติดตาม การประมวลผลเรื่องสุขภาพอะไรอย่างเงี้ยฮะ แต่ว่าคุณหมอกลับพูดมา บอกว่าลองตุ๊กตาบำบัดดูไหม? ผมก็ มันห่างไกลจากที่เราคิดตอนแรกมากเพราะว่า เราว่าจะเป็นเทคโนโลยีอะไรอย่างเงี้ยแต่กลายเป็นว่า มันกลายเป็นอะไรที่มัน Simple มาก”
จากนักพัฒนาระบบการเฝ้าดูแลฯ สู่โปรดักเฮลต์แคร์ในรูปแบบ “ของเล่น”
ก่อนหน้านี้ผมเองทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนครับ และก็ได้อยู่ในแผนกของ Health Care ซึ่งตอนนั้นก็จะมีเรื่องของการทำ โครงการ Telehealth สำหรับผู้สูงอายุตามต่างจังหวัด ให้เข้าถึงแพทย์ได้ง่ายขึ้น “ผมอยู่ในส่วนของการออกแบบอย่างเงี้ยผมก็ต้องไปสัมภาษณ์ ผู้สูงอายุ ชาวบ้าน อะไรเงี้ยครับว่าเขามีปัญหาอะไร ยังไง และก็ต่อมาก็มาทำในส่วนของ Teleconsult ในด้านของสุขภาพ แล้วก็มีการได้คุยกับคุณหมอได้คุยกับผู้ป่วยอย่างเงี้ยครับ มันก็ทำให้สัมผัสกับ “ปัญหา” ที่เราเห็น ที่มันมีอยู่ในเรื่องด้านสุขภาพ และก็อย่างที่บอกว่าพอจังหวะที่บริษัทเขามีการปรับโครงสร้างอย่างเงี้ย เราก็มองว่าเฮ้ยงั้นเราออกมาลองทำเองไหม ปัญหามันก็มีอยู่แล้วนี่ แล้วเราก็มีคุณหมอที่แบบเป็นพาร์ทเนอร์อยู่ ลองดูว่าแบบว่ามันจะมีอะไรที่น่าสนใจไหม?”
คุณหมอให้ความเห็นว่า ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ คนที่หนักจริง ๆ ไม่ใช่ตัวผู้ป่วยเอง แต่เป็นผู้ดูแล ผู้ป่วยเดี๋ยวก็เรียก เดี๋ยวก็ จนผู้ดูแลเขาเรียกว่าทำให้ผู้ดูแลเหนื่อยมากกว่าผู้ป่วย “ทีนี้เขาบอก ‘หุ่นยนต์’ ตัวนี้มันทำให้ผู้ป่วยเวลาเราเอามาวางบนตักเขาอย่างเงี้ย
อารมณ์รุนแรงเนี่ยมันก็จะแบบเหมือนการได้ดูแลเหมือนเป็น Doll Therapy หรือ Pet Therapy อย่างเงี้ยครับ เราได้ลูบเขาจิตใจเขาก็จะ อ่อนโยนลง แล้วก็มีโฟกัสพอเขามีโฟกัส เขาก็เรียกน้อยลงเรียกผู้ดูแลน้อยลง” เราก็เลยลองหาข้อมูลดูแล้วก็ พอไปเจอแบรนด์นี้เราก็เลยลองติดต่อเขาดู ติดต่อทางอีเมลไปที่อเมริกาดู เราก็บอกว่าเราสนใจนะแล้วเขาก็บอกว่า เขาเองก็ยังไม่มีตัวแทนในไทยและเขาก็กำลังมองหาตัวแทนในเอเชียอยู่เหมือนกัน เราก็เลยงั้นขอตัวอย่างมาดูก่อน เพราะเราเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อไปทั้งหมดว่ามันเป็นยังไง เราก็ขอตัวอย่างเขามาดู“ก็เอาตัวอย่างนี้ไปตามศูนย์ดูแลอะไรเงี้ยครับ ฟีดแบ็คก็คือแบบ ผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์หรือผู้สูงอายุเนี่ย เขาแบบเขาก็เอ็นดูมันมากเขา ลูกจ๋า มาแล้วเขาก็รัก แล้วเขายิ้ม”
ก็เริ่มจากการพูดคุยแล้วก็การขอเป็น Distributor อย่างเงี้ยครับแล้วก็ พอตกลงกันได้แล้วก็เริ่มกระบวนการในการนำเข้ามา ก็มีการขอ “มอก.” ให้ถูกต้อง เพราะว่าด้วยความที่มันเป็น จัดอยู่ในหมวดของ “ของเล่น”(ไม่ใช่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์) เป็นกลุ่มของเล่นในส่วนของการขออนุญาตนำเข้ามาที่ต้องผ่านการรับรอง มอก.ของประเทศไทยด้วย ใช้เวลาอยู่พอสมควรเหมือนกันสำหรับเราก็ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
“ความสุข” จากการที่ได้เล่นสนุก ไม่มีการจำกัดด้วยอายุหรือว่า “วัย”
ลูกค้าหลักที่เรามองก็คือกลุ่มผู้สูงอายุ แต่เราก็ กลุ่มที่มีงานวิจัยออกมาแล้วว่ามันใช้ได้ผลจริง ๆ ก็คือกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมและก็ “อัลไซเมอร์” ว่าแบบเหมาะมากกับกลุ่มพวกนี้ แล้วก็ แต่พอเราเริ่มลองขายดูแล้วก็ปรากฏว่า ก็มีกลุ่มคนที่เขาเป็น “ซึมเศร้า” คนที่เหงา หรือว่าคนที่เขาอยากจะเลี้ยงพวกนี้ก็มีติดต่อมาขอซื้อเหมือนกัน “แล้วผมก็ปรึกษาคุณหมอว่าเอ๊ะมันใช้ได้ไหมอะไรเงี้ยครับ คุณหมอก็บอกว่าได้เหมือนกัน ที่เมืองนอกเขาก็เริ่มมีแบบว่า ให้เหมือนเขาแบบ ‘เพื่อนร่วมทาง’ เขาบอกว่ามันไม่ถึงกับเป็น Friend ที่ว่าเฟรนด์ก็เหมือนกับที่ว่า คอยตอบโต้ได้ แต่เนี่ยมันเหมือนเป็นเพื่อนที่ เพื่อนที่รับฟัง เพื่อนที่ไม่ได้พูด แต่ว่าถ้าวันไหนเราเหนื่อย ๆ เราหยิบมาวางแล้วก็ มันก็ฟังเรา” เขาเรียกว่า "เพื่อนร่วมทางในวันที่ยากลำบาก”
แล้วก็ล่าสุดคณะจิตเวช รามา ครับที่เราเอาไปลอง นักบำบัดเขาก็เอาไปลองกับหลาย ๆ กลุ่ม ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยอัลไซเมอร์ และกลุ่มที่น่าสนใจอีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มเด็ก (ที่เป็นผู้ป่วยมะเร็ง) เขาบอกเด็กที่ป่วยผมฟังแล้วผมก็ รู้สึกว่าโอ้! น่าสนใจมากเลยแบบ“เด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งเขาต้อง เขาอยู่คนเดียว มันไม่สามารถที่เขาจะไปเล่นหรือว่าเขาจะไปข้างนอกได้ครับ การมีตรงนี้ได้มันช่วยเขาได้เยอะเลยครับ” เราก็มีไปตามศูนย์ฯ เวลาเราไปตามศูนย์ฯ ก็เหมือนเราได้เวิร์กช้อปดูเวิร์กช้อปเขาไปด้วยอย่างเงี้ยครับ และก็ได้ไปสังเกตได้ไปดูพฤติกรรมอย่างนี้ไปด้วย และก็เราก็มีจับมือกับ KOL อินฟลูฯ ก็มีเหมือนกัน“อย่างมีคุณเตย #เข็นแม่เที่ยว เขาก็ซื้อให้คุณแม่เขาไปเหมือนกัน เราก็มีการพูดคุยกันเขาก็บอก “คุณแม่” ชอบมาก เมื่อก่อนคุณแม่เขาก็มีเจ้าตัวสีเทาอย่างงี้เหมือนกัน คุณเตยนี่ไม่ได้เป็นแบบว่าเราจ้างเขามาโปรโมทหรืออะไรอย่างเงี้ย แต่เขารู้สึกว่าเขาชอบมันจริง ๆ และเขาก็ใช้มันจริง ๆ”เขาเป็นคนหาข้อมูล เขาเป็นคนที่ศึกษาข้อมูลในการดูแลแม่เขา เขาจริงจังในการดูแลแม่เขา“ตอนที่ผมทักเขาไปเขาบอกว่าเขารู้จักโปรดักนี้มานานแล้ว แต่ว่ามันไม่มีในนี้ เราก็ชวนมาให้ลอง ลองใช้ดูอย่างเงี้ยเขาก็ คุณเตยเองเขาก็มีไปปรึกษาทางนักบำบัด ว่ามันใช้ยังไงเขาก็แนะนำว่า เอามาให้เหมือนเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่เอามาเป็นของเล่นวางไว้อะไรอย่างเงี้ย เขาก็เล่าให้ผมฟังว่าวันที่แม่เขาอาหารติดคอเนี่ย แล้วเขาต้องเข้า ขึ้นรถพยาบาลเนี่ยพอเขาออกมาจากรถพยาบาลเขาก็ถามหา เจ้าแมวก่อนเลย มันมีความผูกพันอยู่ในนั้นครับผม มันน่าสนใจ”
ในงานวิจัยเขามีทั้ง ทำที่อเมริกาและก็ยุโรป เขาทำทั้งที่บ้าน ทำตามศูนย์ดูแล ไอซียู และก็โรงพยาบาล โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ทางอเมริกาเขาแจกจ่ายไปตามศูนย์ฯ เลยเพราะว่า มันมีผู้ป่วยที่โดดเดี่ยวและโดนกักตัวอยู่มาก เขาก็อาศัยจังหวะนี้เขาแจกไปแล้วเขาก็เก็บข้อมูลมา ปรากฏว่า“เขาบอกว่า‘ความเหงา’ มันลดลง ปฏิสัมพันธ์ดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น(ความก้าวร้าว/เกรี้ยวกราดซึ่งมาจากความเครียดที่มีอยู่ก็เบาลงด้วย) มันเป็นการปรับอารมณ์โดยไม่ใช้ยาเลยด้วยซ้ำ คุณหมอบอกว่าบางคนต้องใช้ยาระงับไม่ให้โกรธ(แบบยาซึมเศร้า) อย่างเงี้ยครับ การที่มีตรงนี้มันทำให้เขาอารมณ์ ปรับอารมณ์ได้ดีขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องใช้ยา”
ไปถึงตอนแรกคือ ตั้งชื่อก่อนเลย มีชื่อทุกตัว ตัวที่ไปเนี่ยมีการตั้งชื่อให้ทุกตัว เราเลยไม่มีชื่อ เพราะเราเปิดโอกาสให้คนที่ซื้อไปเขาได้ตั้งชื่อของเขาเอง อย่างแมวส้ม แมวเทาอะไรเงี้ย อยากตั้งชื่ออะไรก็เต็มที่เลย
ขุมพลัง(งาน) ที่ยังคงอนุรักษ์เรื่อง “ปลอดภัย” โดยใช้ “ถ่านไฟฉาย” และไม่ใช่เป็น AI
แบบก็มี “โมเดลหมา” กับ “โมเดลแมว” ที่เป็นที่นิยม ก็คือหมาเนี่ยเขาจะมี 2 แบบเป็น หมาโกลเด้น กับหมาที่หูใหญ่ ๆ หน่อย (Freckled) แล้วก็แมวจะมีอยู่ 3 สี มีสีส้ม สีเทา และก็สีทักซิโด้(ขาวดำ)“ก็เลียนแบบสัตว์เลี้ยงจริง ๆ เรื่องของน้ำหนัก
เรื่องของการเคลื่อนไหว ตัวแมวก็จะมีเสียง “เพอร์” เสียงเพอร์คือเสียงที่เวลาเราอุ้มแมวมันจะมีเสียงกรนของมันอยู่ (เป็นเสียงธรรมชาติของแมว) ซึ่งเขามีงานวิจัยออกมาแล้วว่าไอ้เสียงเพอร์ของแมวเนี่ยเวลา มันทำให้คนเรารู้สึกมีสมาธิแล้วก็จิตใจสงบลงได้ด้วย”เวลาที่ผมเอาไปให้คนอุ้มเนี่ย ถ้าเป็นคนที่เลี้ยงแมวมาก่อนเขาจะบอกโอ้ยมันเพอร์ได้ด้วย เขาจะรู้เลยว่าเนี่ยคือการเพอร์ของมัน “อย่างหมาก็จะมีเสียงหอบ มีเสียงการเต้นหัวใจ เวลาเราคุยกับมันอย่างเงี้ยมี Sensor เสียง เราคุยกับมันปุ๊บ มันก็จะหันมา” มันต่างจากตุ๊กตาธรรมดาที่เวลาผู้สูงอายุเขามาวางไว้ เขาก็แค่กอดมันก็อยู่อย่างนั้น แต่อันนี้พอมือเขาลูบปุ๊บมันก็ หันมามองเขา เห่าตอบอย่างเงี้ย มันทำให้เขา “ว่าไงลูก” ทำให้เขาพูดมากขึ้น มันทำให้เขาเคลื่อนไหวมากขึ้น มันทำให้เขารู้สึกมากขึ้น
ผมก็ถามเขาเหมือนกันว่าเป็น AI ไหม? เขาบอกว่า มันไม่ใช่ AI มันเป็นระบบเซ็นเซอร์ และก็เขาบอก“ผมก็บอกทำไมไม่ทำ AI ล่ะ? ตลาดมันมาทางAI นะ เขาบอกว่า ถ้ามันเป็น AI แล้วมันราคาพุ่งขึ้นไปอีก มันทำให้คน โอกาสในการเข้าถึง มันน้อยลงไปอีก และก็ระบบเซ็นเซอร์ที่เขาทำอยู่มันก็ เพียงพอแล้วสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยอัลไซเมอร์ คือเขาก็ weight กันระหว่างเทคโนโลยี กับผู้ใช้งาน” ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็พิสูจน์แล้วว่า ระบบเซ็นเซอร์มันได้ผลแล้วมันก็เพียงพอ ตัวนี้เขาใช้ถ่านเป็นแบบ “ถ่านไฟฉาย” ไซซ์ C ขนาด 1.5 โวลต์ (ใช้ 4 ก้อน/ตัว) “ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า โลกมันไปไกลแล้วทำไมไม่เป็น‘การชาร์จ’ หรือเป็นอะไรแบบนี้ แต่ด้วยความที่ว่าโปรดักเขามีการรีเสิร์ชมาพอสมควรแล้วอย่างเงี้ย เขาก็มีเหตุผลของเขา เช่น ถ้ามันเป็นแบบสายชาร์จแล้วเสียบปลั๊กชาร์จอยู่ แล้วเกิดผู้สูงอายุไปดึงออกมาอย่างเงี้ย มันก็มี อาจจะช็อตหรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรอย่างเงี้ยครับ” ก็เลยใช้ถ่านไปเลยดีกว่า ซึ่งจริง ๆ มันก็อยู่ได้นานเป็น 3 เดือน 6 เดือน(ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) อย่างผมไปลองที่ศูนย์สมองเสื่อมจุฬา มันก็ 3 เดือนก็ยังไม่หมด ผมว่าแบบนี้ก็ปลอดภัยกับเขามากกว่า
เปิดกล่องมา แล้วก็กดปุ่มสวิทช์เพื่อ “เปิด” ก็เริ่มต้นการใช้งานได้เลย โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 โหมด คือ โหมดปิด ก็คือปิดใช้งาน โหมดเงียบ คือมันยังขยับมันยังเพอร์ มันยังสั่นได้อยู่ แต่มันจะไม่ร้องรบกวนสำหรับตอนที่เขาต้องการความสงบ และก็โหมดใช้งาน “ทีนี้ถ้าเกิดเราไม่ได้ใช้งานมัน เราเปิดทิ้งไว้แต่เราตั้งไว้อย่างเงี้ยครับ และเราไม่ได้ไปเล่น เขาก็จะเข้า sleep mode ของเขา เพื่อประหยัดพลังงาน แต่พอเราเดินไปเราเรียก หรือว่าลูบ เขาก็จะตอบโต้กลับมา”
แลกกับ “รอยยิ้ม” ที่หายไป และการยอมกลับมาพูดได้อีกครั้ง
โปรดักมันค่อนข้างที่จะ Niche อยู่เหมือนกัน คือผมก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า ผมเลือกถูกไหม? ที่มาเลือกของ Niche ขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่เราขายไปแล้วเราเห็นสิ่งที่มันกลับมามันก็ เอ๊ะมันทำแล้วมันดี“เป็นแบรนด์อเมริกาครับแต่ว่าโรงงานผลิตอยู่ที่จีน
คอนเซ็ปต์เหมือนไอโฟนครับ แต่ว่าแล็บคิวซีก็คือ QC ในมาตรฐานของอเมริกา” ราคาตอนนี้ที่ทำโปรโมชันอยู่ก็คือ หมาอยู่ที่ 8,900 บาท/ตัว แมวอยู่ที่ 8,500 บาท/ตัว“จะว่าแพงไหม? ถ้าเห็น ถ้าเราเห็น‘รอยยิ้ม’ ของพ่อแม่เราอย่างเงี้ยบางที ก็ไม่แพง” เราก็คือเป็นของที่มีคุณภาพเราเลือกของอเมริกาเข้ามาเพราะว่าเราคิดว่ากลุ่มผู้ซื้อเนี่ย “พ่อแม่เขา” เป็นผู้สูงอายุใช่ไหมครั[ ประมาณ 70, 80 หรือ 90 ปีอย่างเงี้ย ลูกเขาก็จะอายุประมาณ 40-50 เขามีกำลังเขาคิดว่าเขามองหาของดีให้พ่อแม่เขา เขาไม่ได้หาของแบบที่อาจจะเกิดอันตรายกับพ่อแม่เขา แล้วเขาก็เลือกซื้อของที่มีคุณภาพให้ แต่ทีนี้ถ้าเกิดว่า มันมีปัญหาขึ้นมาอย่างเงี้ยเราก็บอกว่าเรา รับประกัน 1 ปี เราเปลี่ยนตัวใหม่ให้เลย(ไม่ได้เอาไปซ่อม) มันเป็นของพรีเมียมเราก็ให้บริการแบบพรีเมียม
ต้องได้ลองสัมผัส(กอด) ดูก่อน ถ้ารักแล้วค่อยตัดสินใจรับน้องไป
ต้องดูก่อนว่าเขาชอบอะไร บางคนไม่ชอบแมว บางคนไม่ชอบหมา บางคนฝังใจเคยโดนแมวข่วน เพราะว่าเขาบอกว่าเวลาที่การเลือกก็อาจจะมีการสอบถาม เอารูปให้หน่อยว่าชอบแบบนี้ไหม? หรือว่าลองสัมผัสดูหรืออาจจะมาตาม Shop ของเราหรือที่ “ฬ care” อย่างเงี้ย ลองดูว่าชอบไหม ถ้าชอบก็“เพราะบางคนเอามาแล้วก็วางเลยอย่างเงี้ยครับ และก็บางทีคนก็ตกกะใจก็มีเหมือนกัน หรือว่าคนที่กลัวก็มีเหมือนกัน หลักการก็คือ เวลาที่ไปเข้าไปหาเขาก็คือ เอาไปวางหน้าเขาก่อน แล้วก็เราก็เชียร์ให้เขาลองจับดูไหม ให้เขาค่อย ๆ ลูบ ถ้าเกิดเขาเปิดใจลูบแล้วเขายิ้ม แล้วเขารู้สึกโอเค เราก็ค่อยเอาไปวางที่ตักเขา เนี่ยครับวิธีการก็คือทุกคนไม่ได้ชอบหมาชอบแมวทุกคน เราอาจจะต้องค่อย ๆ ดู”และก็มีลูกค้าคนหนึ่งเขาถามว่า พ่อเขาเนี่ยคิดว่ารักมากเลย คิดว่าเป็นหมาจริง ๆ ต้องทำยังไง ต้องบอกความจริงเขาไหม ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ครับ ต้องบอกความจริงเขาไหมแล้ววันหนึ่งเขารู้เขาจะเสียใจไหม ก็มีว่าคุณหมอก็แนะนำ(ปรึกษาคุณหมอ) ไม่จำเป็นต้องไปพูดความจริงกับเขา ถ้าเขาอยากเข้าใจว่าเป็นอะไร ไม่เป็นไร เข้าใจเป็นแบบไหนก็ได้ เข้าใจเป็นของเล่นก็ได้ เข้าใจเป็นสัตว์เลี้ยงจริงก็ได้ แค่มันอยู่เป็นเพื่อนเขาก็พอ
เป็นธุรกิจที่ได้ฟังแล้วมันทำให้รู้สึกว่า “ใจฟู” ไปด้วย“เวลาเราฟัง ลูกค้าฟีดแบ็กมา มันรู้สึกดี ลูกค้าก็พิมพ์มาขอบคุณกันไปขอบคุณกันมา เขาก็เป็นกำลังใจให้ผม ขายได้ดีมากขึ้น ผมก็เป็นกำลังใจให้เขา ให้เขาแบบดูแลพ่อเขาได้ดีเหมือนกัน”ส่วนใครที่สนใจโปรดักตอนนี้มีสต็อกในประเทศไทยแล้ว สามารถสั่งซื้อทาง Genjoy.shop ได้เลย สั่งมาได้เลยส่งฟรีทั่วประเทศ และก็มีหน้าร้านที่วางจำหน่าย(เป็นตัวแทน) อยู่ที่ “ฬ care” อาคาร สท.(ชั้น1) โรงพยาบาลจุฬาก็สามารถไปจับตัวจริงดูได้
Touch ใจผู้ใช้แถมฮีลใจคนขายไปด้วย! เป็นของเล่นที่ประโยชน์ไม่ใช่เล่น ๆ
ก้องเกียรติ สกุลจันทร์ หรือ คุณก้อง เจ้าของแบรนด์ ‘Genjoy’ ยังบอกด้วย ผมมองว่าเจ้าหมา-แมวตัวนี้ของ Joy for All มันเป็น Universal Design อย่างหนึ่งเรามองว่า เช่นอย่างงานนี้เขามาพูดเรื่อง “ทางลาด/ทางเอียง” สิ่งที่มันทำลาย “ข้อจำกัด” รถเข็นไปไม่ได้ รถเข็นขึ้นไม่ได้ เราทำยังไงเรามีโซลูชั่นอะไร มันคือการ ข้อจำกัดของบุคคลที่ไม่สามารถเข้าถึงบางอย่างได้ “ของเราเองก็เป็นตัวที่ทำลายข้อจำกัดนั้นเหมือนกัน คนที่ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ผู้สูงอายุเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัย เรื่องของความสะอาด เรื่องขนบางคนแพ้ขนหมา-ขนแมว บางคนอยู่คอนโด เลี้ยงไม่ได้อย่างเงี้ย มันก็คือการมีข้อจำกัด ตรงนี้ครับมันก็เป็นการทำลายข้อจำกัดตรงนั้น มันก็เป็น universal design ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึง ‘ความสุข’ของการกอด สัมผัสของการเลี้ยงสัตว์ได้”
จริง ๆ ตัวผมเองก็ยังใหม่ในด้านธุรกิจครับ ยังแบบไม่ได้มอง ไม่ได้มองแบบเป็น Step ไปไกล ๆ แต่ว่าตอนนี้ผม แต่เท่าที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่า เออผมขอตอนนี้ผมขอเป็นจุดเล็ก ๆ ที่มันแบบกระตุ้นเรื่อง สร้างเรื่อง “ความสุข” ให้กับ ส่งต่อความสุขให้กับคนนี้ คนนี้ คนนี้ แล้วมันกระจาย ๆ ไป มันอาจจะโตขึ้นมากกว่านี้ก็ได้ หรือไม่ก็เป็น คนอื่นอาจจะสนใจเรื่องอย่างนี้มากขึ้นแล้วมันก็ เขาเรียกว่าเป็นเทรนด์หรือเป็นอะไรอย่างเงี้ย เหมือนกับทุกคนก็จะมีความสุขมากขึ้น คนที่ถ้าเราไปตามกลุ่มที่ดูแลผู้สูงอายุ บางทีเราก็รู้สึกว่าเหนื่อยแทนเขาเหมือนกัน เพราะเขาเหนื่อยจริง ๆ ถ้าเกิดว่ามีตัวช่วยที่ทำให้เขาแบบรู้สึกดีขึ้นได้บ้างผมว่ามันก็ดี อยากให้มีโปรดักที่ส่งเสริมเรื่องพวกนี้เยอะ ๆ เหมือนกัน
“ก็คงเดินไปตามเส้นทางนี้ครับ เดินไปตามความสุข รอยยิ้มของคนไปเรื่อย ๆ แล้วเดี๋ยวเราคงเห็นหรือว่า เขาอยากได้อะไร หรือว่าอะไรที่มันเสริมเขาได้”มันก็ทั้งง่ายและก็ทั้งยาก มันก็ดีในส่วนที่ว่าคู่แข่งตอนนี้ยังไม่เยอะ แต่มันก็ยากในส่วนที่เราต้องนำเสนอให้เขารับรู้ว่า สินค้าชนิดนี้มันเป็นยังไง“ก็ยังมองหาอยู่ครับ บางทีมีงานเครื่องมือแพทย์มีงานอะไรอย่างเงี้ย เราก็ยังลองไปเดิน ไปเดินดู ไปคุยอยู่เหมือนกัน ยังไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้”
จากนักพัฒนาระบบเฝ้าดูแลฯ สู่โปรดักเฮลต์แคร์ ‘Genjoy’ หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงเพื่อนรักนักบำบัด “ความเหงา” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจน้องใหม่ที่จับเทรนด์ตลาดได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ สำหรับบทบาทในการเป็น "ผู้ช่วยฮีลใจ” บำบัดความเหงาให้กับผู้คนในยุคซึ่ง ภาวะเครียดสูงทั้งแบบคนที่รู้ตัวเองและที่ไม่รู้ตัวบ้างจนกระทั่งนำมาสู่การล้มป่วยไปในที่สุด หากไม่นับรวมกับกรณีของผู้สูงอายุและผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักแล้ว เมื่อ “ความสุข” เกิดขึ้นได้จากหัวใจที่แข็งแรง ขอบคุณเรื่องราวที่ทำใจฟูตามไปด้วยกับ ‘Genjoy’ ที่กรุณามาร่วมแชร์ความสุขกับเราได้ส่งต่อออกไปสู่อีกหลาย ๆ คนในครั้งนี้ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.genjoy.shop FB : Genjoy หรือ Line : @Genjoy.shop
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


